Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Introverted investor
•
ติดตาม
27 ม.ค. 2021 เวลา 10:54 • หุ้น & เศรษฐกิจ
17 ข้อคิดการลงทุนในหุ้นของ วอเร็น บัฟเฟตต์
ในบทความก่อนหน้านี้เราได้สัมผัสกับข้อคิดการลงทุนหุ้นของ ปีเตอร์ ลินซ์ ผู้ยิ่งใหญ่กันมาแล้ว หวังว่าเหล่า "นักลงทุนหุ้นมือใหม่" จะได้นำบางส่วนจากข้อคิดเหล่านั้นมาพัฒนาทัศนคติด้านการลงทุนกันบ้างแล้ว เล็กๆน้อยๆค่อยๆไปก็ยังดีครับ ซึ่งในบทความนี้ ผมจะพาพวกเราไปทำความรู้จักกับปูชนียบุคคลด้านการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor ) อีกท่านหนึ่ง นั่นคือ "วอเร็น บัฟเฟตต์" (Warren Buffett) บุคคลผู้ทรงคุณค่าของนักลงทุนวีไอทั่วโลกซึ่งไม่มีใครไม่รู้จัก แต่พวกเรามือใหม่บางท่านก็อาจจะไม่รู้จัก!! ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของบทความนี้ครับ เขียนเพื่อมือใหม่ เขียนโดยมือใหม่เช่นกัน ฮ่าๆ
เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเราริอาจจะเป็นนักลงทุนหุ้นวีไออย่างเข้มข้น ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเด็ดขาดที่จะศึกษาและเรียนรู้ทั้งประวัติส่วนตัวและแนวคิดของบัพเฟตต์ ซึ่งเขาได้ฝากประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งไว้ในโลกแห่งการลุงทุนอย่างมากมายเหลือเกิน ถือว่าเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานและภาคบังคับของโรงเรียนวีไอสายแข็งเลยล่ะครับ หากว่าเรานั้นมีเป้าหมายในการมีอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง และเติบโตไปสู่การเป็นนักลงทุนวีไออย่างมั่งคั่ง มั่นคง
1
cr. Forbes
"วอเร็น บัฟเฟตต์" เกิดเมื่อปี ค.ศ.1930 ในเมืองโอมาฮ่า รัฐเนบราสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา (Omaha, Nebraska, USA) ปัจจุบันอายุ 90 ปี และเป็นบุคคลที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 4 ของโลก ซึ่งถูกจัดอันดับโดย Forbes ผ่านการถือครองทรัพย์สินสุทธิที่มีมูลค่า 87.9 Billion หรือประมาณ 87.9 ล้านล้านบาท (ไม่ได้พิมพ์ผิดนะครับ ฮ่าๆ) เขาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด (CEO) และผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท "เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์" (Berkshire Hathaway) บริษัทด้านการลงทุนที่มีนโยบายในการเข้าไปถือหุ้นบริษัทอื่น (Holding Company) อาจกล่าวได้ว่าบริษัทแห่งนี้คือบ่อเงินบ่อทองของความมั่งคั่งส่วนใหญ่ในชีวิตเขา หากเราจะสาธยายถึงเรื่องราวชีวประวัติของบัฟเฟตต์อันควรค่าแก่การศึกษาต่อไปอีกก็คงจะยืดยาวเกินไป ขออนุญาตเก็บงำเอาไว้เพื่อเปิดประเด็นในโอกาสครั้งต่อๆไป
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า (สักที) และต่อไปนี้คือ "17 ข้อคิดการลงทุนในหุ้นของ วอเร็น บัฟเฟตต์" ที่ควรค่าแก่การศึกษาเรียนรู้เพื่อพัฒนาทัศนคติ การวางแผน และการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนมือใหม่ทั้งหลาย เมื่อเราค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆในแต่ละข้อ เราก็อาจจะค้นพบได้ว่าเหตุใดบัฟเฟตต์จึงสามารถยืนหยัดอยู่บนถนนสายนี้ได้อย่างมั่นคงและสง่าผ่าเผยตราบจนถึงทุกวันนี้ "ชายชราผู้เป็นต้นแบบแห่งนักลงทุนวีไอทั่วโลก"
cr. Forbes
1. คัดเลือกบริษัทที่มีค่า ROE สูงกว่า 15% ขึ้นไป ตัวเลขยิ่งมากก็ยิ่งแสดงว่าบริษัทนั้นๆ อาจมีการบริหารกิจการที่ดี และ/หรือมีความสมดุลทางธุรกิจ (Business Equation)
2. กำจัดบริษัทที่มีค่า P/E สูงกว่า 7 เท่า ออกไปเสีย เพราะหากเราเลือกเฉพาะบริษัทที่ทำกำไรได้มากกว่า 1 ใน 7 ของราคา การถือหุ้นบริษัทดังกล่าวก็จะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างต่ำ 15% ของราคาต่อหุ้นที่คุณจ่ายไป
3. ตรวจสอบข้อมูลผลการดำเนินงานของบริษัทย้อนหลังไป 5 ปี สิ่งแรกที่ควรต้องดูก็คือ ดูว่า ROE นั้น ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมามันควรจะอยู่ในอัตราที่สูงอย่างไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
4. ถ้าหากบริษัทนั้นๆที่มีค่า ROE สูงอย่างสม่ำเสมอ เดาได้เลยว่าตัวเลขผลกำไรจะอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตที่ดี ลองเข้าไปตรวจสอบในรายละเอียดสักนิดก่อนก็ได้ว่าเป็นอย่างไร
5. ตรวจสอบการเจริญเติบโตของรายได้ หากพบว่ามันเป็นไปได้ด้วยดี ก็อนุญาตให้คุณเริ่มชอบเจ้าบริษัทนี้ได้บ้าง
6. ตรวจสอบดูว่าบริษัทมีอัตราการกู้ยืมที่สูงเมื่อเทียบกับการลงทุนหรือไม่ การกู้ยืมเป็นสิ่งที่ดี สำหรับบริษัทที่ดี เพราะว่าจะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการนำเงินที่กู้ยืมไปลงทุนเพิ่มในกิจการ รายได้ที่เกิดขึ้นนั้นจะสูงกว่าปริมาณดอกเบี้ยที่บริษัทต้องจ่าย อย่างไรก็ตาม เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าบริษัทที่ดีย่อมรักษาระดับหนี้ให้ต่ำกว่าระดับส่วนทุนได้เสมอ
7. ย้อนกลับไปดูข้อมูลและตรวจสอบไปถึงภาพลักษณ์และบุคลิกลักษณะของผู้บริหาร จงจำไว้ว่า “ความซื่อสัตย์” เป็นสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดสำหรับการบริหารจัดการ ผู้บริหารที่มีความซื่อตรงจะทำตัวเป็นเสมือนเจ้าของบริษัท เขาจะไม่ใช้จ่ายสินทรัพย์ในส่วนของผู้ถือหุ้นอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่ระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นทุกรายเท่าเทียมกัน
cr. Business Insider/Andy Kiersz
8. บริษัทที่บริหารงานโดยสมาชิกในครอบครัวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่จำเป็นต้องถูกสงสัยไว้ให้มาก นอกจากนั้นผู้บริหารที่มีภูมิหลังอันน่าสงสัย อาจใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนเองในการหาประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้ถือหุ้นส่วนน้อย
9. ผู้บริหารที่ไม่ซื่อสัตย์มักจะมีประวัติที่ไม่ซื่อสัตย์ด้วย ดังนั้นคุณควรจะต้องค้นหาบุคคลที่มีอดีตอันใสสะอาดย้อนหลังไปนานสักหน่อย และถ้าหากการสืบค้นนั้นๆ มีเพียงสักครั้งที่ทำให้คุณเกิดข้อสงสัยในบุคคลคนนั้นขึ้นมา ก็โปรดหนีไปให้ห่างบริษัทที่เขาบริหารงานอยู่จะเป็นการดีที่สุด
2
10. ผู้บริหารที่คุณต้องการไม่ใช่แค่เพียงเป็นคนทำงานหนักและเฉลียวฉลาด แต่เขาจะต้องเป็นผู้บริหารที่มีความซื่อสัตย์ด้วย เพราะถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ จริงใจ “การทำงานหนักและเฉลียวฉลาด อาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลบเกลื่อน" จนทำให้สายตาของคุณไม่สามารถมองเห็นถึงข้อเท็จจริง
1
11. คัดเลือกบริษัทที่มีค่า ROE ไม่แน่นอน หรือมีค่า ROE สูง ที่เกิดจากการกู้ยืมเป็นจำนวนมากออกไป (ROE เกิดจากการนำเอากำไรสุทธิหารด้วยส่วนผู้ถือหุ้นคูณด้วย 100 บางบริษัทกู้เงินมากทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นต่ำ ถ้ากำไรเท่าเดิมหารด้วยตัวหารที่น้อยลง ตัวเลขจะออกมาสูง) หรือบริษัทที่มียอดขายคงที่ และมีแนวโน้มจะตกต่ำก็ควรจะคัดออกไปด้วย คุณจะพบว่าการเลือกหุ้นนั้นหลักใหญ่ๆก็คือ การคัดเลือกของเสียทิ้ง และของดีจะถูกคัดเลือกไปเรื่อยๆ จนพบของที่มี "ตำหนิ" น้อยที่สุด
2
cr. Forbes
12. ท้ายที่สุด เมื่อผ่านการค้นคว้าวิจัยมาบ้างแล้ว คุณก็จะสามารถเลือกหุ้นเพื่อลงทุนได้อย่างชาญฉลาดและอุ่นใจ เพราะรู้ว่าคุณกำลังซื้อหุ้นของบริษัทที่มีการบริหารของกิจการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม อีกทั้งยังมีข้อมูลเบื้องหลังสนับสนุนเพียงพอที่คุณจะรู้ว่าบริษัทจะไปได้อีกไกลในอนาคต
1
13. สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของ "ราคา" คุณควรจะชื่นใจเมื่อเห็นค่า P/E น้อยกว่า 4 เท่า เพราะนั่นคือรางวัลจากความพยายามของคุณ เนื่องจากหุ้นเหล่านั้นจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 25% ของราคาหุ้นต่อปี (100 หาร 4)
1
14. นอกจากนั้นคุณจะยังได้รับโบนัสก้อนใหญ่อีกก้อนหนึ่ง คุณจะพบว่าบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่จะจ่ายกำไรก้อนโตออกมาประมาณครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นเงินปันผล ซึ่งก็คือการให้ผลตอบแทน 8-15% ต่อปี หากบริษัทจะกระทำเหมือนในปีที่ผ่านๆมา เมื่อเลือกบริษัทดี เงินปันผลก็คือโบนัสที่ดี
1
cr. Yahoo Finance
15. เป็นการดีที่คุณจะเลือกหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำๆ แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับบริษัทที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง ถ้าหากคุณพิจารณาแล้วว่ามีลู่ทางที่เหนือกว่า ไม่ว่าคุณจะซื้ออะไรก็ตาม บางครั้งมันก็คุ้มค่าถ้าจะจ่ายมากกว่าเพื่อคุณภาพ หากเป็นหุ้นที่เติบโตสูงก็อาจยอมจ่ายที่ P/E สูงขึ้น เพื่อคุณภาพมากกว่าราคา
16. เมื่อเดินทางมาถึงตอนสุดท้ายของขบวนการคัดเลือกและคัดออก คุณคงกำลังนั่งดูหุ้นอยู่สัก 10 - 25 บริษัท ทฤษฎีการวิเคราะห์หลักทรัพย์ชี้ว่า พอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) ที่ดีควรจะประกอบด้วยหุ้นประมาณ 7-8 บริษัท เพราะการวิเคราะห์ทางสถิติแสดงให้เห็นแล้วว่าประโยชน์ของการกระจายการลงทุนจะลดน้อยลงไปเมื่อเกินจุดๆนี้ การมีพอร์ตโฟลิโอที่กระชับ จะช่วยให้คุณติดตามการดำเนินงานของบริษัทของคุณได้ง่ายขึ้น การกระจายหุ้นมากเกินความจำเป็นนั้นเป็นปฏิกิริยาของนักลงทุนที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในตัวเอง ซึ่งความรู้สึกไม่มั่นใจนั้นสามารถบรรเทาได้ด้วยการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทของตนอย่างสม่ำเสมอ
17. จงรักษามุมมองทางธุรกิจไว้ในฐานะนักลงทุนระยะยาว คำถามสำคัญที่สุดซึ่งคุณควรจะถามตัวเองก็คือ บริษัทสามารถนำกำไรสะสม (retained earning) มาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้หรือไม่ การผูกมัดเงินทุนของคุณไว้กับบริษัทที่ไม่มีทั้งโอกาสและศักยภาพในการบริหารกำไรสะสม มีแต่จะทำให้เรือของคุณจอดนิ่งอยู่กลางน้ำ อย่างไรก็ดี จงเลือกบริษัทที่สามารถทบต้น (compound) ผลกำไรได้ แล้วการลงทุนของคุณจะเจริญรุ่งเรืองเป็นเท่าทวีคูณ สิ่งสำคัญที่สุดคือมุมมองนักลงทุนระยะยาว และสิ่งมหัศจรรย์ของผลตอบแทนทบต้น!!
1
จบไปแล้วกับ 17 ข้อคิดการลงทุนในหุ้นของ วอเร็น บัฟเฟตต์ เราอาจจะสรุปสั้นๆในสิ่งที่บัฟเฟตต์ให้ความสำคัญมากๆต่อการลงทุนครั้งใดครั้งหนึ่งนั่นก็คือ ผลตอบแทนต่อเงินลงทุนของบริษัท, ราคาถูก (แต่จะยอมจ่ายแพงขึ้นถ้าหากบริษัทมีการเติบโตสูง), รายได้และกำไรสุทธิเติบโตสม่ำเสมอ, หนี้น้อย, ผู้บริหารมีความสามารถและซื่อสัตย์, เงินปันผล, การบริหารจัดการพอร์ต และสิ่งสำคัญที่สุดคือความมหัศจรรย์ของผลตอบแทนทบต้น (Compound Interest)
หากผู้อ่านท่านใดสนใจศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับ วอเร็น บัฟเฟตต์ เพิ่มเติม ผมก็มีหนังสือมาแนะนำ 2 เล่มด้วยกัน นั่นคือ "เปิดปมชีวิตสู่วิธีคิดแบบ วอเร็น บัฟเฟตต์" (The Snow Ball) ทั้งเล่ม 1 และเล่ม 2 ครับ เขียนโดย อลิซ ชโรเดอร์ (Alice Schroeder) แปลโดย นรา สุภัคโรจน์ หนังสือที่เขียนเกี่ยวกับตัวบัฟเฟตต์นั้นมีมากมายเป็นร้อยเล่ม ซึ่งถูกเขียนโดยคนอื่น บัฟเฟตต์ไม่เคยออกหนังสือที่เขียนด้วยตนเองเลย หนังสือ "The Snow Ball" นั้นถูกคัดกรองโดยนักลงทุนวีไอทั่วโลกแล้วว่าดีที่สุดหากคุณคิดจะซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับบัฟเฟตต์มาศึกษาเรียนรู้สักเล่มอย่างคุ้มค่า ก็ต้องสองเล่มนี้ล่ะครับ
2
cr. สำนักพิมพ์วีเลิร์น
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะครับ "เหล่านักลงทุนวีไอมือใหม่ทุกท่าน" ขอให้มีความสุขกับการลงทุนอย่างมีหลักการครับ ;)
อ้างอิง
businessinsider.com
Here’s how badly Warren Buffett has beaten the market
Berkshire Hathaway’s stock price increased by a mind-blowing 1,000,000% between December 1964 and December 2015.
forbes.com
Warren Buffett
Known as the Oracle of Omaha, Warren Buffett is one of the most successful investors of all time. Buffett runs Berkshire Hathaway, which owns more than 60 companies, including insurer Geico, battery maker Duracell and restaurant chain Dairy Queen.
finnomena.com
วอร์เรน บัฟเฟต และประวัติชีวิตโดยสังเขป - FINNOMENA
เคยรู้หรือไม่ว่า ...แม้ว่าเขาจะเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะประมาณหนึ่ง แต่เขาก็ปฎิเสธจะรับมรดก และเลือกที่จะสร้างความมั่งคั่งของเขาทั้งหมดด้วยมือของเขาเอง มาอ่านประวัติชีวิตโดยสังเขปกันได้เลยครับ
54 บันทึก
34
13
48
54
34
13
48
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย