ฟังจากชื่อประเทศก็น่าจะพอเดาได้ว่าประเทศนี้เคยตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของประเทศฝรั่งเศสมาก่อน โดยโกดติวัวร์เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน French West Africa ซึ่งประกอบไปด้วยอาณาจักรต่างๆ มากมายซึ่งปัจจุบันได้แยกตัวมาเป็นประเทศเบนิน มาลี เซเนกัล เป็นต้น โดยชื่อเก่าของโกตดิวัวร์ คือ Lower Volta หรือดินแดนใต้แม่น้ำโวลตา
ภาพของแผนที่ดินแดน French West Africa https://neverwasmag.com/2019/11/mapping-the-second-world-war-in-africa/french-west-africa-map-3/
ต่อมาในปี ค.ศ. 1921 เขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนการแพทย์ École de médecine de l'AOF (French African School of Medicine) และจบเป็นที่ 1 ของรุ่นอีกเช่นเคย และได้รับตำแหน่ง Medical Assistant หรือผู้ช่วยแพทย์ แต่เนื่องจาก Félix ไม่ได้เรียนจบแพทย์แบบเต็มคอร์ส ทำให้เขาไม่สามารถเป็นแพทย์แบบเต็มตัวได้
เนื่องจากตัว Félix เองเกิดมาในครอบครัวเจ้าของไร่ที่เป็นชาวแอฟริกัน (ในตอนนั้นมีเจ้าของไร่บางคนที่เป็นชาวพื้นเมืองอย่างพ่อของ Félix) เขาจึงร่วมมือกับเจ้าของไร่ที่เป็นชาวพื้นเมืองคนอื่น จัดตั้งกลุ่มเล็กๆ ขึ้นเพื่อต่อต้านการใช้แรงงานอย่างกดขี่ของเจ้าของไร่ชาวฝรั่งเศส โดยเขาได้ตีพิมพ์บทความที่มีชื่อว่า “They have taken too much from us” ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นโดยใช้นามแฝง และบทความนั้นก็ได้รบการตอบรับเป็นอย่างดี
แต่สุดท้ายเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก น้องชายของเขาเสียชีวิต Félix จึงต้องจำใจทิ้งหน้าที่แพทย์ที่เขารัก เพื่อมารับหน้าที่เป็นหัวหน้าเขต หรือ Chef De Canton ต่อจากพ่อของเขา โดยมีหน้าที่หลักคือดูแลคนและกิจการในปกครอง พร้อมทั้งเก็บภาษีให้กับรัฐบาลเจ้าอาณานิคมนั่นเอง
แต่เนื่องจาก RDA มีจำนวนคนไม่พอที่จะมีที่นั่งในรัฐสภา ทำให้ RDA ต้องการพรรคร่วม และตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรค PCF หรือ French Communist Party ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของฝรั่งเศสเพียงพรรคเดียวที่มีนโยบายต่อต้านการล่าอาณานิคมอย่างเปิดเผย ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เกือบจะนำไปสู่จุดจบทางการเมืองของ Félix
ในตอนที่ Félix ทำงานอยู่ในคณะรัฐมนตรีนั้น ดินแดนแอฟริกาภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ French Equatorial Africa และ Frech West Africa ในแต่ละส่วนก็มีดินแดนแยกย่อยต่างๆ มากมาย อย่าง French West Africa ก็ประกอบไปด้วยดินแดนต่าง ๆ ถึง 8 แห่งด้วยกัน ดังนั้น Félix จึงพยายามพัฒนาแก้ไขกฎหมายการปกครองต่างๆ เพื่อให้แต่ละดินแดนสามารถมีความอิสระในการปกครองซึ่งกันและกัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพากันทางการเมือง เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การประกาศเอกราชที่แท้จริงของแต่ละดินแดนในอนาคต