22 ม.ค. 2021 เวลา 10:54 • ประวัติศาสตร์
การโจมตีกรุงโตเกียว ค.ศ.1945 (The Firebombing Of Tokyo In 1945)
“การโจมตีกรุงโตเกียว ค.ศ.1945 (The Firebombing Of Tokyo In 1945)” เป็นเหตุการณ์การโจมตีทางอากาศที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
ปฏิบัติการนี้ดำเนินการโดยกองทัพอากาศอเมริกัน และจะเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่ง
ช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกายังไม่ได้เข้าร่วมสงครามอย่างเต็มตัว หากแต่เมื่อญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพเพิร์ล ฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor) ในวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) สหรัฐอเมริกาก็เข้าร่วมสงคราม เป็นศัตรูกับญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว
1
เพิร์ล ฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor)
สหรัฐอเมริกาได้ทำการตั้งฐานทัพยังหลายจุด ไม่ห่างจากแผ่นดินญี่ปุ่น รวมทั้งสร้างโรงงานผลิตเครื่องบินทิ้งระเบิด ซึ่งสามารถบินต่ำกว่า 18,000 ฟุต
แต่อย่างไรก็ตาม แผนการที่จะทิ้งระเบิดจากที่สูงนี้ล้มเหลว เนื่องจากแรงจากไอพ่นจะพัดให้ระเบิดตกลงทะเลแทนที่จะเป็นเป้า ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องคิดแผนใหม่
1
นายพล “เคอร์ติส เลอเมย์ (Curtis Lemay)” แห่งกองทัพอากาศอเมริกัน ตระหนักดีว่าการโจมตีนี้จะไม่ง่ายนัก เขาจึงคิดแผนใหม่
เคอร์ติส เลอเมย์ (Curtis Lemay)
เลอเมย์สั่งให้ทหารบินในระดับที่ต่ำกว่า 5,000 ฟุต และให้บินในเวลากลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องบินของศัตรู และปฏิบัติการนี้ จะมีจุดหมายสำคัญคือ “โตเกียว”
ในเวลานั้น บ้านเรือนส่วนใหญ่ในโตเกียวทำมาจากไม้ แผนการของเลอเมย์คือการใช้ระเบิดเพลิงสร้างความเสียหายให้โตเกียวมากที่สุด
ค่ำคืนของวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) เครื่องบิน B-29 ของกองทัพอากาศอเมริกันกว่า 300 ลำ ก็ได้บินออกจากฐานต่างๆ และอีกเจ็ดชั่วโมงต่อมา ก็ได้มาถึงโตเกียว
เครื่องบินทิ้งระเบิดลำแรกได้ทำการทิ้งระเบิดลูกเล็กๆ ลงยังจุดต่างๆ จำนวนห้าจุด เป็นสัญญาณสำหรับเครื่องบินทิ้งระเบิดลำอื่นๆ
เครื่องบินได้ทิ้งระเบิดไปกว่า 500,000 ลูก ทำลายล้างทุกอย่างที่ตกกระทบ
สัญญาณเตือนภัยทางอากาศทั่วโตเกียวดังขึ้น หลายคนรีบหนีออกจากบ้านและหาที่ปลอดภัย ซึ่งถึงแม้ว่าโตเกียวจะเคยโดนโจมตีมาก่อน แต่ไม่เคยหนักเท่าครั้งนี้
ระเบิดเพลิงที่ทิ้งลงมานั้นมีความรุนแรงมากซะจนทำให้เกิดพายุเพลิง กวาดทุกอย่างที่ขวางหน้า และอุณหภูมิก็พุ่งสูงไปเกือบ 1,000 องศาเซลเซียส
ผู้คนที่หลบไม่ทัน ต่างถูกไฟคลอกตาย บางคนสะพายลูกไว้ที่หลัง ซึ่งลูกน้อยก็ติดไฟ ไหม้คาหลังของผู้เป็นแม่ เกิดเป็นภาพที่น่าเศร้าสลด
เช้าวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) โตเกียวก็ราบเป็นหน้ากลอง
ภายในเวลาเพียงหนึ่งคืน ชาวญี่ปุ่นกว่า 100,000 คนก็ต้องสังเวยชีวิตกับเหตุการณ์นี้ คนอีกนับหมื่นได้รับบาดเจ็บ และอีกนับไม่ถ้วนกลายเป็นคนไร้บ้าน
1
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชาวญี่ปุ่นกว่า 100,000 คนต้องเสียชีวิต ซึ่งมากกว่าคราวระเบิดที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ หากแต่เหตุการณ์นี้ไม่เป็นที่จดจำมากเท่าฮิโรชิม่าและนางาซากิ
เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเห็นถึงแสนยานุภาพของสหรัฐอเมริกาและกองทัพสัมพันธมิตร หากแต่ “คันทาโร ซูซูกิ (Kantaro Suzuki)” นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในเวลานั้นก็ไม่ยอมแพ้ และได้ประกาศว่า
“พวกเรานั้นโกรธแค้นต่อการกระทำของอเมริกา ผมและชาวญี่ปุ่นอีก 100,000,000 คนจะมุ่งมั่น ขยี้ศัตรู ผู้ที่ทำพฤติกรรมอุบาทว์ต่อสรรพสิ่ง”
คันทาโร ซูซูกิ (Kantaro Suzuki)
แต่ดูเหมือนความตั้งใจของคันทาโรจะไม่เป็นจริง สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดลงยังฮิโรชิม่าและนางาซากิ ทำให้ญี่ปุ่นต้องยอมแพ้สงคราม
ทางด้านของเลอเมย์ ชีวิตเขาก็มีแต่พุ่งขึ้น โดยเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่ง พร้อมเหรียญกล้าหาญอีกมากมาย แม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็มอบรางวัลให้เขา
4
เลอเมย์เสียชีวิตในปีค.ศ.1990 (พ.ศ.2533) ด้วยวัย 84 ปี ทิ้งผลงานการทำลายล้างโตเกียวไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
ในทุกวันนี้ แม้จะผ่านมานานกว่า 70 ปี หากแต่นี่ก็คือบาดแผลหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นไม่เคยลืม
โฆษณา