15 ม.ค. 2021 เวลา 04:09 • หนังสือ
#28 เล่ม1 บทที่ 5 หน้า 151 ~ 156
N : ทางไหนคือหนทางที่แท้จริงที่นำไปสู่พระเจ้า?
ผ่านการสละละเช่นที่พวกโยคีเชื่อใช่ไหม?
แล้วสิ่งที่เรียกว่าทุกรกิริยาล่ะ?
การทนทุกข์และการรับใช้คือหนทางสู่พระเจ้าตามที่พวกบำเพ็ญตบะบอกใช่หรือไม่?
เราจะพบทางไปสวรรค์ด้วยการเป็น "คนดี" อย่างที่หลายๆศาสนาสอนใช่หรือเปล่า?
หรือว่าเรามีอิสระสามารถทำตามใจปรารถนา ละเมิดหรือเพิกเฉยกฏต่างๆ ไม่ต้องสนใจคำสอนสั่งตามแบบแผนใดๆ ดำดิ่งสู่การปรนเปรอตัวเองแล้วก็จะพบ`นิพพาน`อย่างที่พวกนิวเอจทั้งหลายบอก?
อันไหนล่ะ?
ต้องเคร่งศีลธรรมหรือให้ทำตามใจอยาก?
ทางไหน?
คุณค่าตามแบบแผนดั้งเดิมหรือสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นใหม่ตามเส้นทางที่ดำเนินไป?
อย่างไหนดี?
บัญญัติสิบประการหรือว่าเจ็ดขั้นสู่การบรรลุธรรม?
G : เธอต้องการเหลือเกินที่จะให้เป็นอันใดอันหนึ่งให้ได้
เป็นทั้งหมดไม่ได้ใช่ไหม?
N : ไม่รู้สิครับ...ก็ผมกำลังถามอยู่นี่ไง
G : ฉันก็จะตอบแบบที่เธอเข้าใจได้ดีที่สุด แม้จะบอกเธอเดี๋ยวนี้ว่า "คำตอบอยู่ภายในตัวเธอ" ก็ตาม
ฉันขอพูดกับทุกคนที่ได้ยินถ้อยคำของฉันและแสวงหาความจริงของฉันด้วย
ทุกดวงใจที่ร้องถามอย่างจริงจังว่าทางไหนไปสู่พระเจ้าจะได้รับการเปิดเผย แต่ละคนจะได้รับสัจจะแห่งหัวใจ
จงมาหาฉันตามเส้นทางแห่งหัวใจ
ไม่ใช่ด้วยการเดินทางของความคิด
1
เธอไม่มีทางพบฉันในความคิด
1
หากอยากรู้จักพระเจ้าอย่างแท้จริง
เธอต้องออกจากความคิด
คำถามของเธอวอนขอคำตอบ และฉันจะไม่หลบเลี่ยงความต้องการอันแรงกล้านี้ของเธอ
1
ฉันจะเริ่มด้วยประโยคที่อาจทำให้เธอตกใจและอาจคุกคามความรู้สึกของผู้คนจำนวนมาก นั่นคือ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "บัญญัติ 10 ประการ"★
1
[★พระธรรมอพยพ (Exodus) จากคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธะสัญญาเก่า บันทึกไว้ว่า พระเจ้าได้ประธานบัญญัติสิบประการแก่โมเสสบนภูเขาซีนายเพื่อให้โมเสสนำไปบอกแก่ประชาชน มีใจความดังนี้ 1.อย่านมัสการพระเจ้าอื่นต่อหน้าเรา 2.อย่าออกพระนามพระเจ้าโดยไม่สมควร 3.วันพระเจ้าให้ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ 4.จงนับถือบิดามารดา 5.อย่าฆ่าคน 6.อย่าล่วงประเวณี 7.อย่าลักทรัพย์ 8.อย่านินทาว่าร้ายผู้อื่น 9.อย่าคิดโลภในประเวณี 10.อย่าคิดโลภในสิ่งของของผู้อื่น ~ ผู้แปล]
N : โอ พระเจ้าช่วย! ไม่มีงั้นเหรอ?
G : "ไม่มี"
ฉันจะบังคับใครหละตัวฉันเองงั้นเหรอ?
ทำไมต้องมีคำสั่งหรือบัญญัติอย่างนั้นด้วย?
อะไรที่ฉันต้องการมันจะเป็นไปตามนั้นไม่ใช่หรือ?
แล้วจำเป็นอะไรจะต้องไปออกคำสั่งบังคับ?
และถ้าฉันเป็นคนบัญญัติขึ้นมามันจะไม่เป็นไปตามนั้นโดยอัตโนมัติหรือไง?
เป็นไปได้อย่างไรที่ฉันจะต้องการให้สิ่งๆหนึ่งเป็นอย่างนั้นอย่างนี้มากจนต้องออกคำสั่ง แล้วนั่งคอยดูมันไม่เป็นไปตามนั้นน่ะ?
กษัตริย์ชนิดใดที่ทำเช่นนั้น?
ผู้ปกครองประเภทไหนกันถึงทำอย่างนั้น?
ฉันขอบอกเธอว่า...
ฉันไม่ใช่ทั้งกษัตริย์และผู้ปกครอง
"ฉันเป็นเพียงผู้สร้างที่น่าครั่นคร้าม"
และผู้สร้างจะไม่ปกครองนอกจากสร้าง สร้าง แล้วก็สร้างเท่านั้น
ฉันได้สร้าง (และอำนวยพร) เธอขึ้นตามฉายาลักษณ์ของฉัน และได้ให้สัญญารวมทั้งข้อตกลงบางอย่างแก่เธอ
ฉันบอกเธอไปแล้วด้วยภาษาง่ายๆว่าเธอจะเป็นอย่างไรเมื่อเป็นหนึ่งเดียวกับฉัน
เธอก็เหมือนโมเสสที่เป็นผู้แสวงหาอย่างแรงกล้า โมเสสก็ทำเหมือนที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้คือยืนอยู่ตรงหน้าฉัน อ้อนวอนร้องขอคำตอบ
"โอ้ พระเจ้า พระบิดา" โมเสสเรียก "พระเจ้าแห่งพระเป็นเจ้าของข้าพระองค์ โปรดลดองค์ลงมาแสดงตน โปรดให้สัญญาณแก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จักได้นำไปแจ้งแก่ประชาชน! ด้วยเราจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่าเราคือผู้ที่ถูกเลือก"
และฉันก็แสดงตนต่อโมเสส`เหมือนที่แสดงต่อเธอตอนนี้` พร้อมสัญญาแห่งสวรรค์อันเป็นคำสัญญาชั่วนิรันดร์ คือข้อตกลงอันเที่ยงแท้แน่นอน
"ข้าพระองค์จะมั่นใจได้อย่างไร"
โมเสสถามอย่างเศร้าสร้อย
"เพราะเราบอกเจ้าเช่นนั้น" ฉันตอบ
"พระเจ้ารับปากเจ้า"
และการรับปากจากพระเจ้าก็ `ไม่ใช่คำสั่ง` หรือ `บัญญัติ` แต่อย่างใดเลย
ทว่าคือ "ข้อตกลง" ซึ่งได้แก่
๏ พันธะสัญญา 10 ประการ ๏
เธอจะรู้ว่า..."เธออยู่บนเส้นทางของพระเจ้า"
และจะรู้ว่า..."เธอได้พบพระเจ้า"
หากมี`สัญญาณเหล่านี้ `ข้อบ่งชี้เหล่านี้ และ
`การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ในตัวเธอ
1️⃣ เธอจะรักพระเจ้าอย่างสุดหัวใจ สุดความคิด สุดจิตวิญญาณ และจะไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากฉัน
เธอจะไม่บูชาความรักอย่างมนุษย์ ความสำเร็จ เงินทอง อำนาจหรือสัญลักษณ์อื่นๆของมัน
เธอจะผละจากสิ่งเหล่านี้เหมือนเด็กผละของเล่น ไม่ใช่เพราะมันไร้ค่าแต่เพราะเธอโตเกินกว่าจะเล่นแล้ว
และเธอจะรู้ว่า "เธออยู่บนเส้นทางของพระเจ้า" ก็เพราะ...
2️⃣ เธอจะไม่ออกนามพระเจ้าโดยไม่จำเป็น
เธอจะไม่เรียกฉันไปเพื่อล้อเล่น
เธอจะเข้าใจพลังอำนาจของ ความคิด และ ถ้อยคำ
เธอจะไม่คิด`เอ่ยอ้าง`นามของพระเจ้าด้วยวิธีการอันไม่เหมาะสม เธอจะไม่เอ่ยนามของฉันอย่างไร้สาระ
เพราะเธอไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เพราะชื่อของฉัน ("ฉันคือ - I AM" อันยิ่งใหญ่) ไม่เคย`ถูกใช้`อย่างไร้สาระ (กล่าวคือใช้อย่างปราศจากผลลัพธ์) และก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
เมื่อพบพระเจ้าแล้ว "เธอจะรู้ในสิ่งนี้"
และฉันจะให้`เครื่องบ่งชี้`เหล่านี้แก่เธอด้วย
3️⃣ เธอจะจดจำที่จะสงวนวันหนึ่งไว้สำหรับฉันและจะเรียกมันว่าวันศักดิ์สิทธิ์
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อเธอจะได้ไม่อยู่ในมายาของตนยาวนานนัก แต่จะทำให้ตัวเองระลึกได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร
และในไม่ช้าเธอจะเรียก ทุกๆวัน ว่า "วันชะบาโต" (Sabbath)* และจะเรียก ทุกโมงยาม ว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์
[*วันชะบาโต เป็นหนึ่งในพิธีกรรมสำคัญของศาสนายิว (ยูดาย) คือวันที่เจ็ดของสัปดาห์ ถือเป็นวันบริสุทธิ์ ไม่มีการทำกิจกรรมใดๆ ให้ใช้เวลาทั้งหมดเพื่อพักผ่อน สวดมนต์ อธิษฐาน ภาวนา อ่านคัมภีร์ นมัสการขอบคุณพระเจ้า ~ ผู้แปล]
[*ข้อนี้พระองค์ให้เรา `อยู่กับตัวเอง` หรือ `อยู่กับความเงียบ` โดยไม่ทำสิ่งใด ซึ่งผมเคยอธิบายเพิ่มเติมไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้เกี่ยวกับหนังสือที่อธิบายถึงวิธีการอยู่กับความเงียบโดยเฉพาะ ~ แอดมิน]
1
4️⃣ เธอจะให้เกียรติบิดามารดาของตน
เธอจะรู้ว่าตนคือบุตรของพระเจ้า เมื่อเธอให้เกียรติ พระบิดา/พระมารดา* ใน ทุกถ้อยคำ การกระทำ และ ความคิด
1
[*พระองค์คือความสมบูรณ์แบบแห่งความเป็นคู่ (พระบิดา/พระมารดา) ไม่ใช่ปราศจากความเป็นคู่จึงสมบูรณ์แบบ และให้เกียรติไม่ได้หมายความว่าปล่อยให้อีกฝ่ายทำร้ายอยู่ร่ำไป ~ แอดมิน]
ขณะที่ให้เกียรติต่อพระบิดา/พระมารดาและพ่อแม่ของเธอ (เพราะพวกเขาได้ให้ชีวิตแก่เธอ) บนโลกนี้แล้ว
"เธอก็ยังให้เกียรติแก่มนุษย์ทุกคนด้วย"
5️⃣ เธอจะรู้ว่าเธอได้พบพระเจ้าเมื่อสังเกตว่าตัวเธอจะไม่ฆาตกรรม (กล่าวคือ เจตนาฆ่าโดยปราศจากสาเหตุ)
เพราะเมื่อเธอเข้าใจว่าเธอไม่อาจยุติชีวิตผู้อื่นได้`ไม่ว่ากรณีใด` (ทุกชีวิตเป็นอมตะ)
เธอจะไม่เลือกสิ้นสุดรูปธรรมแห่งชีวิตใดๆ หรือเปลี่ยนรูปพลังชีวิตของใครไปสู่รูปแบบอื่นโดยปราศจาก`เหตุผลอันสูงส่ง`
การเคารพชีวิตของเธอจะทำให้เธอให้ค่าชีวิตอื่น`ทุกรูปแบบ` ทั้งพืช ต้นไม้และสรรพสัตว์ และจะเข้ากระทบกระทั่งเพื่อ `คุณประโยชน์สูงสุด` เท่านั้น
ต่อไปนี้คือ`สัญญาณ`อื่นๆอีกที่ฉันส่งมาเพื่อให้รู้ว่า "เธออยู่บนหนทางของฉัน"...
6️⃣ เธอจะไม่ทำให้ความบริสุทธิ์แห่งรักมัวหมองด้วยอสัตย์หรือการหลอกลวง เพราะนั่นคือการนอกใจ
ฉัน`สัญญา`กับเธอ เมื่อเธอพบพระเจ้าแล้ว "เธอจะไม่ประพฤติผิดในกาม"
7️⃣ เธอจะไม่ยึดฉวยสิ่งที่ไม่ใช่ของตน
ไม่คดโกง ร่วมมือ หรือทำร้ายผู้ใดเพื่อให้ได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมาเพราะนั่นคือการลักขโมย
ฉัน`สัญญา`กับเธอ เมื่อเธอพบพระเจ้า
"เธอจะไม่ขโมย"
8️⃣ เธอจะไม่กล่าวสิ่งใดที่ไม่เป็นความจริง
รวมทั้งเป็นพยานเท็จ
[*เมื่อเราเข้าถึงความจริง เราก็ไม่สามารถพูดสิ่งที่ไม่จริงได้อีก ~ แอดมิน]
9️⃣ เธอจะไม่โลภในคู่ครองของเพื่อนบ้าน
เธอจะอยากได้สามีหรือภรรยาของเพื่อนบ้านด้วยเหตุใด "ในเมื่อทุกคนเหล่านั้นคือคู่ของเธอ"
[*เราทั้งหมดคือหนึ่งเดียวกัน เป็นด้านใดด้านหนึ่ง (เป็นคู่) ของกันและกัน ~ แอดมิน]
1
🔟 เธอจะไม่โลภในทรัพย์สินของเพื่อนบ้าน
ทำไมเธอต้องอยากได้ข้าวของของเพื่อนบ้านล่ะ ในเมื่อเธอรู้ว่าสิ่งของทุกอย่างสามารถเป็นของเธอ และทุกสิ่งทุกอย่างของเธอล้วนเป็นของโลก
[*แม้ร่างกายเราที่เกิดจากธาตุทั้ง 4 ก็ล้วนเป็นของโลก (ไร้แล้วซึ่งความรู้สึกเป็นเจ้าของ) ~ แอดมิน]
1
เธอจะรู้ว่า "เธอได้พบทางของพระเจ้า"
เมื่อเห็น`สัญญาณ`เหล่านี้
และฉันขอ "สัญญา" ว่า...ไม่มีผู้ใดที่แสวงหาพระเจ้าอย่างแท้จริงจะยังทำสิ่งเหล่านี้ต่อไปได้อีก
เป็นไปไม่ได้ที่จะคงความประพฤติพวกนี้ไว้
สิ่งเหล่านี้คือ "อิสระภาพ" ของเธอ
"ไม่ใช่ข้อห้าม"
นี่คือ "พันธะสัญญา" ของฉัน
"ไม่ใช่กฏบัญญัติ"
เพราะพระเจ้าจะไม่สั่งห้ามสิ่งที่พระเจ้าได้สร้างขึ้น
พระเจ้าเพียงบอกบุตรหลานของตนว่านี่คือ`วิธี`ที่เธอจะรู้ว่า..."เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน"
2
โมเสสถามอย่างจริงจังว่า
"ข้าพระองค์จะทราบได้อย่างไร?
โปรดแสดงสัญญาณแก่ข้าพระองค์"
โมเสสถาม `คำถามเดียวกับเธอตอนนี้` คำถามเดียวกับที่ผู้คนทุกหนแห่ง ถามตั้งแต่กาลเวลาอุบัติขึ้น คำตอบของฉันเป็นเช่นนี้ `ชั่วนิจกาล`
แต่มัน "ไม่เคยและไม่มีวัน"
เป็นคำสั่ง หรือ บัญญัติเด็ดขาด
เพราะฉันจะไปออกคำสั่งกับใคร?
ใครล่ะที่ฉันจะลงโทษถ้ากฏบัญญัติของฉันถูกละเมิด?
★เพราะทั้งหมดมีเพียงฉันเท่านั้น★
...
...
...
๏ พันธะสัญญา 10 ประการ ๏

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา