6 มี.ค. 2021 เวลา 07:00 • ดนตรี เพลง
Jean Michel Jarre : เสียงซินธ์แห่งความมุ่งมั่น
เมื่อครั้งยังละอ่อนน้อยเริ่มฟังกับดูMVเพลงฝรั่ง
เที่ยงวันอาทิตย์/บันเทิงคดี
โดย มาโนช พุฒตาล
บุตรของนายเฉลียวและนางอำไพ
ก็เจอกับMVเพลงนี้ตอนเปิดรายการ
งงไปแป๊บนึง
แต่ เออ เข้าท่าว่ะ
แล้วตามด้วยเพลงนี้
ยังไม่พอครับ กระหน่ำกันต่อที่เพลงนี้
อะไรของมันวะ
แน่นอนครับ คุณมาโนชบอกครบครับว่าเพลงอะไรของใคร
Jean Michel Jarre
เอ่อ ใครวะ?
ตอนนั้นเริ่มฟังซาวด์แทรคประกอบภาพยนตร์ เริ่มซื้อหาเทปมาฟังเอง ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ มีแต่Peacock ราคาย่อมเยาพอหาซื้อมาฟังได้บ้าง
หาของคนนี้ไม่เจอ
ไม่เป็นไร ยังไม่อินเท่าไหร่ แค่ฟังแล้วแปลกหู ชอบ มันเป็นอินดัสเทรียลมาก
ลืมๆไปหลายปีจนเรียนมหาวิทยาลัย มีโอกาสไปเดินเล่นร้านเทปและซีดี
เอ ชื่อคุ้นๆ
อ๋อ จำได้แล้ว
จ่ายเงินเสร็จก็กลับบ้านมาเปิดฟัง
ปลื้มปริ่มเล็กน้อยที่มีไว้ในครอบครอง
แบบลิขสิทธิ์นะเพราะตอนนั้นPeacockเริ่มหดหาย
ฟังไปฟังมาชักอยากรู้เรื่องคนนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม สมัยนั้นไม่มีเน็ทให้ค้น เลยพยายามหาจากแผงหนังสือแทน
ดนตรีวิวัฒน์
cr. oknation, bookeden.org หนังสือดนตรีวิวัฒน์1,2
สายตาไปเจอ2เล่มนี้เข้าให้(ปัจจุบันรวมเป็นเล่มเดียวแล้วครับ) อ่านเล่นผ่านๆก็ปะกับข้อมูลที่ต้องการหลายๆอย่าง
จ่ายเงินหอบกลับมาบ้านทั้ง2เล่ม มีไว้เป็นคัมภีร์ติดตามดนตรีแนวนี้
Progressive Rock
แนวเพลงน่ะช่างมันเถอะ จนป่านนี้ยังแยกไม่ค่อยจะออกเลยครับว่าใช่แนวนี้หรือแนวไหน อาศัยว่าชอบฟังเพลงและต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับวงดนตรีหลายวงที่ชื่นชอบอยู่
ในหนังสือเขียนถึงJean Michel Jarreไว้พอสมควร ไม่ยาวมาก
cr. google, wikipedia Jean Michel Jarre
จำได้คร่าวๆ
เป็นคนฝรั่งเศส
มีซินธิไซเซอร์เป็นเครื่องดนตรีคู่มือ
แนวเพลงเป็นProgressive Rock ทำเพลงแนวนี้มานานแล้ว
เคยเปิดการแสดงที่ประเทศจีนด้วยนะ ช่วงปี1981
กล้ามาก
cr. google.com Concert in China
มีMVบางส่วนมาให้ชมครับ
อ้อ Jean Michel Jarre เป็นลูกชายของMaurice Jarreครับ คอมโพสเซอร์มือฉกาจของวงการเพลงประกอบภาพยนตร์ ผลงานของคนพ่อที่ดังๆมีเยอะครับไม่ว่าจะทำเพลงให้เรื่อง Doctor Zhivago, Lawrence of Arabia หรือ A Passage to India
cr. google.com Maurice Jarre
ถือว่าดังและประสบความสำเร็จมากครับ
แนวเพลงของJean Michel Jarreฟังดูก็คล้ายๆเพลงประกอบภาพยนตร์เหมือนกัน เพียงแต่แกใช้ซินธิไซเซอร์เป็นตัวเอก ทำเพลงออกมาถือว่ามีชื่อเสียงอยู่ครับ สมัยนั้น งานสไตล์นี้ดูจะพิลึกพิลั่นอยู่ไม่น้อย ชอบก็เยอะ ไม่ขอบก็โขอยู่
งานของแกที่เคยเจอส่วนมากคนไทยจะยืมมาใช้เป็นเพลงประกอบโฆษณาเป็นหลัก
ตัวอย่างเช่นเพลงนี้ครับ
อีกสักเพลง
นี่ก็อีกเพลงครับ อายุที่หลัก4หลัก5น่าจะจำได้
ฟังแล้วออกไปในทางเดียวกันทั้งหมด
แนวเพลงของ Jean Michel Jarre แทบทุกอัลบั้มเป็นแนวเดียวกันเกือบทั้งหมดทั้งหมดคือใช้ซินธิไซเซอร์เป็นหลัก มีไม่มากที่ใช้เครื่องดนตรีอย่างกีตาร์หรือพวกกลองจริงๆร่วมด้วย
ฟังเพลินๆ ฟังเล่นๆได้สบายมาก ไม่ได้ฟังแล้วต้องเกร็งต้องปวดหัว เพียงแต่ว่าอาจจะเบื่อง่ายหน่อย เพราะทุกเพลงฟังแล้วเหมือนกันหมด
ช่วงแรกๆที่ฟังก็ฟังไปเรื่อยเปื่อยครับ ไม่คิดอะไรมาก ฟังไปอ่านหนังสือไป
หลังๆเปิดMVที่ซื้อมานั่งดูประกอบเพลง
คราวนี้เริ่มสงสัย
วิวขั้วโลก
นกเพนกวิน
ระบบอิเล็กทรอนิคต่างๆรอบตัว
วิวป่าเขา
รถไฟ...
เขาจะบอกอะไรเรา
กลับไปดูปกเทป ชื่ออัลบั้ม วางเรียงกันดู
สะดุดใจนิดหน่อย
เพ้อเจ้อมั้งกู
cr. google.com ปกอัลบั้มช่วงปี1976-1986 และหลังจากนั้นนิดหน่อย
แทบทุกปกจะแฝงไว้ด้วยลูกโลกเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใด ราวกับJean Michel Jarreกำลังบอกว่าโลกเรากำลังถูกทำลายลงไปเรื่อยๆ ระบบนิเวศน์เสื่อมลงทุกขณะ
ถ้าทุกอย่างล่ม มนุษย์อย่างเราก็ไม่รอดไปด้วย
ดูที่ปกอัลบั้มสิ
Oxygene
เมื่อแหวะโลกออกมาดู ข้างในมันก็มนุษย์นี่ล่ะ
จิ้นเอง แล้วก็เหวอเองเสร็จสรรพ
สุดท้ายMVตัวนี้ก็ออกมา
เชิญทัศนาครับ
เติมเต็มจินตนาการของผมเข้าให้
งานของJean Michel Jarreถูกวิจารณ์ว่าเป็นการแสดงอัตตาที่น่าเบื่อหน่าย ไร้สาระ
เขาไม่แยแส
ทำงานเพลงไปเรื่อยๆ
จนถึงปัจจุบันนี้
ผมไม่เถียงว่างานของJean Michel Jarreนั้นค่อนข้างน่าเบื่อเมื่อฟังหลายอัลบั้มเข้าเพราะมันแนวเดียวกันหมดจริงๆ
แต่พอดูMVประกอบไปด้วยก็ต้องนับถือจินตนาการของเขาเหมือนกัน
มันอาจดูแปลกๆ เชยๆ ดูแล้วบางเพลงก็...อะไรวะ
เมื่อถึงสมัยนี้ มันเชยไปแล้วจริงๆครับ ดนตรีสไตล์นี้สมัยนี้แรงกว่าครับ
ผมมันคนเชยๆเลยยังชอบงานของคนคนนี้อยู่
ขอคารวะครับ
Jean Michel Jarre
เสียงซินธ์แห่งความมุ่งมั่น
โฆษณา