24 ม.ค. 2021 เวลา 05:25 • หุ้น & เศรษฐกิจ
3️⃣สิ่งที่คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนที่คุณจะซื้อหุ้น ❗️
1️⃣คุณกำลังลงทุนในบริษัทอะไร❓
แน่นอนว่าในการที่คุณจะซื้อหุ้นซักตัว คุณคงจะรู้อยู่แล้วว่าหุ้นตัวนั้นทำธุรกิจอะไร แต่คุณควรรู้ลึกกว่ามุมมองที่คนทั่วไปรู้จักหุ้นตัวนั้นเพราะคุณกำลังจะลงทุนในหุ้นนั้น เช่น หุ้น CPALL ผมเชื่อว่าหลายๆคนถึงแม้จะไม่ได้ถือหุ้นตัวนี้ หรือ บางคนที่ไม่เคยเล่นหุ้นเลยด้วยซ้ำก็ยังคงรู้ว่า CPALL คือเซเว่น แต่ถ้าคุณต้องการจะลงทุนใน CPALL คุณต้องรู้ให้ลึกกว่าคนทั่วไป เพราะคุณกำลังจะลงทุนในหุ้น ถ้าคุณรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเท่ากับคนทั้วไปที่ไม่ได้ลงทุนในหุ้นตัวนี้แล้วประสบความสำเร็จ คนทุกคนก็คงประสบความสำเร็จได้หมดจริงไหมครับ
อย่างในมุมมองของผมถ้าผมจะลงทุนใน CPALL แบบระยะยาว ผมต้องตอบให้ได้ว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นยังไง กำไรเติบโตไหม หนี้สินเยอะกว่าทุนมากหรือไม่ แล้วบริษัทมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยดีพอหรือป่าวหากหนี้สินมีมาก โครงสร้างรายได้ของกิจการประกอบด้วยอะไรบ้าง รวมถึงโครงการในอนาคตของกิจการมีอะไรบ้าง
เราต้องนึกถึงความเสี่ยงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น เช่น การไปเปิดสาขาที่ลาวและกัมพูชาที่ได้สัมปทานนั้นจะสามารถทำกำไรได้ไหมเพราะถ้าไปแล้วขายไม่ดีอาจเป็นผลขาดทุนแทน เจ้าตลาดร้านสะดวกซื้อในตอนนี้ของกัมพูชาและลาวคือใคร เราจะแย่ง Market Share เค้าได้ไหม หรือ การที่PTT ส่ง OR เข้าตลาดจะส่งผลให้ PTT ไม่ต่อสัญญากับเซเว่นหรือป่าว เพราะ OR อาจจะพัฒนา Jiffy ของตัวเองมาเปิดแทนเซเว่นหรือป่าว ดีลเทสโก้โลตัสที่ทางกิจการต้องกู้เงินมาซื้อ มีดอกเบี้ยจ่ายจากหนี้ที่กู้ต่อปีเท่าไหร่ แล้วกำไรจาก Tesco เพียงพอในการจ่ายดอกเบี้ยที่กู้เพื่อมาซื้อไหม
2️⃣ มูลค่าเหมาะสมของหุ้นตัวนี้อยู่ที่กี่บาท❓
ในการซื้อหุ้นแต่ละครั้งคุณควรตอบให้ได้ว่ามูลค่าเหมาเหมาะสมของมันอยู่ที่กี่บาท เพื่อจะได้ดูว่าราคาปัจจุบันมันมี Margin of safety เพียงพอไหม
คุณสามารถประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมได้ด้วยหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการวัดค่าด้วย P/E,P/BV เทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมและตัวมันในอดีตเองว่าค่า Ratio ในตอนนี้ถูกหรือแพง หรืออาจประเมินความถูกแพงด้วย EV/EBITDA โดย EBITDA คือกำไรก่อนหักค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย เนื่องจากแต่ละบริษัทมีนโยบายในการคิดค่าเสื่อมไม่เหมือนกัน ในบางกรณีการใช้ EV/EBITDA จึงอาจะเหมาะสมกว่า P/E (แต่ไม่ตลอดไป) ซึ่งยังมีอีกหลายโมเดลที่ใช้ในการประเมินราคาเหมาะสมของหุ้นตัวนั้นๆเช่น Discounted cash flow ,Price to sale (P/S)
ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนในการประเมินดีคุณก็สามารถประเมินด้วยหลายๆวิธี และนำผลที่ได้มาคิดค่าเฉลี่ยเป็นราคาเหมาะสมของหุ้นที่คุณจะลงทุน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องรู้ให้ได่ก่อนว่าหุ้นตัวนี้มีราคาเหมาะสมอยู่ที่เท่าไหร่จากการประเมินราคาของคุณ เพื่อคุณจะได้รู้ว่าในราคาปัจจุบันมี Upside หรือ Downside เท่าไหร่ เพราะหุ้นที่ดีแต่ซื้อในราคาที่แพงเกินไปก็อาจทำให้คุณขาดทุนได้
3️⃣แผนในการลงทุนในหุ้นตัวนี้ของคุณเป็นอย่างไร❓
หากคุณต้องการจะถือยาวคุณจะแบ่งเก็บทีละไม้ตอนที่มีราคาเท่าไหร่บ้าง อาจคำนวนจาก Margin of safety ได้เช่นถ้าคุณประเมินมูลค่าหุ้นได้อยู่ที่ 10 บาท แต่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 8 บาทเท่ากับมี MOS 20% คุณก็อาจแบ่งเงินมาซื้อซัก30%ของเงินที่คุณวางแผนว่าจะซื้อหุ้นตัวนี้ แล้วถ้าราคาลงมาอีกจนมี MOS 30% คุณก็อาจแบ่งเงินมาซื้ออีก 30% และถ้าราคายังลงมาอีกจนมี MOS ซัก 40% คุณก็ค่อยนำเงินที่เหลืออีก 40%มาซื้อเพิ่ม
เพราะฉะนั้นถ้าราคามันลงมาจนมี MOS แค่20% แล้วขึ้นไปเลยคุณก็ไม่ต้องเสียดายเพราะอย่างน้อยคุณก็มีมันในพอร์ตอยู่30% แล้วแต่กลับกันถ้าราคาลงมาจนมี MOS 30% คุณก็ได้ซื้อหุ้นเพิ่มตามเงื่อนไขที่คุณวางไว้ แต่อย่าถัวทุกราคาถัวทุกช่องแต่ให้ถัวตามเงื่อนไขที่คุณกำหนดไว้ เพราะการถัวทุกราคาจะทำให้คุณเจ๊งไม่รู้ตัว❗️
แต่ถ้าหากคุณเป็นสายเก็งกำไรจากกราฟเทคนิคคุณก็ต้องมีแผนในการเทรดที่ชัดเจน เช่นซื้อเมื่อทะลุแนวต้าน (Break out) หรือ ซื้อตอนย่อสำหรับหุ้นขาขึ้น (Buy on dip) และคุณต้องมีจุดคัทลอสที่กำหนดทุกครั้งก่อนทำการเข้าเทรด(สำคัญมาก❗️)
จบแล้วนะครับกับบทความ 3 สิ่งที่คุณต้องตอบให้ได้ก่อนที่จะซื้อหุ้น หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อ่านจนจบ ฝากกดติดตามและแชร์โพสเพื่อเป็นกำลังใจให้แอดมินด้วยนะครับ🙏
โฆษณา