25 ม.ค. 2021 เวลา 17:11 • หนังสือ
The Promgoer's Interstellar Excursion - Chris McCoy
จะมีหนังสือสักกี่เล่ม ที่สามารถจับเอามนุษย์ต่างดาวมายำรวมกับปมวัยรุ่นค้นหาตัวเอง ผสมผสานไปด้วยเสียงดนตรีและพลังมิตรภาพแบบข้ามจักรวาลล้านปีแสง ปิดท้ายด้วยความรักวัยใสแบบละมุนละไมชวนให้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ปนยิ้มแหยๆแต่ไม่พัง มีความหัวเราะปนซึ้งเล่นเอาคนอ่านแทบปาดน้ำตาภาษาคนไร้คู่ ที่แม้แต่จากดาวเดียวกันยังหาไม่มีเอาซะเลย..
The Promgoer's Interstellar Excursion ของ Chris McCoy คืออีกหนึ่ง YA ที่สุดของแจ้ อยากให้ทุกคนได้อ่าน เพราะมันคือความน้ำดีที่ไม่เวิ่นเว้อ แถมยังตลกบ้าบอ ตรรกะพังพินาศจนอ่านแล้วอยากจะวิ่งเอาหัวชนกำแพงตาย 55555
เบนเน็ต บาร์โด พระเอกของเราเป็นไอ้เห่ยไม่เอาไหน แต่งเพลงเป็นร้อยแต่ไม่เคยให้ใครฟัง แอบชอบโซฟี สาวข้างบ้านที่เค้าไม่รู้ว่าแม่งมีตัวตน แถมส่งใบสมัครมหาลัยไปแค่ที่เดียวแบบไม่เผื่อใจเอาไว้เลย พูดง่ายๆคืออนาคตนางเลือนรางมากๆ
แต่ แต่ แต่ ปรากฏว่า ปาฏิหาริย์มีจริง เพราะปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์จับพลัดจับผลูบางอย่างที่ลงเอยให้โซฟีตอบตกลงว่าจะไปงานพรอมกับเบนเน็ต!! (เหยดดดด) แต่!! ปรากฏว่าดีใจไม่ทันไร โซฟีดันโดนมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว 5555555 โถ่ววว โซฟีที่เป็นแรงบันดาลของทั้งร้อยกว่าเพลงที่เบนเน็ตแต่ง (อีบ้า) โซฟีที่เหมือนเป็นจูเลียตของโรมิโอ เป็นเฮอร์ไมโอนี่ของรอน เป็นราโมน่า ฟลาวเวอร์ ของสก๊อต พิลกริม เป็นกระท่อมติดไฟลุกของคุณฉลอง ภักดีพิจิตร คือไม่ด้ายยยยย งานนี้ต้องมีการตามกลับมา!!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ยยยย
ตลอดเกือบสามร้อยหน้าคือการผจญภัยแบบบ้าบอคอแตกมาก ทั้งรถบัสอวกาศ ดาวสัตว์ประหลาด รวมไปถึงการเผชิญหน้าร่วมหัวจมท้ายกับเพื่อนใหม่ ที่เป็นถึงระดับซูเปอร์สตาร์ (วงดนตรีที่ดังเป็นอันดับหนึ่งพันสิบหกล้านในกาแลคซี่) ยกขบวนมาร่วมกันสร้างสีสันแบบตั้ลล้ากก ซึ่งพลังมิตรภาพแบบบวมๆนี่ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของหนังสือเล่มนี้ที่เราอยากจะเน้นๆๆๆมากๆ โคตรดีเลย
หนังสือเรื่องนี้เหมือนเป็นส่วนผสมของ Hitchhiker's Guide to the Galaxy (แปลไทย: คู่มือท่องกาแลคซีฉบับนักโบก) กับอีกหนึ่งหนัง coming-of-age ขึ้นหิ้งอย่าง Almost Famous ประสานด้วยกลิ่นอายของ Scott Pilgrim VS the World เป็นกาประสานเคมีที่เข้ากันได้อย่างเพอร์เฟค
เรื่องนี้ที่ชอบที่สุดเพราะเป็นการเล่าถึงความสัมพันธ์แบบเพื่อนโดยใช้ตัวกลางที่เจ๋งที่สุด ซึ่งคือดนตรี เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงมากๆ (มีเรเฟอเร้นถึง Radiohead เป็นต้น) ช่วง 1/3เล่มสุดท้ายจะเป็นอะไรที่พีคสุด เพราะเขียนได้ซึ้งกินใจ เป็นเรื่องของความกล้า มิตรภาพ และการสู้จนถึงที่สุดเพื่อความฝันของตัวเอง ครบทุกรส มีช็อตน้ำตาซึม มีช็อตขำจนสำลัก มีช็อตโคตรน่าเบื่อ (อ้าวเห้ย) คือมันหลากหลายไง เนื้อเรื่องคาดเดาไม่ถูกเลย สำนวนการเขียนเสียดสีแดกดัน ตลกหน้าตายแถมยังไร้สาระสิ้นดี แต่ไร้สารถขนาดนี้ ยังอุตส่าห์ได้ข้อคิดอีก ขอแนะนำแบบสิบห้าดาว เต็มสิบไม่หัก ไม่มีอะไรจะต้องพูดอีกแล้ว
บันทึกไว้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2017
โฆษณา