26 ม.ค. 2021 เวลา 05:16 • หนังสือ
#39 เล่ม 1 บทที่ 9 หน้า 221 ~ 231
G : เธออาจคิดว่า "การเป็นตัวตนที่แท้จริง" นี้เป็นเรื่องง่าย แต่นี่คือสิ่งท้าทายที่สุดในชีวิตที่เธอเคยทำมาเลยล่ะ
จริงๆแล้วเธออาจไปไม่ถึงด้วยซ้ำ น้อยคนที่จะทำได้ ไม่ใช่ในชาติเดียว แม้กระทั่งหลายชาติภพก็ตาม
N : ถ้างั้นทำไมต้องพยายามด้วยล่ะครับ? ทำไมต้องเข้าสู่การต่อสู้นี้? ใครกันที่ต้องการมัน? ทำไมถึงไม่ให้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายๆ ชัดเจน เป็นแบบฝึกหัดพื้นๆที่ไม่ได้มีความหมายอะไรและไม่นำไปสู่ที่ไหนโดยเฉพาะล่ะ?
ถ้าเป็นเกมที่ยังไงเราก็ไม่แพ้ไม่ว่าจะเล่นยังไง เป็นกระบวนการซึ่งนำไปสู่ผลลัพท์เดียวกันในท้ายที่สุดสำหรับทุกคน พระองค์บอกว่าไม่มีนรก ไม่มีการลงทัณฑ์ ไม่มีทางแพ้ ถ้างั้นจะไปสนเรื่องการพยายามเอาชนะไปทำไม?
งั้นอะไรคือสิ่งกระตุ้นให้ต้องทำ? ในเมื่อมันยากที่จะไปให้ถึงที่ที่พระองค์บอกว่าเรากำลังพยายามไป? ทำไมเราถึงไม่ใช้เวลาที่ดีๆสบายๆแล้วผ่อนคลายไปกับเรื่องพระเจ้าๆและเรื่อง "การเป็นตัวตนที่แท้จริง" นี่ซะทีล่ะ?
G : โอ้...นี่เรากำลังว้าวุ่นใจอยู่ใช่ไหมเนี่ย?
N : ผมเหนื่อยกับการพยายาม พยายาม แล้วก็พยายาม เพียงเพื่อให้พระองค์มาที่นี่และบอกว่าการจะเป็นอย่างนั้นได้น่ะยากเย็นขนาดไหน แล้วก็มีแค่หนึ่งในล้านเท่านั้นที่ทำได้
G : ฉันรู้ว่าเธอพยายามอยู่ ขอดูก่อนนะว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง อันดับแรกฉันอยากบอกว่า เธอได้ใช้ "เวลาที่ดีๆ" กับเรื่องนี้แล้ว เธอคิดหรือว่านี่คือความพยายามครั้งแรกของเธอน่ะ?
N : ไม่รู้เหมือนกันครับ
G : มันไม่คล้ายกับว่า เธอเคยอยู่จุดนี้มาก่อนเลยหรือ?
N : บางที
G : เอาล่ะ เธอเคย...หลายต่อหลายครั้งแล้ว
N : กี่ครั้งครับ?
G : `หลายครั้ง`
N : ผมควรรู้สึกดีขึ้นมั๊ยเนี่ย?
1
G : มันน่าจะช่วยจุดประกายเธอได้นะ
N : ยังไงล่ะครับ?
G : อย่างแรกก็คือ มันควรเอาความกังวลออกไปจากเธอได้ และควรทำให้รู้สึกถึงภาวะ "ไม่มีทางล้มเหลว" ที่เธอเพิ่งพูดถึง มันจะให้ความมั่นใจแก่เธอว่าความมุ่งหมายมีไว้เพื่อ "ไม่ให้เธอล้มเหลว" ว่าเธอจะ "ได้รับโอกาสมากเท่าที่ต้องการและจำเป็น"
เธอยังสามารถกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า และเมื่อเธอวิวัฒน์สู่ขั้นต่อไปก็เป็นเพราะเธอ`ต้องการให้เป็นอย่างนั้น` ไม่ใช่เพราะ`จำต้องเป็น`
เธอ`ไม่จำเป็น`ต้องทำอะไรเลย!
ถ้าเธอมีความสุขกับชีวิตในระดับนี้ ถ้าเธอรู้สึกว่านี่คือที่สุดแล้วสำหรับเธอ เธอก็อาจมีประสบการณ์นี้ได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า ที่จริงเธอมีประสบการณ์นี้ซ้ำมาหลายครั้งแล้วก็ด้วย "เหตุผลนี้" นี้แหละ!
เธอ`รัก`นาฏกรรมในชีวิต! (ละครชีวิต)
เธอ`รัก`ความเจ็บปวด!
`รัก`การไม่รู้
`รัก`ความลี้ลับ
`รัก`ความสงสัย!
เธอ`รัก`มันทั้งหมดเลย!
 
นี่คือสาเหตุว่าทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ไง!
N : ล้อผมเล่นหรือเปล่า?
G : ฉันจะล้อเธอเล่นเรื่องแบบนี้หรือ?
N : ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าพระเจ้าพูดเล่นเรื่องอะไรบ้าง?
G : ไม่ใช่เรื่องนี้ นี่ใกล้เคียงกับ "สัจจะและการรู้ขั้นสูงสุดมาก"
 
ฉันไม่เคยพูดเล่นเกี่ยวกับ "วิถีที่สิ่งต่างๆเป็นไป" คนมากมายเกินไปที่ปั่นหัวเธอในเรื่องนี้ ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อให้เธอสับสนขึ้นไปอีก แต่มาเพื่อให้ความกระจ่าง
N : เพราะฉะนั้นโปรดให้ความกระจ่างด้วยเถิด พระองค์บอกว่าผมอยู่ที่นี่เพราะผม`อยากอยู่`ใช่มั้ยครับ?
G : แน่นอน...ถูกต้อง
N : ผม`เลือก`เองงั้นหรือครับ?
G : ใช่
N : และผม`ทำอย่างนี้`มานับครั้งไม่ถ้วน?
G : นับครั้งไม่ถ้วน
N : กี่ครั้งครับ?
G : อีกแล้วนะ เธอต้องการรู้จำนวนชัดๆเลยใช่ไหม?
1
N : แค่ประเมินคร่าวๆก็ได้นะครับ ผมแค่อยากจะรู้ว่าเรากำลังพูดถึงตัวเลขกำมือหนึ่งหรือว่าหลายโหลน่ะ?
G : หลายร้อย
N : หลายร้อย? นี่ผมมีชีวิตมาแล้ว`หลายร้อยชาติ` งั้นหรือครับ?
G : ใช่
N : และมาไกลได้แค่เนี้ย?
1
G : จริงๆเธอมาได้ไกลระดับหนึ่งเลยนะ
1
N : โอ งั้นหรือครับ จริงหรือครับ?
G : แน่นอน ทำไมล่ะ ในอดีตชาติเธอยังเคยฆ่าคนด้วยซ้ำ
N : แล้วมันผิดตรงไหน พระองค์เคยพูดเองไม่ใช่หรือว่าบางครั้งสงครามก็จำเป็นสำหรับยุติความชั่วร้าย?
G : เราคงต้องลงรายละเอียดเรื่องนี้แล้วล่ะ เพราะฉันเห็นว่าข้อความนี้ถูกนำไปใช้และใช้อย่างผิดๆ (แบบที่เธอทำอยู่ตอนนี้) เพื่อหาความชอบธรรมหรือเหตุผลมารองรับความบ้าคลั่งต่างๆนาๆ
จากมาตรฐานสูงสุดที่ฉันสังเกตว่ามนุษย์ได้สร้างขึ้นนะ การฆ่าไม่มีวันเป็นเครื่องมืออันชอบธรรมให้กับการระบายอารมณ์โกรธ สำแดงความเกลีดชัง ทำผิดให้เป็นถูก หรือลงโทษผู้ล่วงล้ำ คำพูดที่ว่าบางครั้งสงครามก็จำเป็นสำหรับกำจัดความชั่วร้ายนั้นเป็นจริงก็เพราะเธอทำให้เป็นอย่างนั้น
เธอได้ตัดสินใจ 'ในการสร้างสรรค์ตัวตน' ว่า การเคารพชีวิตเพื่อนมนุษย์เป็นและต้องเป็น "คุณค่าสูงสุด" และฉันก็ยินดีกับการตัดสินใจนี้ของเธอเพราะฉันไม่ได้สร้างชีวิตมาเพื่อให้ถูกทำลายได้
การเคารพต่อชีวิตนั้นเองที่ทำให้บางครั้งต้องก่อสงคราม เพราะจากการทำสงครามกับความชั่วร้ายที่กำลังคุกคามประชิดตัว หรือจากการป้องกันภัยที่กำลังเกิดแก่ชีวิตผู้อื่น 🔹นั่นคือการประกาศว่าเธอคือใครในความสัมพันธ์ที่มีต่อมัน🔹
"เธอมีสิทธิภายใต้กฏศีลธรรมสูงสุด" ตามจริงแล้วเธอมีหน้าที่ภายใต้กฏนั้นด้วยซ้ำในการหยุดยั้งการรุกรานต่อบุคคลอื่นและตัวเธอเอง นี่ไม่ได้หมายความว่าการฆ่าเพื่อลงโทษ ลงทัณฑ์ และแก้ไขความขัดแย้งนั้น "เหมาะสม" หรอกนะ
ในอดีตชาติเธอได้ฆ่าคนตายในการดวลชิงผู้หญิงที่เธอหลงรัก ให้ตายเถอะ เธอเรียกสิ่งนี้ว่าการปกป้องเกียรติ ทั้งที่จริงๆเธอกำลังสูญเสียเกียรติยศทั้งหมดไปต่างหาก
การใช้การฆ่าเพื่อแก้ข้อขัดแย้งนั้นไร้สาระ มนุษย์มากมายยังคงใช้กำลัง (กำลังแห่งการประหัตประหาร) เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งอันน่าขันกระทั่งทุกวันนี้
และที่หลอกลวงที่สุดก็คือ บางคนถึงขั้นอ้างว่าตนได้ฆ่า "ในนามของพระเจ้า" นั่นคือ 🔸การดูหมิ่นพระเจ้าอย่างร้ายแรงที่สุดเพราะไม่ได้บอกถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอเลย🔸
N : โอ ถ้างั้นการฆ่าก็เป็นเรื่องผิดน่ะสิ?
G : ย้ำอีกทีนะ ไม่มีสิ่งใดที่ "ผิด" ต่อสิ่งใดหรอก ผิดเป็นคำที่มีความหมายเชิงสัมพัทธ์ ซึ่งบ่งชี้ด้านตรงกันข้ามของสิ่งที่เธอเรียกว่า "ถูก"
1
ถ้าอย่างนั้น "ถูก" คืออะไรล่ะ?
เธอสามารถ`เป็นกลาง`ได้จริงๆหรือเปล่า?
หรือว่า "ถูก" กับ "ผิด" เป็นเพียงการบรรยายเหตุการณ์หรือสถานการณ์ซึ่งมาจากการตัดสินใจที่เธอมีต่อมันเท่านั้นเอง
แล้วอะไรล่ะที่ก่อฐานการตัดสินใจของเธอ? ประสบการณ์ของเธออย่างนั้นหรือ? ไม่หรอก ส่วนใหญ่เธอเลือกจะยอมรับการตัดสินใจของ "คนอื่น" คนที่เกิดมาก่อนและก็น่าจะรู้ดีกว่าเธอ น้อยมากในชีวิตประจำวันที่เธอจะตัดสินใจว่าอะไร "ถูก" หรือ "ผิด" จากความเข้าใจ "ของเธอเอง"
นี่เป็นความจริงโดยเฉพาะกับเรื่องที่มีความสำคัญมากๆ🔸ที่จริงแล้วยิ่งเป็นเรื่องสำคัญเท่าไหร่เธอยิ่งแทบไม่ฟังประสบการณ์ของตัวเอง🔸และ🔸ยิ่งพร้อมจะรับความคิดของคนอื่นมาเป็นของตนขึ้นไปอีก🔸
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงละทิ้งการควบคุมชีวิตบางด้านของตัวเองอย่างเกือบจะสิ้นเชิง รวมถึง`คำถามบางข้อ`ที่ผุดขึ้นในประสบการณ์ของมนุษย์ด้วย
บ่อยครั้งมากๆที่หลายด้านของคำถามเหล่านั้นเป็นเรื่อง`สำคัญยิ่งยวด`ต่อจิตวิญญาณเธอ เช่น "ธรรมชาติของพระเจ้า" "ธรรมชาติของศีลธรรมที่แท้จริง" "คำถามถึงความจริงสูงสุด" "ความคิดเห็นต่อชีวิตและความตายอันเกี่ยวเนื่องกับการทำสงคราม การรักษาโรค การทำแท้ง การุณยฆาต" "ประเด็นว่าด้วยค่านิยม โครงสร้างและการพิพากษาในระดับบุคคล"
✴️พวกเธอส่วนใหญ่ได้ละเลิกและมอบหมายเรื่องพวกนี้ให้ผู้อื่นตัดสินแทน
"เธอไม่ต้องการตัดสินใจเอง"
"ให้คนอื่นตัดสินไป! ฉันเอาตามนั้น! เห็นด้วยตามนั้น!" เธอตะโกนบอก "แค่ใครซักคนบอกฉันว่า`อะไรผิดอะไรถูก`เท่านั้นแหละ"
อนึ่ง นี่คือสาเหตุที่ศาสนาของมนุษย์ได้รับ`ความนิยม`เหลือเกิน แทบไม่สำคัญเลยว่าระบบความเชื่อจะเป็นอย่างไรตราบที่ยังมั่นคง สอดคล้อง และชัดเจนในความคาดหวังของผู้เลื่อมใส...และเข้มงวดด้วย
หากดูจากคุณลักษณ์ที่ว่ามานี้ เธอจะพบผู้คนซึ่งยอมเชื่อในแทบจะทุกเรื่อง แม้แต่ "พฤติกรรมและความเชื่อที่ประหลาดที่สุด" ก็ยังบอก (และบอกมาตลอด) ว่ามาจากพระเจ้า พวกเขาบอกว่านี่คือวิถีและวจนะของพระเจ้า
และก็มีผู้ที่พร้อมจะ`ยอมรับอย่างยินดี` เพราะเธอเห็นไหมล่ะ 🔸มันลบความจำเป็นที่ต้องคิดออกไป🔸
ที่นี้มาดูเรื่องการฆ่ากันดีกว่า มีเหตุผลที่ชอบธรรมได้บางไหมในการฆ่าอะไรสักอย่าง? ลองคิดดูนะ แล้วเธอจะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีใครข้างนอกตัวเธอมาชี้ทางหรือต้องใช้แหล่งที่สูงส่งกว่ามาคอยบอกคำตอบเลย
ถ้า`คิด`ให้ดี และมองดูว่าเธอ`รู้สึกอย่างไร` คำตอบจะปรากฎชัดต่อเธอ และเธอก็จะ`ทำไปตามนั้น` นี่ล่ะที่เรียกว่า "การกระทำตามสิทธิอำนาจของตัวเอง" แต่เมื่อเธอ "ทำไปตามอำนาจของผู้อื่น" เมื่อนั้นล่ะเธอจะพาตัวเอง`เข้าสู่ปัญหา`
รัฐและประเทศควรใช้การฆ่าเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมืองของตนอย่างนั้นหรือ?
ศาสนาควรใช้การฆ่าฟันเพื่อบังคับให้เป็นไปตามความเชื่อของตนหรือเปล่า?
สังคมควรใช้การฆ่าเพื่อสนองผู้มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือไม่?
การฆ่าคือวิธีเยียวยาทางการเมือง คือเครื่องโน้มน้าวทางจิตวิญญาณ หรือการแก้ปัญหาสังคมที่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ?
แล้วตอนนี้ล่ะ เธอจะฆ่าได้หรือเปล่าหากมีใครบางคนพยายามจะฆ่าเธอ? เธอจะใช้พลังแห่งการฆ่าเพื่อปกป้องชีวิตคนที่เธอรักไหม? ฆ่าใครบางคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนน่ะ?
การฆ่าเป็นรูปแบบ`การป้องกันตัวที่เหมาะสม`ต่อคนที่อาจฆ่าเราถ้าเราไม่หยุดเขาเสียก่อนได้หรือไม่?
มีความต่างกันไหมระหว่าง "การฆ่า" กับ "ฆาตกรรม"?
รัฐต้องการให้เธอเชื่อว่าการฆ่าเพื่อผลทางการเมืองเป็นสิ่งที่ทำได้อย่างที่สุด จริงๆแล้วรัฐ`จำเป็นต้อง`ให้เธอเชื่อตามนั้นเพื่อจะดำรงตนเป็นศูนย์อำนาจต่อไป
ศาสนาต้องการให้เธอเชื่อว่าการฆ่าเพื่อเผยแพร่และคงความรู้ (และความยึดมั่น) ต่อความจริงใดๆของตนไว้เป็นสิ่งที่ทำได้อย่างที่สุด จริงๆแล้วศาสนา`เรียกร้อง`ให้เธอเชื่อตามนั้นเพื่อจะธำรงอำนาจไว้
สังคมต้องการให้เธอเชื่อว่าการฆ่าเพื่อลงโทษใครก็ตามที่ละเมิดอะไรบางอย่าง (สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเมื่อเดือนปีผ่านไป) เป็นสิ่งที่ทำได้อย่างที่สุด จริงๆแล้วสังคม`ต้องการ`ให้เธอเชื่อตามนั้นเพื่อจะคงอำนาจไว้ได้
1
เธอเชื่อว่าอะไรพวกนี้ถูกต้องแล้ว?
เธอไปรับเอาคำของคนอื่นมาเป็นของตนหรือเปล่า?
แล้วตัวเธอเองล่ะว่าอย่างไร?
ไม่มี "ถูก" หรือ "ผิด" ในเรื่องนี้หรอก
✴️แต่ด้วยการตัดสินใจของเธอเธอจะวาดภาพตัวตนที่เธอเป็นออกมา
อันที่จริงด้วยการตัดสินใจของรัฐและประเทศชาติพวกเขาก็ได้วาดภาพตัวเองออกมาเหมือนกัน
ด้วยการตัดสินใจของศาสนาต่างๆพวกเขาก็ได้ประทับตราฐาวรไม่อาจลบเลือน
ด้วยการตัดสินใจของสังคมพวกเขาก็ได้วาดภาพตัวเองด้วยเช่นกัน
เธอพอใจกับภาพนั้นไหมล่ะ?
นั่นคือตราประทับที่เธออยากให้เป็นหรือไม่?
ภาพพวกนี้แสดงถึงตัวตนที่เธอเป็นหรือเปล่า?
✴️จงใส่ใจคำถามพวกนี้เพราะมันเรียกร้องให้เธอต้องคิด
"การคิดเป็นเรื่องยาก"
"การตัดสินเชิงคุณค่าไม่ใช่เรื่องง่าย"
มันทำให้เธออยู่ในจุดของ "การสร้างสรรค์อย่างแท้จริง"
2
เพราะหลายครั้งเหลือเกินที่เธอจะต้องพูดว่า "ฉันไม่รู้ ก็ฉันไม่รู้จริงๆ"
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ต้องตัดสินใจอยู่ดี
ซึ่งนั่นทำให้เธอ`ต้องเลือก`
✴️เธอจะต้องเลือกด้วยตัวเอง✴️
1
การเลือกเช่นนั้นเรียกว่า "การสร้างสรรค์อย่างแท้จริง" เพราะเป็น "การตัดสินใจที่ไม่อาศัยความรู้ส่วนตัวที่มีมาก่อนหน้า" และปัจเจกบุคคลย่อมตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่า ✴️ห้วงการตัดสินใจเช่นนั้นคือการสร้างสรรค์ตัวตนนั่นเอง✴️
1
พวกเธอส่วนใหญ่ไม่สนใจเรื่องสำคัญอย่างนี้ "เธอชอบให้คนอื่นตัดสินใจแทน"
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สร้างสรรค์ตัวเองขึ้นมาหรอก ★แต่เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตอันเป็นผลพวงจากอุปนิสัยและความเคยชิน★
🔸เป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างสรรค์โดยคนอื่น🔸
แล้วเมื่อคนอื่นบอกเธอว่าเธอควรรู้สึกอย่างไร ซึ่ง`ตรงข้าม`กับความรู้สึกจริงๆของเธอ เธอจะเผชิญกับความขัดแย้งภายในอย่างลึกซึ้ง บางอย่างลึกลงไปข้างในบอกว่าสิ่งที่พวกเขาบอก "ไม่ใช่ใครที่เธอเป็น"
 
แล้วทีนี้จะเอาอย่างไรดี?
จะต้องทำอย่างไรดี?
ที่แรกที่เธอไปหาก็คือนักการศาสนา พวกเขาคือคนที่ทำให้เธอต้องไปที่นั่นตั้งแต่แรกนั่นล่ะ เธอไปหาพระ แรบไบ นักบวช รวมทั้งศาสนาจารย์
พวกเขาก็จะบอกให้เธอ "หยุดฟังเสียงตัวเอง" ที่แย่ที่สุดคือ "พยายามขู่ให้เธอกลัว" เพื่อให้ถอยห่างออกมา ✴️ขู่เธอให้หนีห่างจากสิ่งที่เธอรู้อยู่ข้างในอยู่แล้ว✴️
1
พวกเขาจะบอกเธอถึงปีศาจ ซาตาน ความชั่วร้าย วิญญาณชั่ว นรกและโทษทัณฑ์ รวมทั้งสิ่งน่าพรั่นพรึงทั้งหลายที่ "พวกเขานึกได้" ✴️เพื่อให้เธอเห็นว่าสิ่งที่เธอรู้และรู้สึกอยู่ภายในเป็นสิ่งผิด✴️
และที่เดียวที่จะ`วางใจได้`คือ :
"ในความคิดของพวกเขา"
"ในมโนคติและหลักความเชื่อของพวกเขา"
"ในนิยามความถูกผิดของพวกเขา" รวมทั้ง
"แนวคิดว่าเธอคือใครจากพวกเขาเท่านั้น"
ที่เย้ายวนใจก็คือ ทั้งหมดที่เธอต้องทำเพื่อจะได้รับการยอมรับก็เพียงแต่ "เห็นด้วย" เท่านั้น แค่เห็นด้วยแล้วเธอจะได้รับการยอมรับทันที บางคนอาจถึงกับร้องเพลง ตะโกน เต้นรำ และโบกไม้โบกมือป่าวร้องฮาเลลูย่า!★
★คำสรรเสริญพระเจ้าที่เปล่งออกมาด้วยความชื่นชมยินดี ~ ผู้แปล
มันยากจะต้านทานไหว การยอมรับและความยินดีที่เธอได้พบทางสว่าง ได้รับการช่วยให้รอด!
✴️การยอมรับและการแสดงออกแบบนั้นแทบไปด้วยกันไม่ได้เลยกับการตัดสินใจที่ออกมาจากภายใน✴️
เมื่อเธอเลือกมุ่งตามความเป็นจริงของตัวเองการชื่นชมยินดีแทบไม่เคยเกิดขึ้น ตรงกันข้ามนอกจากผู้คนจะไม่แสดงความยินดีแล้วพวกเขายังจะหัวเราะเยาะเธอด้วย
ว่าไงนะ? เธอคิดให้ตัวเองหรือ? เธอตัดสินใจเอง? ใช้มาตรฐานของตัวเอง ดุลยพินิจของตัวเอง คุณค่าของตัวเองตัดสินอย่างนั้นหรือ? "เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน?"
แต่นี่ก็เป็นคำถามซึ่งเธอจะต้องตอบจริงๆนั่นแหละ
ทว่าเธอจะต้องทำงานนี้อย่างโดดเดี่ยวมาก โดยไม่มีรางวัลหรือการยอมรับใดๆ เผลอๆอาจไม่เป็นที่สังเกตด้วยซ้ำ
ฉะนั้น เธอจึงถามคำถามที่ดีมากขึ้นมาว่า...จะทำไปทำไม?
ทำไมถึงต้องเข้าสู่หนทางนี้ตั้งแต่แรกด้วยเล่า?
มันได้อะไรขึ้นมาจากการออกเดินไปบนถนนสายนั้น?
อะไรเล่าคือแรงจูงใจ? อะไรคือเหตุผล?
เหตุผลนั้นเรียบง่ายจนน่าขัน
✴️✴️✴️เพราะไม่มีอย่างอื่นให้ทำ✴️✴️✴️
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา