1 ก.พ. 2021 เวลา 13:00 • การศึกษา
วันนี้เป็น “#วันฮิญาบสากล” ครับ 🧕🏻
สมัยเรียนฟาฮัดก็โดนเพื่อนๆ ทักถามกันมาเยอะมากกกกกกก ว่าผู้ชายมุสลิมเนี่ย เขาไม่ต้องโพกหัวคลุมผมแบบนี้หรอ 👉🏻👳🏻‍♂️
ซึ่งผมก็ตอบไปว่า “มุสลิมีน (ชายมุสลิม) ไม่ได้มีข้อปฏิบัติในการคลุมผม หรือ คลุมฮิญาบ เหมือนกับมุสลิมะห์ (หญิงมุสลิม) นะ” //คนที่ต้องโพกหัวตลอดแบบนั้นน่าจะนับถือซิกข์เด้ออออ 😂
👉🏻#ขอแทรกความรู้นิสสส 💡
#ผ้าโพกศีรษะของชาวซิกข์ ถือเป็นมงกุฎอันศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงออกถึงความเป็นอธิปไตยของซิกข์ ว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจหรือบารมีใดในการเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า ในทำนองว่าไม่มีใครมีเอกสิทธิ์ในพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นของทุกคน และใครๆ ก็สามารถเข้าถึงพระองค์ และพระเมตตากรุณาของพระองค์ได้ ด้วยความรักและความจริงใจอย่างแท้จริง
#ฮิญาบก็เช่นกัน อันที่จริงฮิญาบก็ไม่ใช่แค่ผ้าคลุมผมหรอกครับ แต่มันคือ #อาภรณ์อันมีเกียรติยิ่งของสตรีมุสลิมทุกคน เสมือนเป็นเปลือกหอยที่โอบล้อม “ไข่มุกที่ทรงคุณค่า” ไว้ด้านใน เพราะ ฮิญาบ #ไม่ใช่แค่ผ้าคลุมกาย แต่ยังคลุมไปถึงจิตใจให้มีความหนักแน่นมั่นคงในศาสนา #และถือเป็นสัญลักษณ์ของการนับถือศาสนาอิสลามด้วย อารมณ์ประมาณว่าเห็นใครคลุมฮิญาบปุ๊บ ก็จะอ๋อทันทีว่าคนนี้เป็นมุสลิม อะไรประมาณนี้..💯
#สำหรับมุสลิมีนเอง จริงๆ ก็มีบัญญัติที่เป็นเครื่องจำแนกความแตกต่างระหว่างมุสลิมกับศาสนิกชนอื่นๆ เหมือนกันนะครับ สิ่งนั้นก็คือ “#การไว้เครา” นี่แหละ
💁🏻‍♂️การไว้เครานั้น #มีแบบอย่างมาจากท่านนบีมุฮัมหมัดเเละบรรดานบีทุกท่าน ซึ่งได้ปรากฏหลักฐานมากมายจากฮะดิษ (วจนะศาสดา) ด้วยสำนวนที่เเตกต่างกันออกไป ที่ล้วนเเล้วเเต่บ่งชี้ว่าการไว้เครานั้นเป็นซุนนะฮ์ เเละถูกสั่งใช้ให้ปฏิบัติ อย่างเช่น หะดีษของท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อุมัร รอฎิยัลลอฮุอันฮุมา ที่ท่านนบีได้กล่าวว่า :
"จงทำให้เกิดความเเตกต่างกับบรรดามุชริกีน จงตัดหนวด เเละจงไว้เครา" (บันทึกโดยมุสลิม)
และหะดีษของอิบนุอุมัรเช่นเดียวกัน ท่านนบีได้กล่าวว่า :
"จงไว้เครา เเละจงตัดหนวด" (บันทึกโดยอันนะซาอีย์)
หลักฐานข้างต้น ล้วนเเล้วได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่ามีแบบอย่างให้ไว้เคราเเละตัดหรือขลิบหนวด เพื่อให้เกิดความเเตกต่างกับศาสนิกชนอื่นๆ (แตกต่างแต่ก็รักกันนะ 😍)
นอกจากนี้ยังมีความเห็นของนักวิชาการอิสลามส่วนมากว่า การโกนเครานั้นเป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม)โดยมติเอกฉันท์ของปวงปราชญ์(อิจมาอ์) อิหม่ามอิบนุฮัซม์ได้รายงานอิจมาอ์ไว้ถึงการห้ามการโกนเคราใน"مراتب الإجماع"ว่า :
"พวกเขาเห็นพ้องกันว่าการโกนเคราทั้งหมดนั้นเป็นบาป ไม่อนุญาต"
ชัยค์ อะลีย์ มะห์ฟูซ เป็นหนึ่งในนักวิชาการของมหาวิทยาลัยอัลฮัซฮัร ได้กล่าวว่า :
"มัซฮับทั้งสี่ได้เห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องไว้เคราเเละห้ามโกนมัน"
ดังนั้น “#การไว้เคราของชายมุสลิม” #จึงไม่ใช่การกระทำตามอำเภอใจ (อำเภอใจอยู่จังหวัดไหนครับ?) แต่เป็นการที่คนๆ หนึ่งแสดงออกถึงการยอมจำนน นอบน้อม และศรัทธาในสิ่งที่เขานับถือ ซึ่งตอนสมัยเรียนฟาฮัดก็ไว้เคราตลอด โดยไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร แถมยังได้รับการผลักดันให้เป็นตัวแทนนักศึกษาไทยไปแลกเปลี่ยนและประชุมวิชาการสาธารณสุขนานาชาติด้วยนะ พอไปอยู่ที่นุ่นก็เห็น #นักวิชาการแนวหน้าของโลกเขาก็ไว้เครากันหลายคน ไม่มีใครติด ไม่มีใครมามองว่าแปลกอะไรเลย (ต้องขอบคุณ Mahidol University มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ 🙏🏻)
ส่วนตัวฟาฮัดคิดว่า ถ้าเราจะทำอะไรสักอย่างที่เราสบายใจ และไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อน เราก็ควรที่จะได้รับสิทธิและเสรีภาพที่จะทำสิ่งนั้นนะครับ โดยเฉพาะ #สิทธิที่มันอยู่บนเรือนร่างของเรา เพราะเราอยู่ในสังคมที่เรียกตัวเองว่า “ประชาธิปไตย” ไม่ใช่หรอ?
สุดท้ายนี้ฟาฮัดก็อยากเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องมุสลิมที่ยืนหยัดในหนทางของอัลลอฮฺ และหวังว่าเราจะได้เป็นที่รักของพระองค์โดยทั่วกัน 🤲🏻
“สันติสุข เริ่มที่ใจ ใช่ใบหน้า”
#SaveHijab #Saveเครา #Saveซูไลฟาน
#อิสลามตามแบบฉบับ
#ฟาฮัดเป็นนักกำหนดอาหาร
[ที่มา] สรุปใจความสำคัญจากคำพูดชัยค์ ศอลิห์ อาลุชชัยค์ https://www.ajurry.com/vb/showthread.php?t=17224 )
โฆษณา