15 ก.พ. 2021 เวลา 15:47 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#รีวิวกองทุน ตอนที่ 4 กองใหม่ IPO
HealthCare ของจีน "UCHI"
1
United China Healthcare Innovation Fund (UCHI)
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เฮลท์แคร์ อินโนเวชั่น ฟันด์
คู่ต่อกรกองทุน TGHDIGI,
และ Principal GHealth-A
🌟ในช่วงเวลาที่เขียนบทความนี้ มีกองทุนใหม่น่าจับตามองอยู่ 6 กองทุนได้แก่
1. KFINFRA-A
Credit Suisse (Lux) Infrastructure Equity Fund
ช่วง IPO : 15/02/2564-23/02/2564
2.WE-TENERGY ----> กองนี้มีริวิวไว้แล้วใน "หนีดอย"
BNP Paribas Funds Energy Transition
ช่วง IPO : 18/02/2564-24/02/2564
3.SCBAO
Morgan Stanley Investment Fund - Asia Opportunity Fund
ช่วง IPO : 09/02/2564-16/02/2564
4.UCHI 🌟🌟🌟
KraneShares MSCI All China Health Care Index ETF และ
Global X China Biotech ETF
ช่วง IPO : 15/02/2564-23/02/2564
5.B-GTO
Wellington Global Innovation Fund
ช่วง IPO : 09/02/2564-16/02/2564
6.MFTECH
Ark Fintech Innovation ETF
ช่วง IPO : 15/02/2564-23/02/2564
6
🌟สำหรับบทความนี้ เรามาดูกองทุนที่เน้นแต่ Healthcare ของจีนกันครับ ว่าจะเป็นยังไง ผมเองพอได้ยินข่าวนี้ก็สนใจมากๆ เพราะว่าตลาดกองทุนบ้านเราตอนนี้จะมีแต่กลุ่ม Healthcare หรือ Healthtech ที่เป็นการลงทุนครอบคลุมทั่วโลกไปซะหมด ไม่มีเจาะจงประเทศแบบนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่า กองที่โดดเด่นเข้าตามากๆ สำหรับผมในปัจจุบันคือ
1. TGHDIGI ลงทุนในกองแม่ Credit Suisse Digital Health Equity Fund กองเดียว
2. Prinicipal GHealth-A ลงทุนในกองแม่ Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund ราวๆ 70% และ Credit Suisse Digital Health Equity Fund ราว ๆ 30%
4
🌟สำหรับ TGENOME มันดู subgroup ลงลึกไปอีก ขอไม่พูดถึงกองนี้แล้วกันนะครับ แม้ผลตอบแทนย้อนหลังจะซิ่งมากๆ ก็ตาม
3
🌟ทำไมต้องลงทุนใน Healthcare ของจีน
- จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ตลาดทางด้าน Healthcare โตไวมาก ๆ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี(CAGR) อยู่ที่ 13% เปรียบเทียบ CAGR ของสหรัฐที่ 3% และ ของญี่ปุ่นที่ 2% เท่านั้น
-ตลาดจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกทางด้านค่าใช้จ่ายของ Healthcare ที่ 1.02 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2019 โดยมีการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายส่วนนี้ราวๆ 87% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
- ตลาด Healthcare ของจีนยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากสถิติในปี 2017 คนจีนมีค่าใช้จ่ายรายหัวทางด้าน Healthcare เพียง $441 เทียบกับประเทศชั้นนำที่อยู่ราวๆ $5,000
- ประชากรผู้สูงอายุในประเทศจีน, การเพิ่มของฐานรายได้, การเพิ่มของระบบสังคมเมืองเหล่านี้เป็นตัวเร่งให้เกิดการขยายตัวทางด้าน Healthcare
ที่มา KraneShares
-ในปี 2030 จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็น 16.9% ของประชากร
ทั้งหมดหรือราว 240 ล้านคน ทำให้การใช้จ่ายเพื่อดูแลผู้สูงอายุมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
1
- แนวโน้มรายได้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ฐานะชาวจีนดีขึ้น จึงต้องการบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น และพร้อมจ่ายเงินเพื่อใช้บริการมากขึ้น
ที่มา KraneShares
-รัฐบาลจีนกำหนดยุทธศาสตร์ Healthy China 2030 Plan สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมทางด้าน Healthcare เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ ในแง่ของงบวิจัยที่โตต่อเนื่อง
1
ที่มา KraneShares
🌟กองทุนหลักที่กองทุน UCHI ถือนั้นประกอบไปด้วย
1. KraneShares MSCI All China Health Care Index ETF (KURE : US)
2. Global X China Biotech ETF (9820 : HK)
2
🌟ผมพยายามหาใน factsheet แล้วก็ไม่พบว่า ทางกอง UCHI ถือทั้ง 2 อย่างละสัดส่วนเป็นเท่าไหร่ชัดเจนครับ โดยมีใจความสำคัญจากนโยบายกองทุนว่า "มีนโยบายการลงทุนตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป และกองทุนจะลงทุนในกองใดกองหนึ่งโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะมี net exposure ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน" ซึ่ง แปลง่ายๆว่า 2 กองนี้รวมกันต้องเกิน 80% ในพอร์ท และต้องมี 2 กองขึ้นไปเสมอใน UCHI แต่กองใดกองหนึ่งที่เลือกไม่น้ำหนักสัดส่วนไม่เกิน 79%
5
🌟ผลตอบแทนย้อนหลัง โดยใช้ Bloomberg : www.bloomberg.com/quote/BGWHUBA:ID โดยมีทั้งหมด 4 กองทุนดังนี้ครับ
1. เส้นสีส้ม : แทน CSGDIBU:LX (กองแม่ของ TGHDIGI และ 1 ในกองแม่ของ Principal GHealth-A)
2. เส้นสีม่วง : แทน 9820:HK (1 ในกองแม่ของ UCHI)
3. เส้นสีดำ : แทน BGWHUBA:ID (1 ในกองแม่ของ Principal GHealth-A)
4. เส้นสีเหลือง. : แทน KURE:US (1 ในกองแม่ของ UCHI)
4
เปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี
เปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี
เปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน
เปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 2021 ถึง 12 FEB 2021
เปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน
🌟ถ้าดูผลตอบแทนย้อนหลังจะพบว่า 6 เดือน , 1 ปี และ 5 ปีย้อนหลัง CSGDIBU:LX กองแม่หลักๆ ของ TGHDIGI และ Prinicipal Ghealth-A จะชนะตลอด แต่พอผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 2021 ถึง 1 เดือนที่ผ่านมาพบว่า KraneShares MSCI All China Health Care Index ETF (KURE : US) และ Global X China Biotech ETF (9820 : HK) ทิ้งห่าง เส้นสีดำ และ เส้นสีส้ม โดยมีข้อสังเกตว่า กองเส้นสีดำ และเส้นสีส้ม ค่อนข้างเกาะกันไปอย่างใกล้ชิดแทบในแต่ละช่วงเวลา สำหรับ Ballie Gifford และ Credit Suisse
1
🌟เห็นแบบนี้ อยากรู้เลยว่า ปีหน้า 3 ปีถัดไป 5 ปีถัดไป สุดท้ายใครจะชนะกันแน่ แต่ตอนนี้ดูดีทุกกองครับ
🌟 UCHI ลงทุนในหุ้นกลุ่มอะไรบ้าง ที่บอกว่าเป็น Heathcare โดยจากภาพจะเห็นว่า จะมีตั้งแต่ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ การบริหารกลุ่มโรงพยาบาล Biotech กลุ่มเวชภัณฑ์ยาของจีนแบบดั้งเดิม และ ด้าน Healthtech IT
2
🌟 คราวนี้ผมลองมาให้ดูหุ้นรายตัว ที่ทั้ง 2 กอง ETF เข้าลงทุนนะครับ ข้อดีของการลงใน ETF คือ ทางกองพวกนี้จะอัพเดทค่อนข้างถี่ครับ มาเป็นรายวันเลยก็ว่าได้ ถ้าเป็นกองทุนรวมอาจจะเดือนละครั้ง หรือ สามเดือนครั้ง
1
Top Holding : KraneShares MSCI All China Health Care Index ETF (KURE : US)
บริษัทในแต่ละ Theme แยกย่อย ของ ETF : KURE
🌟ตัวอย่างบริษัทที่ ETF นี้ลงทุน
1. Jiangsu Hengrui Medicine
พัฒนา, ผลิต จัดจำหน่ายยาและวัตถุดิบสำหรับการบรรจุยา ทางบริษัทเชี่ยวชาญในการวิจัยยาใหม่ๆ ในกลุ่มยารักษาโรคมะเร็ง ต่อมไร้ท่อ หัวใจและหลอดเลือด รวมไปถึงระบบภูมิคุ้มกัน
2. Shenzhen Mindray
หนึ่งในผู้นำทางอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้เฝ้าระวังหรือติดตามผู้ป่วยและช่วยชีวิต เครื่องมือการวินิจฉัย เครื่องมือตรวจวินิจฉัยด้วยภาพ และ บริษัทยังเป็นผู้นำสำหรับเครื่องช่วยหายใจ
1
3. Alibaba Healthcare
ทำแพลตฟอร์มทางด้านสุขภาพผ่าน Internet เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา และยังเชี่ยวชาญในเรื่องของ medical e-commerce, smart medical treatment และ Product tracing
2
4. Wuxi Biologics Cayman เป็นเจ้าของ Wuxi Apptec ผู้นำทางด้านเภสัชกรรม, ชีวเภสัชภัณฑ์, เครื่องมือทางการแพทย์ และการใช้แพลตฟอร์ม โดยมีบริการในส่วนด้านการวิจัยและพัฒนายา
5. Beigene
บริษัทยาสัญชาติจีน ที่มุ่งพัฒนายาหลายชนิดเพื่อการรักษาโรคมะเร็งเป็นหลัก โดยพัฒนายาในกลุ่มที่เรียกว่า การรักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง หรือ Targeted therapy และ ยากลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง หรือ Immuno-Oncology
🌟หากนำ 2 ETF นี้มาเทียบกัน จะเห็นว่ามีหุ้นซ้ำกันอยู่ราวๆ 6 ตัวดังนี้คือ
1.Beigene (BGNE)
2.Wuxi Biologics Cayman (2269)
3.Jiangsu Hengrui medicine (600276)
4.Wuxi Apptec (603259)
5.Zai Lab (ZLAB)
6.Innovent Biologics (1801)
2
Top Holding : Global X China Biotech ETF (9820 : HK)
🌟และนี่ก็เป็นบทความสำหรับกองทุน IPO น้องใหม่อย่าง UCHI เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบสาย Healthcare ที่ลงทุนในจีนเฉพาะ และผลตอบแทนในอดีตก็ไม่ได้น้อยเลย...
🌟ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับกอง UCHI
🌟Presentation รายละเอียด ETF : KURE
🌟รายละเอียด ETF : China-Biotech-ETF
5
🌟ใครสนใจอ่านรีวิวกองทุนอื่นๆ ที่น่าสนใจ ติดตามได้ที่ "ซีรีย์เปิดขุมทรัพย์ Review หุ้น/ETFs/กองทุนรวม" ที่ blockdit.com/series/6028145e21ce110bcacae104
💭เพราะการลงทุนนั้น ไม่ต้องซื้อให้ถูกที่สุด
แต่ขอให้ห่างจากจุดที่เรียกว่า "ดอย" ก็พอ
💭ใครชอบบทความดีๆแบบนี้ รบกวนกด Like เป็นกำลังใจให้แอดมิน
ใครคิดว่าบทความนี้ใช่ รบกวนกด share ให้เพื่อนๆมีความรู้เพิ่มในการลงทุน
หรือใครมีข้อเสนอแนะ ติชมอะไร พิมพ์ทิ้งไว้ได้เลยครับ
===================================
***การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนการลงทุนทุกครั้ง
===================================
💭หากใครอยากได้ข้อมูลการลงทุนแบบฉับไว
ไม่พลาดทุกการลงทุนในทุกสินทรัพย์
กด Follow Twitter "หนีดอย"
พร้อมกดกระดิ่งแจ้งเตือนได้ที่ www.twitter.com/needoykan
โฆษณา