14 ก.พ. 2021 เวลา 04:23 • หนังสือ
#2 เล่ม 2 บทที่ 1 หน้า 19 ~ 24
หน้า 19 – 24
...
...
...
ขณะนี้คือวันอาทิตย์อีสเตอร์ของปี 1993 ผมมาอยู่ตรงนี้แล้วตามที่ได้รับการชี้แนะ พร้อมดินสอในมือและกระดาษจดตรงหน้า ผมพร้อมเริ่มแล้วครับ
ผมคิดว่าควรจะบอกกับคุณผู้อ่านด้วยว่า พระเจ้าขอให้ผมมาอยู่ตรงนี้ เรามีนัดกันอยู่ วันนี้เราจะเริ่ม `เล่ม 2` กันแล้ว เป็นเล่มที่สองของไตรภาคที่ พระเจ้า ผม และคุณ กำลังมีประสบการณ์ไปพร้อมๆกัน
ผมยังไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนี้จะพูดเรื่องอะไรหรือจะแตะประเด็นไหนเป็นพิเศษบ้าง ที่เป็นอย่างนี้เพราะผมไม่ได้วางแผนจะเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง เป็นไปไม่ได้หรอก ผมไม่ได้เป็นคนตัดสินใจว่าจะใส่เนื้อหาอะไรเข้าไปในเล่มนี้บ้าง พระเจ้าต่างหากที่ตัดสินใจ
1
วันอาทิตย์อีสเตอร์ปี 1992 (หนึ่งปีที่แล้วพอดิบพอดี) พระเจ้าเริ่มคุยกับผม ผมรู้ว่าฟังดูแล้วช่างน่าหัวเราะ แต่มันเกิดขึ้นจริงๆ การพูดคุยนั้นเพิ่งจบไปไม่นานนี้เอง ผมได้รับคำแนะนำว่าควรพักสักหน่อย...แต่ก็ได้รับการบอกด้วยว่าผม "มีนัด" ที่จะกลับมาคุยกันอีกครั้งในวันนี้
คุณก็มีนัดเหมือนกันและกำลังมาตามนัดอยู่ตอนนี้ ผมตระหนักชัดว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อผมเพียงคนเดียว แต่ยังเพื่อคุณโดย`ผ่านทางผม`อีกด้วย ชัดเจนว่าคุณได้เฝ้ารอพระเจ้า (และวจนะของพระเจ้า) มายาวนานเหลือเกินแล้ว ผมก็ไม่ต่างไปจากคุณเลย
วันนี้เราจะมาพบพระเจ้าด้วยกัน นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดเสมอในการพบปะพระเจ้า นั่นคือ พบไปพร้อมกัน เราจะไม่มีทางพบพระเจ้าหากยังแยกจากกันอยู่
ผมหมายความสองนัย ก็คือ เราไม่มีทางพบพระเจ้าตราบที่ "พวกเราแยกจากกันอยู่"
เพราะก้าวแรกของการพบว่าเราไม่ได้แยกจากพระเจ้าก็คือ 🔸ต้องรู้ว่าเราต่างมิอาจแยกจากกันและกันได้🔸
✴️ หากไม่รู้และตระหนักว่าเราทั้งหมดล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว เราก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเราและพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกันด้วย ✴️
พระเจ้าไม่เคยตัดขาดจากเราเลย ไม่เคยเลย มีแต่เราเท่านั้นที่`คิดว่า`ตัวเราตัดขาดจากพระเจ้า
นี่คือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นปรกติ และเรายังเฝ้าคิดอีกด้วยว่าเราต่างตัดขาดจากกันและกัน สิ่งที่ผมพบจึงเป็นว่า วิธีที่เร็วที่สุดที่จะ "พบพระเจ้า" ก็คือ "เราต้องพบกันและกันหยุดซ่อนเร้นจากกัน" แน่ล่ะ "เราต้องหยุดซ่อนเร้นจากตัวเองด้วย"
1
ได้โปรดเริ่ม "พูดความจริง" เสียแต่ตอนนี้...และได้โปรดอย่าหยุด
1️⃣ เริ่มด้วยการบอกความจริงเกี่ยวกับตัวเองต่อตัวเอง
2️⃣ แล้วก็บอกความจริงเกี่ยวกับผู้อื่นต่อตัวเอง
3️⃣ จากนั้นให้บอกความจริงเกี่ยวกับตัวเองต่อผู้อื่น
4️⃣ แล้วก็บอกความจริงเกี่ยวกับผู้อื่นต่อผู้อื่น
5️⃣ สุดท้ายคือบอกความจริงเกี่ยวกับทุกสิ่งต่อทุกคน
นี่คือ "การกล่าวความจริง 5 ระดับ"
นี่คือ "วิถีทางทั้ง 5 สู่อิสระภาพ"
แล้วความจริงจะปลดปล่อยคุณให้เป็นอิสระ
หนังสือเล่มนี้ "เกี่ยวข้องกับความจริง" แต่ไม่ใช่ของผมหรอกนะครับ เป็นของพระเจ้าต่างหาก
การพูดคุยแรกเริ่มของผมกับพระเจ้าสิ้นสุดลงเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว คาดว่าเล่มนี้คงเหมือนเล่มแรกที่ผมถามคำถามแล้วพระเจ้าก็ตอบให้ ผมว่าตัวเองควรพอได้แล้วและเริ่มถามพระเจ้าเสียที
N : พระเจ้าครับ มันจะเป็นไปตามรูปแบบนี้ใช่มั๊ย?
G : ถูกต้อง
N : ผมก็คิดไว้ว่าอย่างนั้น
G : แต่เล่มนี้ฉันจะนำเข้าบางประเด็นด้วยตัวเองโดยเธอไม่ได้ร้องขอ อย่างที่เธอรู้นั่นล่ะว่า ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นเท่าไหร่ในเล่มแรก
N : ใช่ครับ ทำไมคราวนี้ถึงจะเปลี่ยนแนวละครับ
G : เพราะฉันเป็นคนขอให้เขียนเล่มนี้ขึ้น อย่างที่เธอบอกนั่นล่ะว่าฉันเป็นคนร้องขอเธอ ส่วนเล่มแรกนั้นเธอเป็นคนเริ่มเอง
กับเล่มแรกเธอมีวาระของตัวเอง แต่เล่มนี้เธอไม่มีวาระอะไรนอกจาก🔸ทำไปตามเจตจำนงของฉัน🔸
2
N : ใช่ครับ ถูกต้อง
G : นีล นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากเลยนะ หวังว่าเธอและคนอื่นๆจะ`ระลึกถึงจุดนี้ให้บ่อย`
N : แต่ผมคิดว่า "เจตจำนงของพระองค์ก็คือเจตจำนงของผมเสียอีก" ผมจะไม่ทำตามเจตจำนงของพระองค์ได้ยังไงถ้ามันคืออันเดียวกันกับของผม
G : นี่เป็นคำถามที่ซับซ้อนอยู่ในที และก็ไม่เลวที่จะเริ่มกันตรงนี้ ไม่เลวเลยสำหรับทุกคนที่จะเริ่มการพูดคุยนี้กัน
ย้อนกลับไปนิดนึงก่อน ฉัน`ไม่เคย`บอกเธอนะว่า "เจตจำนงของฉัน คือ เจตจำนงของเธอ"
N : พระองค์บอกนะครับ❗
ในเล่มแรกพระองค์บอกว่า "เจตจำนงของเธอ คือ เจตจำนงของฉัน"
G : ถูกต้อง แต่มันไม่เหมือนกันหรอกนะ
N : ไม่เหมือน❓ หลอกกันเล่นหรือเปล่าครับ
G : ที่ฉันบอกว่า..."เจตจำนงของเธอ คือ เจตจำนงของฉัน" หมายความคนละอย่างกับคำว่า "เจตจำนงของฉัน คือ เจตจำนงของเธอ"
🌟 ถ้าทำตามเจตจำนงของฉันตลอดเวลาเธอจะไม่เหลืออะไรให้ต้องทำเพื่อรู้แจ้งอีกเลย กระบวนการทั้งหมดจะจบลง เธอจะไปอยู่ตรงนั้นแล้ว
🌟 หากทำตามเจตจำนงของฉันโดยไม่ทำอย่างอื่นเลยแม้เพียงวันเดียวเธอจะเข้าถึงความรู้แจ้ง
🌟 ถ้าใช้ชีวิตตามเจตจำนงของฉันอยู่ตลอดเวลาแล้วละก็ เธอแทบไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวอะไรกับหนังสือเล่มนี้ในตอนนี้เลย
ฉะนั้น เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมา เธอ`ไม่ได้ทำตาม`เจตจำนงของฉันหรอก 🔸ส่วนใหญ่แล้วเธอไม่รู้ถึงเจตจำนงของฉันเลยด้วยซ้ำ🔸
N : ไม่รู้❓
G : ใช่
N : อ้าว แล้วทำไมไม่บอกผมล่ะ
G : 🔸บอกไปแล้ว...แต่เธอไม่ฟัง
🔸ถ้าฟัง...ก็ไม่ได้ยิน
🔸ถ้าได้ยิน...ก็ไม่ยอมเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
🔸ถ้าเชื่อ...ก็ไม่ยอมทำตามอยู่ดี
ฉะนั้นการบอกว่า "เจตจำนงของฉัน คือ ของเธอ" จึง`ไม่ถูกต้อง`ชัดเจนนัก
ตรงกันข้ามนะ "เจตจำนงของเธอ คือ เจตจำนงของฉัน" เพราะ...
1️⃣ ข้อแรกคือ "ฉันรู้ถึงมัน"
2️⃣ ข้อสอง "ฉันยอมรับ"
3️⃣ ข้อสาม "ฉันชื่นชม"
4️⃣ ข้อสี่ "ฉันรัก"
5️⃣ ข้อห้า "ฉันถือว่าเป็นของฉันและเรียกมันว่าของฉันเอง"
นี่หมายความว่า...เธอมีเจตจำนงเสรีที่จะทำตามใจปรารถนา
นั่นจึงทำให้ "เจตจำนงของเธอ เป็น ของฉันด้วย" ❤️ผ่านรักที่ไร้เงื่อนไข❤️
ถ้าอยากให้ "เจตจำนงของฉัน เป็น ของเธอ" ละก็ เธอต้องทำแบบเดียวกันด้วย
1️⃣ ขั้นแรก เธอต้อง "รู้" เสียก่อน
2️⃣ ขั้นสอง เธอต้อง "ยอมรับ"
3️⃣ ขั้นสาม เธอต้อง "ชื่นชม"
4️⃣ ขั้นสี่ เธอต้อง "รัก"
5️⃣ สุดท้าย เธอต้อง "ถือว่ามันเป็นของเธอ"
ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์
➡️ มีคนน้อยเหลือเกินที่ทำอย่างนี้อย่างสม่ำเสมอ
➡️ คนเพียงหยิบมือเดียวที่ทำเกือบตลอดเวลา
➡️ หลายคนทำอยู่บ่อยๆ
➡️ คนจำนวนมากทำเป็นครั้งคราว และ
➡️ เกือบทุกคนทำบ้างนานๆครั้ง
(➡️ และมีอยู่เหมือนกันที่ไม่เคยทำเลย)
N : ผมอยู่ประเภทไหนครับ?
G : สำคัญด้วยหรือ❓
✴️ ประเภทไหนที่เธออยากอยู่นับจากนี้ไปจะไม่เป็นคำถามที่ตรงประเด็นกว่าหรือ ✴️
N : ก็จริงครับ
G : แล้วคำตอบของเธอคือ❓
N : ผมอยากอยู่ประเภทแรก อยากจะรู้และทำตามเจตจำนงของพระองค์อยู่ตลอดเวลา
G : น่าชื่นชมนะ น่ายกย่องทีเดียวล่ะ
และน่าจะเป็นไปไม่ได้ด้วย
N : ทำไมละครับ❓
G : เพราะเธอยังต้อง`เติบโต`กว่านี้อีกมาก ก่อนจะไปถึงจุดนั้น
แต่ฉันขอบอกเธอว่า...✴️ เธอจะเป็นอย่างนั้นและมุ่งสู่ความเป็นพระเจ้าได้ทันทีที่เธอเลือก ✴️
🔸การเติบโตของเธอไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานเลย🔸
N : แล้วทำไมถึงใช้เวลานานนักละครับ❓
G : นั่นสิ ทำไมล่ะ รออะไรอยู่ หวังว่าเธอคงไม่คิดว่าฉันเป็นคนรั้งเธอเอาไว้หรอกนะ
N : ไม่หรอกครับ ผมรู้ชัดว่าผมนั่นล่ะที่รั้งตัวเองไว้
G : ดีแล้ว `ความชัดเจน` คือก้าวแรกสู่ความเป็นคุรุ
N : ผมอยากเป็นคุรุครับ ผมต้องทำยังไง❓
G : อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อไปสิ ฉันจะบอกเธอเอง เพราะนั่นเป็นจุดประสงค์ของฉันอยู่แล้ว.
(จบ)(บทที่1)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา