บทความจาก Harvard T.H. Chan School of Public Health เป็นโรงเรียนสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่อยู่ในเขตการแพทย์ Longwood ของบอสตันรัฐแมสซาชูเซตส์ ได้เขียนบทความวิจัยเกี่ยวกับกล้วย 4 ชนิด ด้วยกันนั่นก็คือ กล้วยหอม (Cavendish) กล้าย (Green Banana) กล้วยนาก (Red Banana) และ กล้วยไข่ (Lady Finger) ซึ่งมีวิธีทานและลักษณะที่แตกต่างกัน แต่คุณผู้ฟังครับ สิ่งเดียวที่เหล่ากล้วยจอมซนพวกนี้มีเหมือนกันก็คือ คุณประโยชน์หลักๆ สำคัญ 3 ประการด้วยกัน คือ
ประการที่ 1: กล้วยช่วยเรื่องสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด
คุณผู้อ่านทุกท่านครับ กล้วยเป็นแหล่งกำเนิดที่สำคัญของโพแทสเซียม แร่ธาตุที่สำคัญ และ อิเล็กโทรไลต์ภายในที่โอบอุ้มประจุไฟฟ้า ประจุเหล่านี้จะทำให้เซลล์เส้นประสาทส่งสัญญาณไปยังหัวใจเพื่อให้หัวใจและกล้ามเนื้อสื่อสารถึงกันและทำงานกันอย่างปกติ โพรแทสเซียมยังช่วยรักษาดูแลสมดุลของน้ำในเซลล์ด้วย อีกทั้งยังสามารถชดเชยผลกระทบจากการที่เรารับเอาโซเดียมจากการบริโภคอาหารที่มีโซเดียวสูงมามากเกินไปทำให้ร่างกายมีโซเดียมเก็บสะสมอยู่ กล่าวคือ ความไม่สมดุลของอาหารที่มีโพรแทสเซียมน้อยเกินไปแต่มีโซเดียมที่มากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้ด้วย
โซเดียมที่มีมากเกินไปสามารถส่งผลให้การเสริมสร้างของเหลวในเลือดถูกแทนที่ด้วยความเครียด เกิดเป็นความเครียดบนผนังหลอดเลือดในที่สุดก็จะเป็นสาเหตุให้ระบบเหล่านั้นมีปัญหา โพรแทสเซียมจากกล้วยจะช่วยชำระล้างโซเดียมที่มากเกินไปในร่างกายจากการขับออกทางปัสสาวะ นอกจากนี้ก็จะทำให้ผนังหลอดเลือดของเราคลายเครียดลงด้วย
กล้วย รุ่มรวยไปด้วยแร่ธาตุโพรแทสเซียมและเส้นใยอาหาร (Fiber) แต่มีโซเดียมที่ต่ำ มีส่วนประกอบและโภชนาการที่สำคัญในการดูแลหัวใจ อย่างเช่น DASH (Dietary Approaches to Stop Hypertension) ยาวยืดเลยใช่มั้ยล่ะครับ.. ง่ายๆ ก็คือ สาอาหารเหล่านี้ช่วยยับยั้งอาการความดันโลหิตสูงได้ด้วยนะครับ
ประการที่ 2: ช่วยดูแลระบบย่อยอาหาร
กล้วยถูกจัดรวมอยู่ในอาหารกลุ่มโภชนาการที่เรียกว่า BRAT (B Banana R Rice A Applesauce T toast) ครั้งหนึ่งกล้วยเป็นกฎในการสั่งจ่ายใช้เป็นยาสำหรับผู้ป่วยโรคท้องร่วงหรือผู้ที่ต้องการอาหารที่อ่อนโยน ง่ายต่อการย่อยหลังจากที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับอาหารหนักๆ ได้ กล้วยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอิเล็กโทรไลต์ เช่น โพรแทสเซียมที่ร่างกายของเราขับออกเมื่อท้องร่วงหรืออ้วก อีกทั้งกล้วยยังประกอบไปด้วย สตาร์ซ (starch) หรือพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) เป็นสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตประเภทหนึ่งที่พบมากในพืช (หรือโดยเฉพาะถ้านำกล้วยที่สุกนิดๆ มาทำอาหาร) เจ้าสตาร์ชจะช่วยเยียวยาลำไส้ได้ดี
แต่ถ้าใครคนไหนอยากเจอเจ้าสตาร์ชจังๆ ล่ะก็ ลองมองหากล้วยไม่สุกดูนะครับ คาร์โบไฮเดรตประเภทนี้จะช่วยต่อต้านการย่อยอาหารในลำไส้เล็ก อ้าว! ต้านการย่อยอาหารมันก็ไม่ดีน่ะสิ.. ไม่เสมอไปหรอกครับ เพียงแต่ว่ามันจะเป็นการค่อยๆ ย่อยอย่างช้าๆ จึงไม่เป็นสาเหตุให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งสตาร์ชยังทำหน้าที่เหมือนกับอาหารมื้อหวานสำหรับการเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในระบบย่อยของพวกเรา จุลินทรีย์จะแบ่งแยกตัวเองและสร้างเอนไซม์โดยการหมักสารอาหารจากกล้วยส่งผ่านไปยังลำไส้ใหญ่ ผลิต short-chain fatty acids (SCFA) หรือ กรดไขมันสายสั้น ที่จะทำหน้าที่ประหนึ่งป้อมปราการไม่ให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น ความผิดปกติของระบบย่อย เป็นต้น
การวิจัยทางคลินิกได้แสดงผลถึงความสำคัญในการใช้ SCFA ในการเยียวยารักษาโรคลำไส้อักเสบชนิดเป็นแผล (Ulcerative colitis) โรคโครห์นหรือโรคที่เกิดการอักเสบเรื้อรังของระบบทางเดินอาหารหรือลำไส้ (Crohn’s disease) และ อาการท้องเสียจากยาปฏิชีวนะ (Antibiotic-associated diarrhea) ได้อีกด้วย จะเห็นได้ว่านอกจากที่กล้วยจะเป็นอาหารของเราแล้วกล้วยยังเป็นอาหารสำหรับจุลินทรีย์ชนิดดีที่คอยดูแลรักษาระบบลำไส้ของเราด้วย ทานทีนึง ได้ให้แบบสองต่อเลยนะครับ ให้ทั้งเราอิ่มท้อง ให้ทั้งน้องจุลินทรีย์ในลำไส้ แถมน้องๆ ยังช่วยดูแลรักษาลำไส้และระบบย่อยอาหารของเราให้ดีมีความสุขจากภายในด้วยนนะครับ
ประการที่ 3: ควบคุมน้ำหนัก
ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ากล้วยมีส่วนทำให้น้ำหนักเพิ่ม จากผลการวิเคราะห์ของการศึกษากลุ่มประชากรเฉพาะกลุ่ม นักวิจัยกำลังมองหาความเชื่อมโยงระหว่างผลของปริมาณการบริโภคผลไม้และผักที่เฉพาะเจาะจงที่ทำให้น้ำหนักของผู้บริโภคผักผลไม้เหล่านี้มีน้ำหนักตัวที่เปลี่ยนไป โดยได้ทำการวิจัยใน 133,468 ชาวอังกฤษทั้งชายและหญิงที่มีอายุ 24 ปี ขึ้นไป ผลการศึกษาอธิบายว่าปัจจัยต่างๆ ที่สามารถทำให้น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไป คือ การสูบบุหรี่ และ กิจกรรมทางร่างกาย เช่น การออกกำลังกาย แต่การบริโภคผลไม้ เช่น แอปเปิล สาลี่ และ เบอร์รี่ มีแนวโน้มทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเวลาผ่านไป กล้วยเองก็จัดอยู่ในผลไม้ประเภทนั้น กล้วยสามารถทำให้คุณผู้ฟังน้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นแต่ไม่ได้มีผลต่อน้ำหนักตัวมากมายเช่น การสูบบุหรี่ หรือ การออกกำลังกาย
อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ หากใครที่จะทานกล้วยเพื่อควบคุมน้ำหนักก็ยังสามารถทานได้ และทานได้ดีด้วย เมื่อคุณพ่อคุณแม่คุณพี่คุณป้าคุณน้าคุณอาและเพื่อนๆ อยากจะลดน้ำหนัก กล้วย แอปเปิ้ล สาลี่ และเบอร์รี่ก็ยังเป็นผลไม้ทางเลือกหนึ่งที่ดีอยู่นะครับ
มาถึงตรงนี้ ไหนใครชอบทานกล้วยยกมือขึ้นหน่อยครับ!! ดีแล้วครับให้ทานต่อไปนะ แต่ไม่ต้องทานแบบไม่บันยะบันยังนะครับ จะเกิดความเครียดเปล่าๆ เอาเป็นว่ามีโอกาสเดินผ่านหวีกล้วยที่เราสามารถเด็ดเอามาทานได้ ก็เด็ดมาสักสองลูก หรือถ้าวันไหนมีโอกาสที่จะทานขนมกับกล้วยเท่าๆ กัน อย่าลืมเจ้ากล้วยจอมซนนี่ด้วยนะครับ เลือกทานน้องเค้าหน่อยนะ หรือถ้าใครมีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้หรือปัญหาใดๆ ด้านบน ก็ขอให้กล้วยให้ประโยชน์และแก้ปัญหาให้กับทุกคนให้คลายจากความเจ็บป่วยได้นะครับ
อ้อ >>> ถ้าใครที่เป็นโรคเกี่ยวกับไตห้ามทานกล้วย <<< เป็นอันดีนะครับ เพราะผู้ที่เป็นโรคไตจะไม่สามารถขับโพแทสเซียมออกจากร่างกายได้อย่างปกติ
และถ้าใครไม่ชอบทานกล้วยก็อย่าเพิ่งเสียใจไป ห้องสมุดของเต้ยังมีเนื้อหาสาระและผลไม้อื่นๆ รอให้ทุกคนเคลื่อนไปพร้อมกับผม ติดตามกันด้วยนะครับ
ด้วยรักและอยากให้ทุกท่านเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกันครับ
(HARVARD T.H. CHAN, 2021)
เรียบเรียงใหม่ ห้องสมุดเคลื่อนเต้ (2020)