28 ม.ค. 2021 เวลา 04:51 • หนังสือ
#41 เล่ม 1 บทที่ 10, 11 หน้า 239 ~ 250
N : ผมรักพระองค์จัง ...รู้รึเปล่าครับ?
G : ฉันรู้ ...ฉันเองก็รักเธอ
〰️〰️〰️
N : ผมอยากกลับไปตรงรายการคำถามที่เขียนไว้น่ะครับ มีรายละเอียดอีกมากที่ผมอยากทำความเข้าใจในแต่ละหัวข้อ ผมรู้ว่าแค่เรื่องความสัมพันธ์อย่างเดียว เรามาคุยกันให้ยาวเป็นหนังสือทั้งเล่มยังได้เลย แต่ผมก็จะไม่ได้ถามคำถามอื่นๆที่ยังมีอยู่อีก
G : ยังมีเวลาอื่น ที่อื่น หรือแม้แต่หนังสือเล่มอื่นอีก ฉันอยู่กับเธอแล้วไปกันต่อเถอะ แล้วค่อยกลับมาจุดนี้อีกทีก็ได้ถ้ามีเวลา
N : ตกลงครับ คำถามต่อไปของผมก็คือ ทำไมดูเหมือนชีวิตผมถึงมีเงินไม่พอใช้ตลอดเลย? ผมถูกกำหนดให้ต้องจำกัดจำเขี่ยอย่างนี้ไปตลอดเลยหรือไง? อะไรที่กีดกั้นไม่ให้ผมเข้าถึงศักยภาพทางการเงินของตัวเอง?
1
G : เธอไม่ได้เจอสภาวะนี้อยู่คนเดียวหรอก คนมากมายก็เป็นเหมือนเธอนั่นล่ะ
N : ทุกคนบอกผมว่ามันเป็นปัญหาเรื่องคุณค่าในตัวเอง การรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า อาจารย์แนวนิวเอจเป็นโหลบอกว่าการขาดแคลนสิ่งใดๆสามารถสืบสาวไปได้ถึงการขาดความรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า
G : นั่นเป็นการพูดให้เข้าใจง่ายๆหรอก ในกรณีนี้ครูของเธอเป็นฝ่ายผิด เธอไม่ได้เป็นอย่างนี้เพราะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ที่จริงแล้วสิ่งท้าทายที่สุดในชีวิตเธอคือ "การควบคุมอัตตาต่างหาก" ซึ่งบางคนอาจเรียกว่า “ความรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากเกินไป”
1
N : อีกครั้งที่ผมรู้สึกแย่ อับอาย และกระอักกระอ่วนชะมัด แต่พระองค์ก็พูดถูก
G : เธอคอยแต่พูดว่ารู้สึกแย่และอับอายทุกครั้งที่ฉันเพียงแค่บอกความจริงของตัวเธอ
 
ความกระอักกระอ่วนอับอายคือปฏิกิริยาปกป้องอัตตาของคนที่คิดว่าคนอื่นจะมองตัวเองอย่างไร
1
เชื้อเชิญตัวเองให้ข้ามผ่านจุดนี้ซะ พยายามตอบสนองแบบใหม่ดู ลองขำแทนสิ
N : ตกลงครับ
G : คุณค่าในตัวเองไม่ใช่ปัญหาของเธอหรอก ในแง่นี้เธอมีเยอะ คนส่วนใหญ่ก็เหมือนกัน พวกเธอชอบคิดถึงตัวเองในแง่ดีอยู่แล้ว 🔹ซึ่งก็ควรแล้วที่ทำอย่างนั้น🔹
ดังนั้นสำหรับคนส่วนใหญ่ "ความรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองจึงไม่ใช่ปัญหา"
N : ถ้างั้นคืออะไรล่ะครับ?
G : ปัญหาคือขาดความเข้าใจถึง "หลักการของความมั่งมี" ซึ่งมักมาพร้อมกับการ`ตัดสินผิดๆ`ว่าสิ่งไหน "ดี" สิ่งไหน "ชั่ว"
ฉันจะยกตัวอย่างให้เธอดู
N : ได้โปรด
G : เธอมีความคิดว่า "เงินคือสิ่งชั่วร้าย" ขณะเดียวกันก็มีความคิดว่า "พระเจ้าคือสิ่งดี" พระเจ้าอวยพร! (Oh my god!) ดังนั้นระบบคิดของเธอก็คือ 🔸พระเจ้ากับเงินอยู่ด้วยกันไม่ได้🔸
1
N : เอ่อ... มันก็จริงนะ ผมคิดแบบนั้นแหละ
1
G : นี่ทำให้เกิดสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะทำให้ยากสำหรับเธอที่จะ "ได้เงินจากการทำสิ่งดีๆ"
1
หมายความว่าถ้าเธอตัดสินว่าอะไรบางอย่าง "ดี" มากๆล่ะก็ เธอจะให้ค่าเป็นตัวเงิน`น้อย` เพราะฉะนั้นยิ่งสิ่งใด "ดีขึ้น" เท่าไหร่ (มีคุณค่ามากขึ้น) มันก็ยิ่งมีค่าเป็นเงิน`น้อยลง`
เธอไม่ได้เป็นอย่างนี้คนเดียวหรอก สังคมทั้งหมดของเธอก็เชื่อแบบนี้ ครูของพวกเธอจึงได้ค่าจ้างเป็นเศษเงิน ขณะที่นางแบบเปลื้องผ้าได้เงินเป็นถุงเป็นถัง
1
ผู้นำของพวกเธอได้เงินน้อยมากเมื่อเทียบกับพวกนักกีฬาดังๆจนรู้สึกว่าต้องขโมยเพื่อจะสร้างความแตกต่างได้
1
พระและนักบวชต้องใช้ชีวิตด้วยขนมปังกับน้ำเปล่า ขณะที่พวกเธอ`ขว้างเงิน`ให้เหล่าดารานักร้องไม่อั้น
1
ลองคิดดูสิอะไรที่เธอเห็นว่า "มีคุณค่าภายในสูง" เธอยืนยันว่าจะต้อง "มีราคาถูก"
1
นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานวิจัยโดยลำพังเพื่อหาวิธีรักษาโรคเอดส์ต้องอ้อนวอนขอรับเงินบริจาค ขณะที่ผู้หญิงซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับร้อยแปดวิธีมีเซ็กซ์และทำเทปขายพร้อมจัดสัมมนาสุดสัปดาห์เพื่อสอนเรื่องนี้ต่างร่ำรวยเป็นเศรษฐี
1
การทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดนี้คือ ลักษณะของตัวเธอ ซึ่งเกิดจาก "ความคิดผิดๆ" ความคิดผิดๆที่ว่าก็คือ "ความคิดที่เธอมีต่อเรื่องเงินทอง"
เธอรักเงินแต่ก็บอกว่าเงินคือ "รากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งมวล"
1
เธอบูชาเงินแต่กลับเรียกมันว่า "เงินโสมม"
เธอเรียกบางคนว่าพวก "รวยอย่างน่าเกลียด" และถ้ามีใครซักคนเกิดรวยขึ้นมาจากการทำ "สิ่งดีๆ" ละก็ เธอจะตั้งข้อสงสัยขึ้นมาทันที
1
เธอทำให้เป็นเรื่อง "ผิด" ไป
1
ดังนั้น แพทย์ไม่ควรทำเงินได้มากเกินไป หรือไม่ก็ควรเรียนรู้ที่จะระวังเรื่องนี้ให้ดี และ`นักบวช` โว้ววววว! พวกนางยิ่งไม่ควรจะหาเงินได้มากๆ (สมมติว่าเธอยอมให้ผู้หญิงบวชได้นะ) ไม่อย่างนั้นต้องมีปัญหาแน่
เธอเห็นไหมว่าในความคิดเธอน่ะ ✴️ใครที่เลือกติดตามเสียงเรียกสูงส่งที่สุดคนนั้นควรได้รับค่าจ้างต่ำสุด✴️
N : อืม...
G : ใช่ "อืม" น่ะถูกต้องแล้ว เธอควรขบคิดเรื่องนี้นะ เพราะมันเป็นความคิดที่ผิดจริงๆ
N : ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ผิดหรือถูกซะอีก?
G : ก็ไม่มีไง
✴️มีแค่สิ่งที่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ต่อเธอเท่านั้นแหละ✴️
2
คำว่า "ถูก" กับ "ผิด" เป็นคำสัมพัทธ์ ฉันใช้ในเชิงนั้นตลอดเมื่อจะใช้คำนี้ ในกรณีนี้เมื่อเปรียบกับว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเธอ เปรียบกับสิ่งที่เธอบอกว่า "ต้องการ" พูดได้ว่าความคิดเรื่องเงินทองของเธอเป็นความคิดที่ผิดพลาด
จำไว้ว่า🔸ความคิดมีพลังสร้างสรรค์ในตัวเอง🔸
2
ดังนั้นถ้าเธอคิดว่า เงินเป็นสิ่งไม่ดีแต่คิดว่าตัวเองดี เธอก็จะเห็น`ความขัดแย้ง`ตรงนี้
ทีนี้ โดยเฉพาะเธอ เธอได้แสดงออกถึงจิตสำนึกแบบนี้มากเป็นพิเศษ สำหรับคนส่วนใหญ่ความขัดแย้งนี้ไม่ได้มากเท่าเธอ พวกเขายอมทำสิ่งที่เกลียดเพื่อยังชีพ ก็เลยไม่รังเกียจอะไรที่จะทำเงินจากมัน พูดง่ายๆก็คือ ทำสิ่ง "ไม่ดี" เพื่อจะได้สิ่ง "ไม่ดี" ตอบแทน แต่เธอรักสิ่งที่เธอทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เธอเทิดทูนกิจกรรมที่เธอกระโจนใส่
1
ดังนั้นสำหรับเธอและใน`ระบบคิด`ของเธอแล้ว การได้เงินก้อนใหญ่จากสิ่งที่ทำ จึงเป็นการรับสิ่ง "ไม่ดี" จากการ "ทำดี" ซึ่งเธอรับไม่ได้ เธอยอมอดตายดีกว่ารับ "เงินโสมม" จากการกระทำอันบริสุทธิ์ใจ ...อย่างกับว่าการกระทำนั้นจะเสียความบริสุทธิ์ไปหากเธอได้เงินจากมันงั้นแหละ
2
ที่นี้เลยเกิดความลักลั่นในเรื่องเงินขึ้นมาจริงๆ 🔸เพราะส่วนหนึ่งของเธอปฏิเสธเงินอีกส่วนก็ขุ่นเคืองที่ไม่มี🔸
จักรวาลเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี เพราะได้รับทั้งสองความคิดที่ "แตกต่างสุดขั้ว" จากเธอ ชีวิตทางการเงินของเธอจึงยื้อยุดไม่ไปไหนอยู่อย่างนี้แหละ เพราะตัวเธอยื้อยุดในเรื่องเงินนั่นเอง
1
🌟เธอไม่มีความคิดรวมศูนย์ที่ชัดเจน เธอยังไม่มั่นใจจริงๆเลยว่าอะไรจริงแท้สำหรับเธอ และจักรวาลก็เป็นเพียงเครื่องถ่ายเอกสารขนาดใหญ่ ซึ่งก็เพียงแค่ถ่ายสำเนาความคิดของเธอออกมาเท่านั้นเอง🌟
1
มีทางเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ได้นั่นคือ เธอต้องเปลี่ยน "ความคิดที่มีต่อเงิน" เสียใหม่
1
N : ผมจะเปลี่ยนวิธีคิดได้ยังไง? วิธีที่ผมคิดเกี่ยวกับสิ่งใดก็คือวิธีที่ผมคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้น ความคิดของผม ทัศนคติของผม มโนคติต่างๆไม่ได้สร้างขึ้นภายในหนึ่งนาทีนะครับ ต้องขอเดาว่ามันเป็นผลจากประสบการณ์นานปี ใช้เวลาทั้งชีวิตหล่อหลอมขึ้นมา พระองค์พูดถูกเรื่องวิธีที่ผมคิดเกี่ยวกับเงินทอง แต่ว่าผมจะเปลี่ยนมันยังไงล่ะครับ?
1
G : นี่เป็น ★คำถามสำคัญสุด★ ของหนังสือเล่มนี้ได้เลยนะ
1
วิธีสร้างสรรค์ตามปรกติของคนส่วนใหญ่คือ กระบวนการ 3 ขั้นซึ่งก็คือ "ความคิด ถ้อยคำ และการกระทำ"
1️⃣ สิ่งที่มาเป็นอันดับแรกคือความคิด มโนคติตั้งต้น แนวคิดแรกเริ่ม
2️⃣ ต่อมาคือถ้อยคำ ความคิดส่วนใหญ่จะผันตัวเองเป็นถ้อยคำในที่สุด ซึ่งมักจะออกมาเป็นคำพูดหรือการเขียน นี่คือการ "เพิ่มพลังให้ความคิด" ด้วยการผลักออกสู่โลกให้เป็นที่สังเกตรับรู้จากผู้อื่น
3️⃣ สุดท้ายในบางกรณี ถ้อยคำจะกลายเป็นการกระทำ แล้วเธอก็จะได้สิ่งที่เรียกว่าผลลัพท์ปรากฎขึ้นในโลกกายภาพของสิ่งที่ 🔸เริ่มต้นจากความคิด🔸
✴️ทุกสิ่งในโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นจะปรากฏเป็นรูปเป็นร่างด้วยวิธีนี้✴️ หรืออาจด้วยรายละเอียดที่ต่างกันไป โดยอาศัยการสร้างสรรค์จากทั้ง 3 ระดับ
แต่ว่าตอนนี้ปัญหาก็คือ🔹จะเปลี่ยน "ความคิดสนับสนุน" ได้อย่างไร?🔹
1
ใช่ เป็นคำถามที่ดีมากและก็เป็นคำถามสำคัญด้วย เพราะหากมนุษย์ไม่ยอมเปลี่ยน "ความคิดสนับสนุน" (ความคิดรากฐาน) บางอย่างของตนละก็ มนุษยชาติจะทำลายตนเองจนสูญพันธุ์ได้
1
วิธีที่ `เร็วที่สุด` ในการถอนรากความคิด (ความคิดสนับสนุน) คือ ให้ "กลับกระบวนการ" ความคิด-ถ้อยคำ-การกระทำ
N : ช่วยอธิบายหน่อยสิครับ
G : 🔆จงทำสิ่งที่สอดคล้องกับความคิดใหม่ที่เธอต้องการมี
🔆จากนั้นให้พูดถ้อยคำที่สอดคล้องกับความคิดใหม่ที่เธอต้องการมี
🔆ถ้าทำอย่างนี้มากพอ เธอจะฝึกจิตใจให้คิดแบบใหม่ได้
1
N : ฝึกฝนจิตหรือครับ? มันไม่ใช่การควบคุมจิตใจหรือนี่? ไม่ใช่การครอบงำจิตใจหรือครับแบบนี้?
G : แล้วเธอรู้หรือเปล่าล่ะว่าใจของเธอไปได้ความคิดที่มีอยู่`ตอนนี้`มาอย่างไร?
 
เธอไม่รู้หรือว่าโลกได้ครอบงำจิตใจเธอให้คิดอย่างที่เธอคิดอยู่นี่แหละ?
ไม่ดีกว่าหรือถ้าเธอจะครอบงำจิตใจตัวเองแทนที่จะปล่อยให้โลกเป็นคนทำน่ะ?
ไม่ดีกว่าหรือถ้าจะมีความคิดแบบที่เธอต้องการจริงๆ แทนที่จะเป็นความคิดของคนอื่น?
1
ไม่ดีกว่าหรือถ้าเธอจะพร้อมสรรพด้วยความคิดสร้างสรรค์เชิงรุก แทนที่จะเป็นปฏิกิริยาเชิงรับ
2
ทว่าจิตใจเธอเต็มไปด้วยความคิดเชิงรับ ซึ่งได้มาจากประสบการณ์ของคนอื่นอีกที น้อยเหลือเกินที่ความคิดเธอจะมาจากข้อมูลที่ประมวลขึ้นเอง และน้อยกว่านั้นอีกที่จะมาจาก "ความชอบของเธอเอง"
1
ความคิดรากฐานเรื่องเงินทองเป็นตัวอย่างที่ชัดที่สุด ความคิดที่เธอมีต่อเงิน (ว่าเป็นสิ่งไม่ดี) ไปกันคนละทางกับประสบการณ์ของเธอเลย (การมีเงินช่างวิเศษจริงๆ!)
เธอจึงต้องวิ่งพล่านและโกหกตัวเองเรื่องประสบการณ์ของเธอเพื่อจะคงความชอบธรรมให้ความคิดรากฐานนั้นต่อไป*
*เคยสังเกตตัวเองมั๊ยครับว่า ความคิดที่เรารับมันมาก่อน (และเรายึดมันเอาไว้) พอเราได้รับรู้แนวความคิดใหม่ที่ขัดแย้งหรือไม่สอดคล้องกับแนวคิดเดิมของเรา เรามักจะปฏิเสธมันทันที เพราะเราเชื่อว่าแนวคิดเดิมของเรานั้นถูกต้องกว่า ใช่กว่าแนวคิดใหม่ ก็กว่าเราจะเชื่อแบบนั้น (แบบเดิม) เราก็ปลูกฝังหรือตอกย้ำความเชื่อเดิมของเรามานานหลายปีแล้ว อยู่ๆจะให้ทิ้งของเดิมมารับของใหม่ (บางทีแค่จะเปิดกว้างยอมรับฟังยังไม่ยอม) จิตเรามันรับไม่ได้ และไม่ยอมรับหรือปฏิเสธแนวคิดใหม่เป็นอัติโนมัติโดยทันทีอีกด้วย ซึ่งตรงนี้ต้องฝึกฝนจนสังเกตเห็นทุกความคิดที่เกิดขึ้นให้ได้ จึงจะแยกแยะและเห็นกระบวนการทำงานของจิตตรงนี้ได้
—แอดมิน—
ความคิดนี้`ฝังรากลึก`ในตัวเธอ ไม่เคยเลยที่เธอจะเฉลียวใจว่าความคิดที่เธอมีต่อเรื่องเงิน "อาจไม่ถูกต้องก็ได้"
ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำตอนนี้ก็คือ นำข้อมูลที่ประมวลขึ้นเองมาใช้* นั่นคือวิธีที่เราจะ "แก้ไขความคิดรากฐาน" และ "ทำให้เป็นของเธอเองไม่ใช่ของคนอื่น"
1
*ข้อมูลที่ประมวลขึ้นเองตรงนี้ก็คือ ความรู้สึกว่า "การมีเงินมันช่างวิเศษจริงๆ!" เรารู้สึกแบบนี้หรือเปล่า? ถ้าใช่ก็จงรวบรวบความคิดจดจ่อเข้าไปที่ความรู้สึกว่ามีเงินแล้วรู้สึกดีนี้ เมื่อมีความคิดอื่นที่ขัดแย้งกับความรู้สึกนี้ หรือเกิดคำพูดที่ขัดแย้งกับความรู้สึกนี้ขึ้น (เช่น เฮ้ออ ลำบากจังไม่มีเงินเลย เป็นต้น) ให้รู้ว่าคิดหรือพูดผิดพลาดไปแล้ว ให้เปลี่ยนความคิดและคำพูดใหม่ทันที (ต้องฝึกการสังเกตให้ดี) ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเป็นระยะเวลานานพอ ประการณ์เกี่ยวกับเงินทองในชีวิตของเราก็จะเปลี่ยนไปจริงๆตามสิ่งที่เราคิดและพูดเกี่ยวกับมันอยู่บ่อยๆ —แอดมิน—
1
แต่ว่าเธอยังมีความคิดรากฐานเรื่องเงินทองอีกเรื่องที่ฉันยังไม่ได้พูดถึง
N : เรื่องอะไรครับ?
G : ความคิดที่ว่า ✴️สิ่งต่างๆมีไม่พอ✴️
ที่จริงความคิดนี้ของเธอหยั่งรากลงไปในทุกเรื่อง `เงินไม่พอ `เวลาไม่พอ `ความรักไม่พอ `อาหารไม่พอ `น้ำไม่พอ `ความเมตตาในโลกไม่พอ
✴️อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งดีสิ่งนั้นไม่เคยมีพอ
จิตสำนึกที่ครอบงำมนุษยชาติเรื่อง "ความไม่พอ" นี้เองได้สร้างโลกใบที่เธอเห็นอยู่นี้ขึ้นมา (และก็สร้างซ้ำแล้วซ้ำอีก)
1
N : โอเค เป็นว่าผมมีความคิดหยั่งรากซึ่งเป็นความคิดสนับสนุนในเรื่องเงินอยู่สองอันที่ต้องเปลี่ยน
1
G : โอ อย่างน้อยสอง อาจมากกว่านั้นอีกมากนะ
 
ลองมาดูกัน "เงินคือสิ่งชั่วร้าย" "เงินทองเป็นของหายาก" "เราต้องไม่รับเงินจากการทำงานเพื่อพระเจ้า" (นี่เป็นข้อใหญ่ของเธอเลยล่ะ) "เงินไม่เคยได้มาฟรีๆ" "เงินทองไม่ได้งอกมาจากต้นไม้" (ซึ่งความจริงแล้วใช่) "เงินทำให้ขี้ฉ้อ"
N : ผมมีงานต้องทำเยอะแยะเลย
G : ถูกแล้ว ถ้าเธอไม่พอใจสถานการณ์การเงินในปัจจุบันของตัวเองนะ แต่ก็สำคัญที่ต้องเข้าใจว่า เธอ "ไม่มีความสุข" กับสถานการณ์การเงินในปัจจุบันก็เพราะ 🔸เธอไม่มีความสุขกับมัน🔸
N : แหม บางทีก็ตามพระองค์ยากเหลือเกิน
G : บางทีก็นำเธอยากเหลือเกิน
1
N : นี่นะ พูดก็พูดเถอะ ในที่นี้พระองค์เป็นพระเจ้าไม่ใช่เหรอ ก็แล้วทำไมไม่ทำอะไรให้มันเข้าใจได้ง่ายๆหน่อยเล่า?
G : ฉันทำให้เข้าใจง่ายแล้วนะ
N : ถ้างั้นทำไมพระองค์ถึงไม่ทำให้ผมเข้าใจได้ง่ายๆล่ะ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่`พระองค์ต้องการจริงๆ`แล้วล่ะก็?
G : ✴️ฉันต้องการสิ่งเดียวกับที่เธอต้องการ ไม่มีอะไรแตกต่างหรือมากกว่านี้หรอก✴️
เธอไม่เห็นหรือว่านั่นเป็นของขวัญยิ่งใหญ่จากฉันน่ะ ถ้าฉันอยากให้เธอเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ที่เธอไม่ต้องการ และถึงขั้นทำให้เธอต้องเป็นแบบนั้นให้ได้ 🔸แล้วเจตจำนงเสรีของเธอจะอยู่ตรงไหน?🔸
เธอจะเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งการสร้างสรรค์ได้อย่างไรถ้าฉันคอยแต่`บงการ`สิ่งที่เธอจะเป็น จะทำ และจะมี?
ความสุขของฉันอยู่ใน "อิสระภาพของเธอ" ไม่ใช่ในการยอมตาม
1
...
N : ก็ได้ครับ แล้วพระองค์หมายความว่ายังไงที่บอกว่า "ผมไม่มีความสุขกับสถานการณ์การเงินในปัจจุบันของตัวเองเพราะผมไม่มีความสุขกับมัน?"
G : ✴️เธอจะเป็นในสิ่งที่เธอคิดว่าเธอเป็น และมันจะเป็นวังวนอันชั่วร้ายถ้าความคิดของเธอเป็นไปในแง่ลบ เธอต้องหาทางออกจากวังวนนั้น✴️
1
ประสบการณ์มากมายของเธอตอนนี้ตั้งอยู่บนความคิดที่เธอ `มีอยู่ก่อนหน้า` "ความคิดจะนำไปสู่ประสบการณ์ ซึ่งจะนำไปสู่ความคิดอีกทีหนึ่ง แล้วก็นำไปสู่ประสบการณ์อีก"
นี่จะนำ "ความสุขต่อเนื่อง" มาให้ 🔹ถ้าความคิดสนับสนุนเป็นไปในด้านบวก🔹
1
แต่ก็อาจสร้าง "นรกชั่วกาลนาน" ขึ้นได้ด้วย🔹หากความคิดสนับสนุนเป็นไปในเชิงลบ🔹
วิธีแก้มีนิดเดียวคือ 🔸เปลี่ยนความคิดสนับสนุนเสีย🔸 ซึ่งฉันกำลังจะสาธิตให้ดูว่าทำอย่างไร
1
N : เอาเลยครับ
G : ขอบใจนะ
อันดับแรกเธอต้อง `ย้อนกระบวนการ` ความคิด-ถ้อยคำ-การกระทำ เสียก่อน เธอยังจำคติพจน์เก่าแก่ที่ว่า "จงคิดก่อนทำ" ได้หรือเปล่า?
N : จำได้ครับ
G : ดี...ลืมมันซะ
1
ถ้าอยากจะแก้ความคิดรากฐาน (ความคิดสนับสนุน) เสียใหม่
✴️เธอต้องทำก่อนคิด✴️
3
ยกตัวอย่างนะ สมมติว่าเธอกำลังเดินไปตามถนนผ่านหญิงชราที่กำลังร้องขอเศษเงินอยู่ เธอรู้ว่าหญิงคนนี้เป็นคนเร่ร่อนและมีชีวิตไปวันๆ เธอรู้ทันทีว่าไม่ว่าเงินที่ตัวเองมีอยู่จะน้อยแค่ไหนก็พอจะแบ่งให้หญิงชราคนนั้นได้
★แรงกระตุ้นแรกของเธอ★ คือให้เงินไปบ้าง ส่วนหนึ่งในตัวเธอถึงขั้นพร้อมจะหยิบเงินที่พับอยู่ในกระเป๋าให้ไป อาจจะหนึ่งหรือว่าห้าเหรียญ ให้ตายเถอะให้มันเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ของผู้หญิงคนนั้นหน่อยปะไรเล่า ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้างเถอะน่า
แล้วความคิดก็เข้ามา "ว่าไงนะ บ้าหรือเปล่า? เรามีแค่เจ็ดเหรียญไว้ใช้ให้พอตลอดทั้งวันนา! นายจะให้หล่อนตั้งห้าเหรียญเชียวเราะ!" เธอเลยเริ่มละล้าละลังขึ้นมา
ทีนี้เธอก็คิดอีกว่า "เฮ้ๆ นายไม่ได้มีเงินมากพอจะให้ไปเฉยๆอย่างงั้นนะ! แค่หยิบเหรียญอะไรก็ได้สองสามเหรียญให้ๆไป ให้ตายเหอะ แล้วเราก็ไปให้พ้นๆจากตรงนี้ซะที"
เธอก็เลยล้วงกระเป๋าอีกข้างควานหาเงินแต่กลับพบแค่เศษเหรียญ เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจบอกไม่ถูก ดูสิ เธอใส่เสื้อผ้าดีๆ มีอาหารกินอิ่มท้อง แต่กลับจะให้เงินหญิงชราที่ไม่มีอะไรเลยเพียงเศษเหรียญแค่นั้นหรือ
เธอพยายามจะหาเหรียญ 25 เซ็นต์สักหนึ่งเหรียญสองเหรียญอย่างไร้ผล โอ นี่ไง เจอแล้วเหรียญหนึ่งอยู่ตรงก้นกระเป๋า แต่เวลานี้เธอเดินเลยมาแล้วด้วยรอยยิ้มจืดเจื่อน สายเกินกว่าจะหันกลับ
 
หญิงชราไม่ได้อะไรเลยและเธอก็ไม่ได้อะไรด้วย แทนที่จะ "ได้เบิกบานจากการรู้ถึงความมั่งมีและการแบ่งปันของตน" ตอนนี้เธอกลับ "รู้สึกยากจนพอๆกับหญิงชราคนนั้น"
1
ทำไมถึงไม่เพียงแค่ควักธนบัตรยื่นให้ไปตั้งแต่แรกล่ะ! เพราะนั่นคือ ★แรงกระตุ้นแรกของเธอ★ แต่ "ความคิดที่ตามมา" กลับเข้ามาขวางทาง
1
ครั้งต่อไป 🔸จงตัดสินใจว่าจะทำก่อนคิด🔸 ให้เงินไปเลย ทำไปเลย เธอมีเงินอยู่แล้วและยังมีทางหาได้มากกว่านี้อีก
3
นั่นคือ `ความคิดเดียว` ที่แยกเธอออกจากผู้หญิงคนนั้น เธอ`รู้ชัด`ว่ามีทางหาได้มากกว่านี้อีก แต่หญิงคนนั้นไม่รู้
2
"เมื่อต้องการเปลี่ยนความคิดรากฐาน" ✴️จงทำสิ่งต่างๆให้สอดคล้องกับความคิดใหม่ที่เธอต้องการจะมี✴️ แต่ต้องทำให้เร็วนะ ไม่อย่างนั้นใจเธอจะฆ่าแนวคิดใหม่ๆที่ผุดขึ้นมาทิ้งก่อนที่เธอจะรู้ตัวเสียอีก
2
ฉันหมายความอย่างนั้นจริงๆนะ แนวคิดหรือสัจจะใหม่ๆจะตายอยู่ในตัวเธอก่อนที่เธอจะมีโอกาสได้รู้เสียอีก
2
ดังนั้น "จงทำทันทีเมื่อโอกาสปรากฏขึ้น" แล้วถ้าทำอย่างนั้นมากพอ ใจของเธอก็จะ `รับมโนคตินั้นไว้` และจะ `กลายเป็นความคิดใหม่` ของเธอไป
3
N : โอ นี่ผมเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว! นี่คือความหมายของคำว่ากระบวนการแนวคิดใหม่ (New thought movement) ใช่มั้ยครับเนี่ย?
1
G : ถ้าไม่ใช่ก็ควรจะใช่ล่ะ "ความคิดใหม่คือโอกาสเดียวของพวกเธอ" คือโอกาสแท้จริงเพียงหนึ่งเดียวสำหรับเธอที่จะวิวัฒน์ เติบโต และ 🔸เป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง🔸
1
ตอนนี้ "ใจเธอมีแต่ความคิดเก่าๆ" ไม่ใช่แค่เก่าอย่างเดียวนะ แต่ยังเป็น "ความคิดเก่าที่รับมาจากคนอื่น" ด้วย
2
เป็นเรื่องสำคัญและก็ได้เวลาแล้วที่เธอจะ ✴️เปลี่ยนความคิดที่มีต่อสิ่งต่างๆเสียใหม่
✴️นี่แหละคือเรื่องของวิวัฒนาการ❗✴️
(จบ)(บทที่ 10,11)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา