คำถาม : ถ้าเราไม่อาบน้ำ 5 ปีจะมีอะไรเกิดขึ้น❓
คุณหมอท่านนี้(ทดลอง)ไม่อาบน้ำมาแล้ว 5 ปี
..
คุณเคยคิดไหมว่าคุณจะมีสภาพอย่างไร ถ้าคุณไม่ได้อาบน้ำมา 5 ปี...❓😬
..
เมื่อปี 2015 มีการทดลองด้วยตัวเองของคุณหมอท่านหนึ่ง ที่ต้องการทราบว่า ร่างกายของเขาจะเป็นอย่างไร? ถ้าไม่อาบน้ำนาน 5 ปี
คุณหมอท่านนี้มีชื่อว่า..
คุณหมอJames Hamblin เป็นแพทย์ด้านเวชศาสตร์ป้องกันและยังเป็นอาจารย์ด้านสาธารณสุขศาสตร์อยู่ที่ Yale University (มหาวิทยาลัยเยล)ในสหรัฐอเมริกา
.
ประสบการณ์จากการทดลองไม่อาบน้ำเป็นเวลา 5 ปีเรื่องนี้ ถูกเปิดเผยผ่านหนังสือที่ชื่อว่า Clean: The New Science of Skin and the Beauty of Doing Les
โดยการทดลองนี้ เกิดมาจากการตั้งคำถามกับตัวเองของคุณหมอจากข้อสงสัยถึงความคุ้มค่าและเหมาะสมที่เราต้องใช้เวลาอาบน้ำทั้งชีวิต
ซึ่งเมื่อคำนวณเป็นเวลารวมทั้งหมด
เฉลี่ยแล้วคนเราใช้เวลาในการอาบน้ำเป็นเวลาถึง 2 ปีเลยทีเดียว
นี่ยังไม่พูดถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวน้ำ สบู่ แชมพู เครื่องประทินผิว อีกไม่รู้เท่าไหร่?
นอกจากเนื้อหาในหนังสือเล่มดังกล่าวแล้ว ในนิตยสาร The Atlantic ที่คุณหมอเขียนอยู่ ยังมีบทความที่กล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้ด้วยว่า..
..
จากคำถามเรื่องความจำเป็นในการอาบน้ำของคนเรา ที่คุณหมอมองว่ามันอาจจะสิ้นเปลืองและมากครั้งเกินไป
มีการยกเว้นการทำความสะอาดสองส่วนของร่างกายที่ไม่ควรละเลยคือการล้างมือและการแปรงฟัน ที่เราควรทำเป็นปกติแบบเดิม
แต่การอาบหรือทำความสะอาดส่วนอื่นด้วยน้ำ สบู่หรือแชมพูต่าง ๆ คุณหมอมองว่ามันไม่จำเป็น
..
ยกตัวอย่างการสระผมที่เราใช้แชมพูสระผมเพื่อขจัดไขมันออกไปจากหนังศรีษะ แต่พอเราสระผมเสร็จเรากลับต้องใช้ครีมนวดเพื่อชะโลมเอาน้ำมันสังเคราะห์ทดแทนไขมันเดิมจากรูขุมขนที่สูญเสียไป
คุณหมอมองว่า นี่คือการทำลายวงจรที่ธรรมชาติออกแบบไว้
..
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงเริ่มสงสัยในผลการทดลองแล้วว่า ผลของการไม่อาบน้ำมานาน ๆ มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับร่างกายของเรา
โดยเฉพาะเรื่องกลิ่น..😷
..
คุณหมอเล่าว่า..
กระบวนการทดลองเริ่มจาก การลดการใช้ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างเกี่ยวกับการทำความสะอาดและลดกลิ่นกาย
แล้วค่อย ๆ ลดจำนวนครั้งของการอาบน้ำลง เว้นระยะห่างออกไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็หยุดอาบน้ำอย่างถาวร
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณไม่ได้อาบน้ำมานาน ๆ คือร่างกายจะเริ่มปรับตัว กลิ่น
ที่ถูกมองว่าเหม็นจะเริ่มหายไป
ความมันเยิ้มของผิวหนังบนร่างกายคุณจะลดลงเรื่อย ๆ
นี่คือสิ่งที่คุณหมอค้นพบ
เรียกว่าวงจรของผิวหนังคืนสู่สภาพตามธรรมชาติ
..
มีคนสงสัยว่า ปกติเราไม่ได้อาบน้ำเพียงไม่กี่วันก็รู้สึกอึดอัด อยากจะอาบน้ำกันทั้งนั้น
นี่คุณหมอไม่ได้อาบน้ำนาน ๆ ไม่เกิดความรู้สึกอยากอาบขึ้นมาบ้างหรือ?
..
คุณหมอบอกว่า..
เคยเกิดความรู้สึกอยากอาบและอยากใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหนังและกลิ่นกายเหมือนกัน แต่เมื่อเราไม่หวนกลับไปใช้ ไม่นานมันก็จะเกิดความเคยชิน จนเราไม่รู้สึกอยากอาบน้ำอีก
..
คุณหมออธิบายกลไกการเกิดกลิ่นตัว จากการที่เราทำความสะอาดผิวหนังมากเกินไปให้ฟังว่า..
ปกติบนผิวหนังเราจะมีแบคทีเรียอาศัยอยู่ แบคทีเรียเหล่านี้จะดำรงชีวิตด้วยเหงื่อ คราบไคลและสารคัดหลั่งต่าง ๆ ตามธรรมชาติบนผิวเรา
ซึ่งเมื่อเราใช้สารเคมีไปทำความสะอาดเหงื่อและสารคัดหลั่งต่าง ๆ ออกหมด ระบบนิเวศน์บนผิวหนังระหว่างแบคทีเรียและคราบเหงื่อไคลจะถูกทำลายลง
ผลที่ตามมาคือจุลชีพที่ส่งกลิ่นไม่ดีจะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว จนทำให้คุณรู้สึกว่า ผิวหนังคุณเหม็นมากขึ้น
..
คุณหมอกล่าวต่อไปอีกว่า
การที่เราไม่อาบน้ำหรือไม่ประทินผิวด้วยเครื่องหอม อาจจะทำให้ตัวเราไม่หอมเท่ากับกลิ่นดอกไม้ แต่มันก็จะทำให้เราไม่มีกลิ่นเหม็นอย่างแน่นอน
ในอดีตนั้น ก่อนที่เราจะเริ่มมีการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวและน้ำหอม ร่างกายคนเราจะมีกลิ่นปกติ
ที่ไม่มีความเหม็นและมีความเฉพาะตัว
กลิ่นเหล่านี้หายไป เมื่อเราถูกกล่อมให้หันไปใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังเหล่านี้ ตามคำชวนเชื่อทางการตลาด
..
คำว่าไม่อาบน้ำของคุณหมอท่านนี้ ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีการทำความสะอาดใด ๆ เลย เพียงแต่จะเลือกทำความสะอาดเฉพาะรอยเปรอะเปื้อนที่เห็นได้ชัดเท่านั้น
สิ่งที่เป็นความต้องการที่แท้จริงจากการทดลองครั้งนี้ก็คือ..
การสื่อสารว่าการดูแลผิวกายที่แท้จริง เราจำเป็นต้องดูแลมาจากภายในมากกว่าการจัดการจากภายนอก
คุณหมอสรุปว่า..
การที่คนเราในปัจจุบันอาบน้ำบ่อยครั้งและใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวกายมากเกินความจำเป็น เป็นเรื่องของเหตุผลทางสังคมและความพึงพอใจส่วนตัว มากกว่าเรื่องสุขภาพ
คำแนะนำเบื้องต้นที่อยากให้พิจารณาก็คือ..
ทุกวันนี้ เราอาบน้ำมากเกินไปหรือเปล่า?
เราใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวกายมากเกินความจำเป็นหรือเปล่า?
ความพอดีระหว่างสุขภาพและความงาม มันอยู่ตรงไหนต่างหาก...
..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
ภาพประกอบจากunsplash
- 170
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
