1 ก.พ. 2021 เวลา 07:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
หนังดรามา/ อาชญากรรม เดนเซล วอชิงตัน The Little Things ขึ้นอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา แม้เปิดตัวพร้อมสตรีมิงเอชบีโอแม็กซ์
คำถามที่เกิดขึ้น เมื่อบรรดาสตูดิโอต่างๆ เปิดหนังของตัวเองทั้งในโรงภาพยนตร์และในบริการสตรีมิงพร้อมๆ กัน ก็คือ คนดูจะจ่ายตังค์มาดูหนังจอใหญ่ไหม ถ้าพวกเขาสามารถชมภาพยนตร์เรื่องเดียวกันจากเก้าสบายๆ ในบ้าน? ถ้าเป็นก่อนหน้าการระบาดของโคโรนาไวรัส คำตอบจากโรงภาพยนตร์หรือว่าบรรดาผู้ชื่นชอบการชมภาพยนตร์ในโรงคงตอบพร้อมกันว่า ‘ไม่’ แต่เมื่ออยู่ในสภาวะโรคระบาดราวกับที่บันทึกไว้ในไบเบิล ฮอลลีวูดก็พบว่า มันต้องว่ากันเป็นเรื่องๆ ไป และรายงานบ็อกซ์ ออฟฟิศในสัปดาห์นี้ของวาไรตี ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
เมื่อหนังอาชญากรรม/ ระทึกขวัญ The Little Things ที่นำแสดงโดย เดนเซล วอชิงตัน และรามี มาเล็ก เปิดตัวอันดับ 1 ในชาร์ต เมื่อทำรายได้ 4.8 ล้านเหรียญจาก 2,171 จอในอเมริกาเหนือ ซึ่งหนังยังเปิดตัวทางบริการสตรีมิงเอชบีโอแม็กซ์ในเวลาเดียวกัน โดยจะมีให้ผู้ใช้บริการสตรีมิงรายนี้ได้ดูเป็นเวลาหนึ่งเดือนโดยไม่ต้องจ่ายค่าชมเพิ่ม ซึ่งถูกกว่าค่าตั๋วดูหนังในโรงใบเดียวด้วยซ้ำ หนัง The Little Things เป็นหนึ่งในหนัง 17 เรื่องของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ที่จะเปิดตัวในโรงพร้อมๆ กับเอชบีโอแม็กซ์​
ในยามปกติตัวเลขระดับนี้ถือว่าเป็นหายนะของบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่ในทุกวันนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังเปิดตัวด้วยรายได้ที่แข็งแรงมากสำหรับยุคโคโรนาไวรัสอาละวาด แม้จะไม่มีการรายงานตัวเลขผู้ชมทางเอชบีโอแม็กซ์ออกมา แต่วอร์เนอร์ฯ กับบริษัทแม่ - วอร์เนอร์มีเดีย ก็บอกว่า หนัง ‘พุ่งขึ้นอันดับ 1 ของเอชบีโอแม็กซ์ทันที’ ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เกณฑ์การวัดผลของเอชบีโอแม็กซ์
“เราตื่นเต้นเป็นอย่างมากับการที่หนัง The Little Things ทำได้สวยบนเอชบีโอแม็กซ์ มันตรงขึ้นอันดับ 1 ในทันที และล่าสุดก็ยังคงอยู่ตรงนั้น” แอนดี ฟอร์สเซลล์ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปของเอชบีโอแม็กซ์​เผย “กับการสานต่อความสำเร็จแบบสร้างปรากฏการณ์ของ ‘Wonder Woman 1984 ได้ The Little Things แสดงให้เห็นความอยากชมภาพยนตร์ที่มีคุณภาพมากขนาดไหน”
The Little Things เป็นผลงานการกำกับของจอห์น ลี แฮนค็อก โดยเรื่องราวมีศูนย์กลางอยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย ที่พยายามจับตัวฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง ในตลาดต่างประเทศที่เอชบีโอแม็กซ์ยังไม่เปิดให้บริการ The Little Things จะเข้าฉายในโรง โดยทำเงินไป 2.8 ล้านเหรียญจาก 18 ประเทศ หนังเรท-อาร์เรื่องนี้ ทำเงินได้ดีในรัสเซีย เมื่อทำรายได้ 1.1 ล้านเหรียญ ตามด้วยซาอุดิ อาระเบีย ที่ทำรายได้ 871,000 เหรียญ
แต่สถานการณ์ของโรงภาพยนตร์ก็ยังไม่สดใสอยู่ดี เมื่อบรรดาหนังที่โรงหวังว่าจะมาช่วยฉุดยอดขายตั๋วให้กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ยังเป็นโรคเลื่อนอีกระลอก โดยทางเอ็มยีเอ็มเลื่อนหนังเจมส์ บอนด์ No Time to Die จากเดือนเมษายนไปเป็นตุลาคม ซึ่งกระตุ้นให้สตูดิโออื่นๆ ขยับหนังถอยจากต้นปี 2021 ออกไปอีก เช่น Morbius, Ghostbusters Afterlife, Cinderella และ A Quiet Place Part II และมีการคาดกันแล้วว่ายูนิเวอร์แซลคงจะเลื่อนหนัง Fast & Furious เรื่องที่ 9 จากวันที่ 28 พฤษภาคมออกไปอีก เช่นเดียวกับดิสนีย์/ มาร์เวลคงขยับ Black Widow จากวันที่ 7 พฤษภาคมไปเป็นวันอื่น ซึ่งหมายความว่า ตารางฉายหนังของโรงจะโล่งไปจนถึงเดือนมิถุนายนเป็นอย่างน้อย และสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือหายนะธุรกิจโรงภาพยนตร์ แล้วเมื่อถึงช่วงซัมเมอร์ก็จะกินเวลาเกินกว่าหนึ่งปีแล้วที่โรงภาพยนตร์ไม่ได้เปิดบริการตามปกติ และโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาไม่มีรายได้เข้าเลยอย่างน้อย 10 เดือน
และแม้จะเปิดให้บริการได้ในตอนนี้ แต่ด้วยบางสิ่งบางอย่าง ธุรกิจโรงภาพยนตร์ก็ยังเสียหายในระดับเดียวกับตอนที่มีการปิดโรงภาพยนตร์เมื่อเดือนมีนาคม 2020 โดยในช่วงปลายเดือนมกราคม โรงภาพยนตร์ยังคงปิดให้บริการถึงราวๆ 65% ส่วนที่เปิดให้บริการก็มีการจำกัดจำนวนที่นั่ง แม้จะมีความพยายามเจรจาให้เปิดโรงภาพยนตร์ในนิวยอร์กซิตีและลอสแองเจลีสแต่ก็ไม่สำเร็จ ขณะที่การฉีดวัคซีนก็ดำเนินไปอย่างไม่คืบหน้าผสมกับความตึงเครียดจากการระบาดของไวรัสระลอกใหม่ คงต้องมีการวางแผนที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อดึงผู้ชมกลับเข้าโรงภาพยนตร์
หนังวิเคราะห์บ็อกซ์ ออฟฟิศทำนายว่า ธุรกิจโรงภาพยนตร์กว่าจะกลับมาสู่ปกติได้ก็ปี 2020 เดวิด เอ. กรอสส์ ที่บริหารบริษัทให้คำปรึกษาทางภาพยนตร์ที่ชื่อ เฟรนไชส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ บอกว่า กำหนดเวลาดังกล่าว มีพื้นฐานมาจาก “ความต้องการ คุณภาพที่ดีเรื่องสุขภาพ, ราคาที่สมเหตุสมผล, ความบันเทิงนอกบ้าน”
“กระบวนการฉีดวัคซีนจะดำเนินไปจนถึงช่วงฤดูใบไม้ในแบบคอขวด เมื่อเทียบกับความต้องการวัคซีน” กรอสส์กล่าว “รัฐบาลต้องใช้อะไรก็ตาม ที่ทำให้การฉีดวัคซีนประสบความสำเร็จ ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเองของไวรัสด้วย”
สำหรับหนังเรื่องอื่นๆ ในอันดับหนังทำเงิน The Croods: A New Age ของยูนิเวอร์แซล/ ดรีมเวิร์คส์แอนิเมชัน เก็บเงินได้อีก 1.84 ล้านเหรียญ จากสัปดาห์ที่สิบในการฉาย ซึ่งมากพอที่จะทำให้อยู่ในอันดับที่สอง โดยยอดขายตั๋วเพิ่มจากสุดสัปดาห์ก่อน 2% ซึ่งน่าประทับใจมากๆ เพราะอย่าลืมว่าแอนิเมชันเรื่องนี้ มีให้ชมทางโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์มาแล้วเกือบๆ 2 เดือน หนังทำเงินในอเมริกาเหนือไป 43.9 ล้านเหรียญ ส่วนรายได้ทั่วโลกสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังทำไปอีก 1.3 ล้านเหรียญ รายได้รวมผ่านร้อยล้าน และรายได้รวมทั่วโลกเป็น 144.38 ล้านเหรียญ
Wonder Woman 1984 อยู่อันดับ 3 ด้วยรายได้ 1.3 ล้านเหรียญ จาก 1,864 จอ หนังซูเปอร์ฮีโรของวอร์เนอร์ฯ/ ดีซี คอมิกส์ เรื่องนี้เปิดตัวในโรงพร้อมๆ กับเอชบีโอแม็กซ์​ ทำเงินในอมริกาเหนือจากการฉาย 6 สัปดาห์ 39.2 ล้านเหรียญ ขณะที่หนังภาคแรกทำรายได้วันแรกถึง 38 ล้านเหรียญในปี 2017 สำหรับตลาดนอกอเมริกาเหนือ Wonder Woman 1984 ทำเงินเพิ่มอีก 1.1 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 112.8 ล้านเหรียญ ส่วนรายได้รวมทั่วโลกเป็น 152 ล้านเหรียญ
หนังแอ็คชัน ระทึกขวัญของเลียม นีสัน The Marksman หล่นมาถึงอันดับ 4 หลังเปิดตัวในอันดับ 1 เมื่อสองสัปดาห์ก่อน หนังทำเงินไป 1.25 ล้านเหรียญจากการฉายในสุดสัปดาห์ที่สาม รายได้รวมในอเมริกาเหนือเพิ่มเป็น 7.8 ล้านเหรียญ โดยตอนนี้หนังฉายทั้งหมด 2,018 จอ
หนัง Monster Hunter ของโซนียังไม่หลุดจากท็อปไฟว์ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำเงินไปอีก 740,000 เหรียญในสัปดาห์ที่ 7 ของการฉาย หนังที่ดัดแปลงมาจากวิดีโอเกมสุดฮิตเรื่องนี้ ทำเงินไปแล้ว 11.1 ล้านเหรียญ
มาดูตลาดของหนังอินดีกันบ้าง Supernova หนังดรามาของบลีเคอร์ สตรีท เปิดตัวด้วยรายได้ 98,670 เหรียญจาก 330 จอ คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อจอที่เฉามากๆ 299 เหรียญ หนังได้สแตนลีย์ ทุคชีแสดงนำคู่กับโคลิน เฟิร์ธ โดยเป็นเรื่องของเพื่อนที่คบกันมานาน พยายามหาทางรับมือกับเพื่อนที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ระยะแรก หนังได้เสียงวิจารณ์ที่ดีมาก แต่ผู้ชมเป้าหมายของหนังก็คือ กลุ่มผู้ใหญ่ที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ซึ่งลังเลกับการกลับมาชมภาพยนตร์ในโรง สภาพของโรงภาพยนตร์ในตอนนี้ เป็นเรื่องยากมากๆ สำหรับสตูดิโอที่ทำหนังเฉพาะกลุ่มในการหาพื้นที่ให้กับตัวเอง แต่พอล เดอการาบีเดียน นักวิเคราะห์สื่ออาวุโสของคอมสกอร์มองว่า “ด้วยคำวิจารณ์ที่ดี และการแสดงที่เยี่ยมยอด Supernova น่าจะได้รับความนิยมในระยะยาว” และสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้ก็คือ บรรดาหนังอินดีไม่ต้องเจอกับคู่แข่งสำคัญๆ ในสัปดาห์ต่อๆ ไป
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด้วยการกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos
#Moviereview: DEMON SLAYER THE MOVIE: MUGEN TRAIN อะนิเมะที่กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่น และเป็นตัวแทนส่งเข้าชิงรางวัลแอนิเมชันยอดเยี่ยมออสการ์ปีนี้ของญี่ปุ่น เยี่ยมขนาดไหนอ่านวิจารณ์ได้ที่นี่...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา