ในระหว่างปีค.ศ.1935-1942 (พ.ศ.2478-2485) Marilyn ได้ถูกส่งไปยังครอบครัวอุปถัมภ์ต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 10 ครอบครัว และยังได้เคยไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกหนึ่งแห่ง โดยในช่วงเวลานี้ เธอยังถูกล่วงละเมิดทางเพศอีกด้วย
1
ขณะมีอายุได้ 16 ปี Marilyn ก็ได้แต่งงานกับเพื่อนบ้าน ก่อนจะหย่ากันในเวลาต่อมาเนื่องจากเธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้ามาสร้างความรุ่งเรืองในวงการฮอลลีวูด
ในช่วงเวลาที่ Marilyn กำลังมุ่งสู่วงการแสดง Glady ก็ได้รับการปล่อยตัวจากสถานบำบัด และสองแม่ลูกก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่กับเพื่อนของ Glady หากแต่อาการทางจิตของ Glady กลับแย่ลงเรื่อยๆ
ในปีค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) Glady ได้แต่งงานใหม่กับชายที่มีครอบครัวแล้ว ซึ่ง Marilyn ก็ได้พยายามจะเตือนผู้เป็นแม่ แต่ Glady กลับคิดว่า Marilyn โกรธแค้นเธอที่ทิ้ง Marilyn ไปตั้งแต่ยังเด็ก และพยายามจะแก้แค้น
ในช่วงเวลานี้เอง Marilyn ได้เซ็นสัญญากับ 20th Century Fox และได้แสดงในภาพยนตร์หลายเรื่อง มีชื่อเสียงโด่งดัง และอนาคตในวงการของเธอก็ดูจะไปได้ไกลมาก
Marilyn กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ทำให้ทีมพีอาร์ของบริษัทต้องปิดบังชีวิตของแม่เธอและชีวิตวัยเด็กที่ไม่ค่อยดีนัก โดยให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่า Marilyn นั้นเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก เธอจึงเป็นเด็กกำพร้า ซึ่ง Marilyn ก็ตามน้ำไปด้วยและแทบจะไม่พูดถึงแม่ให้ใครฟัง
แต่ในปีค.ศ.1952 (พ.ศ.2495) นักข่าวก็เริ่มได้ยินว่าจริงๆ แล้วแม่ของ Marilyn ยังมีชีวิตอยู่ และทำงานในบ้านพักคนชรา ซึ่ง Glady ก็มักจะพูดอวดใครต่อใครว่า Marilyn Monroe นักแสดงชื่อดังคือลูกของเธอ
แต่ภายหลังจากข่าวเรื่องของ Glady หลุดออกไปถึงนักข่าว Glady ก็เกิดมีอาการทางจิตขึ้นมาอีกและถูกนำตัวส่งสถานบำบัดทางจิต ซึ่ง Glady ก็มักจะเขียนจดหมายถึง Marilyn ขอร้องให้ช่วยพาเธอออกจากสถานบำบัด
1
Marilyn ไม่ได้ช่วยแม่ของเธอแต่ก็ยังคงติดต่ออยู่เสมอและส่งเงินให้ใช้ทุกเดือน
แต่ถึงจะติดต่ออยู่เสมอ แต่ความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกก็ไม่ดีนัก จน Marilyn เสียชีวิตอย่างปริศนาในปีค.ศ.1962 (พ.ศ.2505)
ก่อนเสียชีวิต หลายคนก็สงสัยว่า Marilyn อาจจะมีอาการทางจิตเหมือนผู้เป็นแม่ เนื่องจากเธอมักจะมีอาการเหมือนแม่ หากแต่เธอก็ไม่เคยพบแพทย์อย่างจริงจัง
ภายหลังจากที่ Marilyn เสียชีวิต ก็พบว่าเธอได้ทิ้งเงินไว้ให้แม่ถึงเดือนละ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 150,000 บาท)