25 ม.ค. 2021 เวลา 04:15 • หนังสือ
#38 เล่ม 1 บทที่ 8 หน้า 212 ~ 220
...
🔸"สัจจะ" ไม่อาจผ่อนปรน
🔸มันจะไม่ปล่อยเธอไว้ตามลำพัง
🔸แต่จะคืบคลานมาหาเธอจากทุกด้าน
🔸แสดงให้เธอเห็นว่าความจริงเป็นอย่างไร
🔸ซึ่งอาจรบกวนจิตใจเธอได้
1
...
...
...
N : โอเค เอาเป็นว่าผมต้องการเครื่องมือสำหรับความสัมพันธ์ระยะยาว และพระองค์บอกว่าการเข้าสู่ความสัมพันธ์`อย่างมีจุดมุ่งหมาย`เป็นเครื่องมืออันหนึ่ง
G : ใช่ 🔸ให้แน่ใจว่าเธอและคู่ของเธอมีจุดหมายเดียวกัน🔸
ถ้าเธอทั้งสองต่างตระหนักกันทั้งคู่ว่าจุดหมายของความสัมพันธ์คือ :
 
🔸เพื่อสร้างโอกาสไม่ใช่สร้างข้อกำหนด
🔸เป็นโอกาสเพื่อการเติบโต
🔸เพื่อแสดงออกถึงตัวตนอย่างเต็มเปี่ยม
🔸เพื่อยกระดับชีวิตสู่ศักยภาพสูงสุด
🔸เพื่อเยียวยาความคิดที่ผิดพลาดหรือแนวคิดอันต่ำต้อยที่เธอมีต่อตัวเอง และ
🔸เพื่อในที่สุดจะกลับไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าผ่านการรวมวิญญาณของเธอทั้งสอง
หากเธอยึดคำสาบานนี้แทนอันเก่าที่เคยยึดถือแล้ว ความสัมพันธ์ของเธอจะเริ่มต้นบนพื้นฐานที่ดีและไปถูกทาง ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นที่ดียิ่ง
N : แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะประสบความสำเร็จ
G : หากเธออยากให้ชีวิตรับประกันละก็ แสดงว่าเธอไม่ต้องการชีวิตแล้วล่ะ เธอเพียงต้องการ “ซ้อมบท” ที่เขียนไว้เสร็จแล้วมากกว่า!
✴️ ธรรมชาติของชีวิตไม่อาจรับประกันได้ ไม่อย่างนั้นจุดประสงค์ทั้งหมดของมันจะถูกทำลาย
N : โอเค เข้าใจแล้วครับ งั้นตอนนี้ความสัมพันธ์ของผมก็อยู่ใน "จุดออกตัวที่ดีมาก" แล้วทีนี้จะทำยังไงให้มันไปต่อด้วยดีล่ะ?
G : จงรู้และเข้าใจว่า จะมีความท้าทายและช่วงเวลาที่ยากลำบาก
อย่าพยายามเลี่ยง แต่จงต้อนรับด้วย "ความรู้สึกขอบคุณ" และมองว่า “เป็นของขวัญอันสง่างามจากพระเจ้า” เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะได้ทำสิ่งที่เธอเข้าสู่ความสัมพันธ์ (และชีวิต) ★เพื่อที่จะทำ★
★การมาเกิด ก็คือการเข้าสู่ความสัมพันธ์ในโลกสัมพัทธ์ (โลกแห่งความเป็นคู่) นี้
— แอดมิน
จงพยายามให้หนักที่จะไม่เห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรู หรือเป็นฝ่ายตรงข้ามในช่วงเวลาดังกล่าว ที่จริงแล้ว..."จงอย่าเห็นว่าใครหรือสิ่งใดเป็นศัตรูเลย หรือแม้แต่เห็นว่าเป็นปัญหาก็ตาม"
จง`ฝึกฝนเทคนิค`การมองทุกปัญหาให้เป็นโอกาส โอกาสที่จะ...
N : ผมรู้ๆ โอกาสที่จะเป็นและตัดสินใจว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร?
G : ถูกต้อง เธอเข้าใจแล้ว! เธอเข้าใจแล้ว!
N : ฟังดูเป็นชีวิตที่น่าเบื่อสำหรับผมยังไงก็ไม่รู้
1
G : ถ้างั้นเธอก็มองต่ำไปแล้วล่ะ ขยายมุมมองให้กว้างขึ้นอีกหน่อยสิ เพิ่มความลึกให้วิสัยทัศน์เธอหน่อย จงเห็นสิ่งที่อยู่ในตัวเองให้มากกว่าที่เธอคิดว่าจะเห็น และเห็นคู่ของเธออย่างนั้นด้วย!
เธอจะไม่มีวันก่อความเสียหายต่อความสัมพันธ์หรือว่าใครๆจากการที่เธอมองเห็นในตัวอีกฝ่ายมากกว่าที่เขาแสดงให้เห็น เพราะมันมีอะไรมากกว่าจริงๆ มากกว่านั้นมาก
 
เพียงเพราะความกลัวของเขานั่นเองที่รั้งไว้ไม่ให้แสดงออกต่อเธอ แต่ถ้าอีกฝ่ายสังเกตว่าเธอเห็นลึกไปกว่าที่เขาแสดงให้เห็น เขาจะรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงออกต่อเธอในสิ่งที่เธอเห็นชัดมานานแล้ว
N : ผู้คนมีแนวโน้มที่จะทำตัวสอดคล้องกับความคาดหวังที่เรามีต่อเขา
G : อะไรทำนองนั้นแหละ แต่ฉันไม่ชอบคำว่า "คาดหวัง" ที่เธอพูดเลย
✴️ความคาดหวังเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์✴️
พูดอย่างนี้ดีกว่าว่า ผู้คนมีแนวโน้มจะเห็นตัวเองในแบบที่เรามองเห็นเขา ยิ่งเราเห็นบางสิ่งในตัวเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพร้อมที่จะเปิดสู่และเปิดเผยส่วนนั้นออกมา `ซึ่งเราเองทำให้เขาได้เห็น`
นี่ไม่ใช่วิธีที่ความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมทั้งหลายเป็นไปหรอกหรือ? นี่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการบำบัดหรือไร? กระบวนการซึ่งเราให้ผู้คนได้ "ปลดปล่อย" ความคิดที่ผิดพลาดที่มีต่อตัวเองออกไป
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันกำลังทำ 🔸เพื่อเธออยู่ตอนนี้🔸 กับหนังสือเล่มนี้หรอกหรือ?
N : ใช่ครับ
G : และนี่ล่ะ งานของพระเจ้า
✴️งานของจิตวิญญาณคือปลุกตัวเองให้ตื่น
✴️ส่วนงานของพระเจ้าคือการปลุกทุกคนที่เหลือให้ตื่นด้วย
N : ซึ่งทำได้ด้วยการ `เห็นผู้อื่นอย่างที่เขาเป็นจริงๆ` และ `โดยการย้ำเตือนว่าพวกเขาคือใคร`
1
G : ซึ่งทำได้`สองทาง` นั่นคือ :
(1)"ด้วยการย้ำเตือนให้พวกเขาระลึกว่าตนคือใคร" (ซึ่งยากมากเพราะพวกเขาจะไม่เชื่อเธอ)
1
และ(2) "โดยการจดจำว่าเธอคือใคร" (นี่ง่ายกว่ามากเพราะไม่ต้องอาศัยความเชื่อ`ของพวกเขา` ยกเว้นของเธอเอง)
1
✴️หากเธอแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาอย่างต่อเนื่อง
✴️พวกเขาจะระลึกได้ในที่สุดว่าตนคือใคร
✴️เพราะคนอื่นจะมองเห็นตัวเขาเองในเธอ
คุรุทั้งหลายถูกส่งมายังโลกเพื่อแสดงสัจจะอมตะ คนอื่นๆเช่น ยอห์น แบ็บติสต์★ ถูกส่งมาในฐานะผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บอกกล่าวสัจจะอย่างเรืองโรจน์ พูดถึงพระเจ้า`อย่างกระจ่างชัด`ปราศจากข้อผิดพลาด
★มีการแปลชื่อนี้เป็นภาษาไทยว่า "ยอห์น ผู้ให้บัพติสมา" คือนักบุญผู้ประกาศล่วงหน้าถึงการมาของพระเยซูและเป็นผู้ให้ศีลจุ่มแก่พระเยซู ~ ผู้แปล
ผู้นำสารพิเศษเหล่านี้จะมาพร้อม`ความรู้แจ้งที่ไม่ธรรมดา` พร้อมพลังพิเศษที่จะหยั่งเห็นและได้รับสัจจะนิรันดร์ รวมทั้งความสามารถในการสื่อสารแนวคิดที่ซับซ้อนด้วยวิธีที่มหาชนจะเข้าใจได้
เธอเองก็เป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐเหมือนกัน
N : ผมหรือครับ?
G : ใช่ เชื่อหรือเปล่าล่ะ?
N : เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับนะครับ ผมหมายความว่าเราทุกคนต่างอยากเป็นคนพิเศษ
G : 🔸เธอทุกคนต่างเป็นคนพิเศษ🔸
1
N : และอัตตาก็เข้ามา อย่างน้อยก็`กับผม` และมันพยายามทำให้เรารู้สึกราวกับ "ถูกเลือก" เพื่อทำภารกิจอันน่าทึ่ง ผมต้องต่อสู้กับเจ้าอัตตานี้ตลอดเวลา ต้องหาทางชำระ แล้วก็ชำระความคิด ถ้อยคำ รวมทั้งการกระทำใหม่ให้บริสุทธิ์อยู่เรื่อย เพื่อจะได้ไม่รู้สึกตัวพองโต มันเลยยากมากที่ได้ยินพระองค์พูดอย่างนั้น เพราะผมกลัวว่ามันจะมีผลกับอัตตา ซึ่งผมใช้เวลาสู้กับมันมาตลอดชีวิต
G : ฉันรู้! และบางครั้งก็ไม่ค่อยสำเร็จนัก
N : ผมเสียใจที่ต้องยอมรับ
G : แต่เมื่อมาหาพระเจ้าเธอก็ลดอัตตาตัวเองลง หลายต่อหลายคืนที่เธออ้อนวอนขอความกระจ่าง วิงวอนให้สวรรค์มอบความเข้าใจลึกซึ้งแก่เธอ ไม่ใช่เพื่อจะได้รวย แต่ด้วยการเพรียกร้องลึกซึ้งบริสุทธิ์ใจเพียงเพื่อจะได้`รู้`
N : ใช่ครับ
G : และเธอก็สัญญากับฉันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า `หากได้รู้`🔸เธอจะใช้ชีวิตที่เหลือทุกขณะที่ตื่นลืมตาแบ่งปันสัจจะนิรันดร์กับผู้อื่น🔸
1
ไม่ใช่เพื่อจะได้รับชื่อเสียงเกียรติยศ แต่ด้วยความปรารถนาจากส่วนลึกของหัวใจ ✴️ที่จะขจัดความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของผู้อื่น เพื่อนำความสุข ความยินดี การช่วยเหลือและการเยียวยา เพื่อเชื่อมประสานผู้คนสู่สายสัมพันธ์ของการเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า เช่นที่เธอมีประสบการณ์เสมอมา✴️
N : ใช่...ใช่ครับ
G : ฉันจึงเลือกเธอเป็นผู้ส่งสาร เธอและอีกหลายคน เพราะในช่วงเวลาแบบนี้โลกต้องการแตรอีกมากมายเพื่อเป่าประกาศถึงความเร่งด่วน
1
โลกยังต้องการอีกหลายเสียงเพื่อกล่าวสัจจะและบำบัดเยียวยา ซึ่งคนนับล้านต่างโหยหา
1
✴️โลกยังต้องการหัวใจอีกหลายดวงเพื่อร่วมกันในงานของจิตวิญญาณ
✴️และเตรียมตัวสำหรับงานของพระเจ้า
เธอกล้าบอกตามตรงไหมล่ะว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน?
N : ไม่ครับ
G : เธอกล้าปฏิเสธตามตรงไหมล่ะว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นำเธอมาถึงจุดนี้?
N : ไม่ครับ
G : ถ้าอย่างนั้นพร้อมหรือยังกับหนังสือเล่มนี้ที่จะตัดสินใจและเผยแสดงสัจจะนิรันดร์ของเธอ...และพร้อมหรือยังที่จะประกาศและสื่อสารถึงความรุ่งโรจน์`ของฉัน`
N : นี่ผมต้องเอาสิ่งที่เราคุยกันในช่วงท้ายๆนี้รวมเข้าไปในหนังสือด้วยหรือเปล่าครับ?
G : เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น จำไว้นะว่า`ในความสัมพันธ์ของเรา` เธอไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไรเลย เธอมีเพียงโอกาส❗★
★หน้าที่ หมายถึง เราต้องทำสิ่งนั้น
โอกาส หมายถึง เราจะทำหรือไม่ทำก็ได้
ตรงนี้จึงหมายถึง เราไม่ได้ถูกบังคับให้ทำอะไรทั้งนั้น(หน้าที่) แต่เรามีโอกาส(เลือก)ที่จะทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ตามแต่ที่ใจเรานั้นปรารถนา — แอดมิน
1
นี่ไม่ใช่โอกาสที่เธอรอคอยมาตลอดชีวิตหรือ? เธอไม่ได้อุทิศตัวเองเพื่อภารกิจนี้ รวมทั้งได้รับการเตรียมพร้อมอย่างเหมาะสม`มาตั้งแต่ช่วงต้นวัยหรอกหรือ?`
N : ใช่ครับ
G : ถ้าอย่างนั้น...
✴️จงอย่าทำสิ่งที่รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
✴️แต่ให้ทำเพราะเป็นโอกาสที่จะได้ทำ
1
เรื่องการใส่ทุกอย่างที่เราพูดเข้าไปในหนังสือนั่นน่ะ ทำไมถึงจะไม่ทำล่ะ? เธอคิดว่าฉันอยากให้เธอเป็นผู้ส่งสาส์นอย่างลับๆหรือไง?
N : ไม่ครับ ผมคิดว่าไม่ใช่อย่างนั้น
G : ต้องอาศัยความกล้าอย่างมากที่ใครคนหนึ่งจะประกาศว่าเขาคือคนของพระเจ้า เธอเข้าใจไหม โลกพร้อมจะยอมรับเธอทันทีในเกือบทุกฐานะ เว้นแต่การเป็นคนของพระเจ้า เป็น`ผู้นำสาส์น`ที่แท้จริงน่ะ
ผู้นำสาส์นทุกคนของฉันล้วนถูกทำให้เสื่อมเสียแปดเปื้อน ห่างไกลจากการได้รับชื่อเสียงเกียรติยศ พวกเขาไม่ได้อะไรเลยนอกจากความปวดใจ
🔆เธอพร้อมหรือยัง?
🔆หัวใจเธอเจ็บปวดที่จะบอกความจริงเกี่ยวกับฉันไหม?
🔆เธอพร้อมจะอดกลั้นต่อความเยาะหยันของเพื่อนมนุษย์หรือเปล่า?
1
🔆เธอพร้อมจะสละเกียรติยศทางโลกเพื่อความรุ่งเรืองยิ่งกว่าของการตระหนักรู้ในวิญญาณอย่างเต็มเปี่ยมหรือไม่?
N : จู่ๆพระองค์ก็ทำให้เรื่องทั้งหมดนี้หนักอึ้งขึ้นมาเลยนะครับ
1
G : เธออยากให้ฉันพูดเล่นเรื่องนี้หรือ?
N : เอ่อ...เราอาจทำให้มันเบาขึ้นมาบ้างสักนิดหนึ่งก็ได้
G : เฮ้...แต่ทั้งหมดที่ฉันทำอยู่นี่ก็เพื่อ`ให้มันเบา`★ ขึ้นนะ! ทำไมเราไม่จบบทนี้ด้วยเรื่องขำขันซักเรื่องล่ะ?
★คำว่า "เบา" ในที่นี้มาจาก enlightenment
(en = ทำให้, light = เบา, ment = การ)
ด้านหนึ่งเป็นการเล่นกับคำว่า "เบา" แปลแยกทีละตัวอักษรจะได้ความหมายว่า "ทำให้เบาขึ้น" แต่ความหมายที่แท้จริงของคำนี้คือ "การรู้แจ้ง" ~ ผู้แปล
N : เข้าใจครับ พระองค์มีมั้ยล่ะ?
G : ไม่มี เธอนั่นล่ะมี เล่าเรื่องเด็กผู้หญิงที่กำลังวาดรูปสิ
N : โอ ใช่ๆ เรื่องนั้นตกลงครับ
...วันหนึ่งแม่เดินเข้ามาในครัว พบลูกสาวตัวน้อยนั่งอยู่ที่โต๊ะ มีสีเทียนกระจายเกลื่อน เด็กน้อยกำลังจดจ่อกับการวาดรูปที่เธอสร้างสรรค์ขึ้นอย่างอิสระ
"โอ้โห ลูกกำลังวาดรูปอะไรง่วนอยู่จ๊ะเนี่ย?" ผู้เป็นแม่ถาม "รูปพระเจ้าค่ะแม่" เด็กหญิงแสนสวยตอบนัยน์ตาวาว "โอ น่ารักมากจ๊ะลูกจ๋า" คุณแม่พยายามช่วย "แต่ลูกรู้ไหมจ๊ะว่าจริงๆแล้วไม่มีใครรู้หรอกว่าพระเจ้าน่ะ หน้าตาเป็นยังไง"
"ก็..." เด็กน้อยตอบเสียงเจื้อยแจ้ว
"แม่คอยให้หนูวาดเสร็จก่อนสิคะ..."
G : เป็นเรื่องขำขันเล็กๆที่งดงามนะนี่ รู้ไหมว่าตอนไหนงามที่สุด?
เด็กน้อย`ไม่เคยสงสัยเลย`
หนูน้อย`รู้ชัด`ว่าจะวาดฉันอย่างไร!
N : ครับ
G : เอาล่ะ ฉันจะเล่าเรื่องหนึ่งให้เธอฟังแล้วเราจะจบบทนี้กัน
N : ตกลงครับ
G : กาลครั้งหนึ่ง มีชายซึ่งจู่ๆก็พบว่าตนใช้เวลาหลายต่อหลายชั่วโมงในแต่ละสัปดาห์เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง วันแล้ววันเล่าเขาวิ่งพรวดสู่กระดาษและปากกาเพื่อจดบันทึกแรงบันดาลใจใหม่ๆที่เกิดขึ้น บางครั้งก็เป็นเวลาครึ่งค่อนคืนเข้าไปแล้ว ในที่สุดก็มีคนถามว่าเขากำลังเขียนอะไรอยู่
"โอ" เขาตอบ "ผมกำลังเขียนบทสนทนาขนาดยาวของผมกับพระเจ้าน่ะครับ"
"น่ารักมากเลยนะ" เพื่อนของเขาพยายามเอาใจ "แต่คุณรู้มั้ยว่าจริงๆแล้วไม่มีใครรู้ชัดหรอกว่าพระเจ้าพูดอะไรกันแน่"
"ก็..." ชายคนนั้นยิ้มกว้าง
"คุณรอให้`ผมเขียนจบ`ก่อนสิ"...
(จบ – บทที่8)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา