คอมโบ้เซ็ตชุดเปิดใจหนังอินเดีย : จัดเต็ม 30 เรื่องแบบไม่กั๊ก ตอนที่ 2 : เรื่องที่ 11 - 15
ก่อนที่จะแนะนำหนัง ผมขอกล่าวถึงข้อดีของหนังอินเดียเพื่อเปิดใจท่านที่อาจจะเคยมีอคติกับหนังอินเดียก่อน
เหตุผลที่คุณควรเปิดใจให้กับหนังอินเดีย เพราะ
1. วัฒนธรรมของอินเดียกับเรามีความใกล้เคียงกัน ทำให้ดูแล้วอินกว่า
.
2. หนังหลายเรื่องพูดถึงปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำได้อย่างคมคาย เพราะประเทศเขามีระบบชนชั้นวรรณะที่ยังมีอยู่และพบเห็นได้ทั่วไป
.
3. หนังหลายเรื่องแฝงปรัชญาการดำเนินชีวิต กระทุ้งปัญหาให้เห็นปัญญา ยอมรับเลยว่าคนอินเดียเป็นนักคิดจริงๆ
.
4. โรแมนติคคอมมาดี้ของอินเดียก็ฟินไม่แพ้เกาหลีเลยนะ
.
5. ดูบ่อยๆจะชอบสไตล์ของหนัง มีการใช้เพลงเพื่อเบรคอารมณ์คนดู เพลงอินเดียจังหวะสนุกและเติมเต็มให้ผู้ชมอิ่มไปกับหนัง ซึ่งเพลงที่ใส่มาก็มีจังหวะที่เหมาะสมไม่ได้ใส่พร่ำเพรื่อ
.
6. หนังอินเดียมีบทที่แข็งแรง มีเส้นเรื่องน่าสนใจ ครบรสหลายอารมณ์
หลังจากได้ทราบข้อดีของหนังอินเดียแล้ว ต่อไปจะเป็น List หนังที่ผมแนะนำโดยในตอนที่ 2 นี้จะมีทั้งหมด 5 เรื่อง (ตอนแรกตั้งใจจะลง 10 เรื่องเหมือนตอนที่ 1 แต่บทความยาวเกินไป เลยขอตัดเหลือ 5 เรื่อง จะได้อ่านง่ายๆ)
11. Dangal (2016)
Dangal สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของ ริตู โฟกาต นักกีฬามวยปล้ำหญิงของอินเดียที่ได้เข้ามาสู่แวดวงมวยปล้ำเพราะได้รับการส่งเสริมจากมหาวี ซิงห์ โฟกาต พ่อของเธอ เขาคืออดีตนักกีฬามวยปล้ำเหรียญทองระดับประเทศที่เกือบจะได้ไปแข่งระดับโลก แต่พ่อแม่ของมหาวี ซิงห์เรียกตัวเขากลับมาแต่งงานเสียก่อน ทำให้มหาวี ซิงห์ต้องละทิ้งเส้นทางแห่งความฝัน เรื่องนี้สร้างปมในใจให้กับมหาวี ซิงห์ อย่างมากเพราะเขารักกีฬามวยปล้ำ
เมื่อไม่สามารถทำตามความฝันได้สำเร็จ เขาจึงมุ่งมั่นที่จะส่งต่อความฝันให้กับลูก แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ? เขาก็ไม่เคยได้ลูกชายเลยสักคน (มีลูกสาว 4 คน)
ในขณะที่กำลังหมดหวัง อยู่ดีๆลูกสาวคนโตและคนรองก็ดันไปมีเรื่องกับเด็กผู้ชายข้างบ้านและพวกเธอก็เอาชนะมาได้ จากเหตุการณ์นี้ทำให้ มหาวี ซิงห์ เห็นแววนักกีฬามวยปล้ำของลูกสาว เขาจึงฝึกฝนลูกๆทั้งสองคนเพื่อปลุกปั้นให้กลายเป็นนักกีฬามวยปล้ำ แม้สังคมอินเดียจะมองว่ามันเป็นกีฬาของลูกผู้ชาย แต่มหาวี ซิงห์ก็ไม่สน เขาฝึกซ้อมและผลักดันให้ลูกทั้งสองได้ลงแข่ง แม้ต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่เป็นผู้ชายก็ไม่หวั่น
บทสรุปของการต่อสู้เพื่อฝันของพ่อจะเป็นอย่างไร ? พวกเธอจะมีความสุขกับสิ่งที่ทำหรือไม่ โปรดติดตามต่อใน Dangal ภาพยนตร์ทรงคุณค่าเจ้าของสถิติหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของบอลลีวู้ด
คะแนน : 10/10
12. Dishyam (2015)
วีเจย์ ซัลกาออนการ์ เป็นเจ้าของบริษัทเคเบิ้ลทีวีรายเล็กแห่งหนึ่ง เขาเป็นคนที่ชอบการดูหนังมาก ดูทั้งวันทั้งคืนแถมเก็บรายละเอียดต่างๆจากหนังได้เป็นอย่างดี
แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ครอบครัวของวีเจย์ต้องไปพัวพันกับคดีฆาตกรรม เมื่อคนร้ายบุกเข้ามาที่บ้านของเขาเพื่อหวังจะขืนใจลูกสาวของวีเจย์ แต่ทั้งภรรยาและลูกของเขาก็ขัดขืนจนพลั้งมือฆ่าคนร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อวีเจย์กลับมาถึงบ้านและทราบว่าเมียกับลูกสาวได้พลังมือฆ่าคนตาย แถมผู้ตายยังเป็นลูกของผู้บัญชาการตำรวจหญิงคนหนึ่งอีกด้วย
วีเจย์เกรงว่าครอบครัวของเขาจะตกอยู่ในอันตรายจึงตัดสินใจซ่อนศพเอาไว้ เขาใช้ความรู้จากหนังที่เคยดูคิดแผนอำพรางศพเพื่อหลีกเลี่ยงการสืบคดี แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะผู้บัญชาการตำรวจซึ่งเป็นแม่ของผู้ตายเป็นตำรวจที่สืบคดีมามากมาย จากประสบการณ์บวกกับหลักฐานบางอย่างทำให้เธอสงสัยครอบครัววีเจย์ เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อค้นหาฆาตกร ขณะเดียวกันวีเจย์ก็ต้องเค้นทุกความรู้ที่ได้จากหนังเพื่อสร้างแผนการที่จะทำให้ครอบครัวของเขารอดพ้นจากคดี สำหรับแฟนหนังสืบสวนที่ชอบตอนจบแบบหักมุมไม่ควรพลาดเรื่องนี้เด็ดขาด
คะแนน : 10/10
13. The White Tiger (2021)
The White Tiger ดัดแปลงมาจากหนังสือขายดีของ อาร์วินด์ อดิกา เรื่องพยัคฆ์ขาวรำพัน (The White Tiger)หนังถ่ายทอดเส้นทางชีวิตสุดพลิกผันของพลราม ฮาลวัย (Balram Halwai) นักธุรกิจหนุ่มผู้ไต่เต้าตนเองจากการเป็นคนขับรถให้กับลูกชายของผู้มีอิทธิพลรายหนึ่ง
แม้จะเป็นเพียงคนขับรถแต่พลรามก็พัฒนาตนเองอยู่เสมอ เขามักจะสังเกตและเรียนรู้สิ่งต่างๆจากมิสเตอร์อโศกเจ้านายผู้ให้ความเมตตา ผู้ซึ่งปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี และมันก็คงจะดีอย่างนี้ตลอดไป ถ้าเขาไม่รู้ว่าเจ้านายใช้เงินติดสินบนนักการเมืองเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ไม่ได้เห็นชีวิตฟุ้งเฟ้อของพวกเขา และไม่ต้องมารับผิดชอบความผิดพลาดต่างๆแทนคุณนายพิ้งกี้ (ภรรยาของอโศก)
ทั้งหมดนี้หล่อหลอมให้พลรามมองเห็นความจริงของสังคม เห็นการกดขี่ชนชั้นแรงงาน ทำให้เขาตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อยกระดับชีวิตของตนเอง จนพลรามกลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย จากพล็อตเรื่องอาจทำให้เข้าใจผิดคิดว่านี่เป็นหนังสู้ชีวิต แต่ไม่ใช่เลย !!! เพราะ The White Tiger เป็นหนังดาร์คที่ประชดประชันเรื่องการกดขึ่และความเหลื่อมล้ำทางสังคมโดยนำเสนอผ่านมุมมองของพลราม ผู้ซึ่งถูกซัดพาไปสู่โลกทุนนิยมและเป็นคนต้นเรื่องทำให้เกิดเรื่องราวบัดซบเหล่านี้
คะแนน : 9.5/10
14. Ak vs. AK (2020)
หนังไอเดียบรรเจิดว่าด้วยเรื่องราวความขัดแย้งของอานิล นักแสดงวัยเก๋าจากบอลลีวู้ด กับ อนุราค ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ที่ทะเลาะกันเพราะคำถามของพิธีกรที่ว่า " ใครสำคัญกว่ากันระหว่างผู้กำกับและนักแสดง ? "
ความบาดหมางนี้สร้างความเสื่อมเสียให้กับอนุราคเป็นอย่างมาก เพราะเขาดันหัวเสียจนสาดน้ำใส่หน้าอานิลท่ามกลางรายการที่กำลังถ่ายทอดสด ทำให้อนุราคถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกบอยคอตจากคนในวงการ เขาจึงต้องการแก้แค้นอานิลด้วยการสร้างหนังหนึ่งเรื่อง โดยอนุราคได้ลักพาตัวลูกสาวของอานิล และได้เชิญอานิลให้มาแสดงหนังเรื่องนี้โดยเขาจะต้องหาลูกสาวให้พบก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
ซึ่งการค้นหาครั้งนี้มีกฏอยู่สามข้อ คือ ห้ามแจ้งตำรวจ ห้ามบอกคนอื่นว่าลูกสาวถูกลักพาตัว และตลอดการค้นหาตากล้องจะเก็บถ่ายเหตุการณ์ไว้ตลอดเวลา ถ้าผิดกฏข้อใดข้อหนึ่งเขาจะไม่รับรองความปลอดภัยของโสนัม(ลูกสาวของอานิล) เรื่องราวในหนังจึงเป็นการถ่ายทำแบบแคนดิตโดยที่นักแสดงไม่มีบท แต่มีโครงเรื่องคร่าวๆเพื่อไปด้นสดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (อันนี้เป็นเรื่องราวในหนังนะครับ)
สุดท้ายหนังก็หักมุมไปมาจนผู้ชมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเหตุการณ์ไหนจริง อันไหนเป็นแผนในบทที่อนุราควางไว้ อันไหนผิดแผนออกไป บทสรุปของหนังทำออกมาได้ดี มีการหักมุมที่น่าสนใจ ผมชอบไอเดียนี้ของหนังมาก เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แนะนำ แต่คงไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบดูหนังแบบแคนดิตเพราะภาพจะสั่นในบางช่วงที่ตากล้องต้องวิ่งตามนักแสดง แต่ทั้งหมดนี้ก็ทำเพื่อความสมจริงของหนัง
คะแนน : 8/10
15. Serious Men (2020)
" อาทิ " เด็กน้อยวัย 10 ขวบที่มีความอัจฉริยะจนถูกขนานนามว่าเป็นไอน์สไตน์คนใหม่ของอินเดีย แต่เบื้องหลังความเก่งของเขานั้นเกิดจากการอุปโลกน์ของ " มานิ " พ่อซึ่งเป็นลูกจ้างในสถาบันทางวิทยาศาสตร์ผู้คอยผลักดันให้อาทิมีชื่อเสียง
เขาต้องการยกระดับความเป็นอยู่ของครอบครัวและไม่ต้องการให้ลูกชายใช้ชีวิตแบบคนวรรณะศูทร มานิจึงสร้างเรื่องลวงโลกขึ้นมา โดยเขาตกลงกับลูกชายว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ? ในเมื่อโลกนี้ไม่มีความลับ
คะแนน : 9/10
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
