16 ก.พ. 2021 เวลา 15:29 • ท่องเที่ยว
รู้จักสวิตเซอร์แลนด์ผ่านแสตมป์
007 Ice Hockey
กีฬาไอซ์ฮอคกี้เป็นกีฬาฤดูหนาวที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ เมืองเล็กเมืองใหญ่ก็มักจะมีสมาคมชมรมไอซ์ฮอคกี้ของเมืองแข่งขันชิงชัยกันทุกปี
วันนี้จึงขอเสนอแสตมป์ทั้งหมด 5 ดวงอันเกี่ยวข้องกับ Ice Hockey
เริ่มที่ดวงแรกจัดทำขึ้นเพื่องานโอลิมปิคฤดูหนาวครั้งที่ 20 ในปี 2006 ที่เมือง Torino โดยใช้ภาพขาช่วงล่างและร้องเท้าสเก็ตเป็นตัวแทนของงานครั้งนี้
แสตมป์ดวงนี้ราคา 1.30 ฟรังซ์
วันแรกจำหน่ายคือวันที่ 22 November 2005
โดยมีตราประทับเป็นรูปเกร็ดหิมะ
ดวงที่สองจัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองอายุ 100 ปีของสมาพันธ์ไอซ์ฮอคกี้แห่งประเทศสวิส
แสตมป์ดวงนี้ราคา 1 ฟรังซ์
จำหน่ายวันที่ 4 March 2008
โดยมีตราประทับเป็นการแข่งไอซ์ฮอคกี้
ดวงที่สามจัดขึ้นเพื่อต้อนรับการจัดงานไอซ์ฮอคกี้ชิงแชมป์โลกที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี 2009 ซึ่งจัดการแข่งขันที่เมือง Bern และ Zurich
แสตมป์ดวงนี้ราคา 1 ฟรังซ์
วันแรกจำหน่ายคือวันที่ 5 March 2009
โดยมีตราประทับเป็นรูปถ้วยรางวัล
ดวงที่สี่และห้า เช่นเดียวกับดวงที่สามจัดขึ้นเพื่อต้อนรับการจัดงานไอซ์ฮอคกี้ชิงแชมป์โลกที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี 2020 แต่เนื่องจากสถานการณ์อันรุนแรงของโควิด19 ทำให้จำต้องเลื่อนการแข่งขันไปอย่างไม่มีกำหนด
แสตมป์ชุดนี้มีสองดวง ราคา 0.85 และ 1 ฟรัง
วันแรกจำหน่ายคือวันที่ 5 March 2020
โดยมีตราประทับเป็นรูปไม้ฮอคกี้ไขว้กันมีฉากหลังเป็นภูเขาสวิส
📍ขอเล่าถึงมะลินิดนึงค่ะ 📍
เมื่อตอนมะลิอายุห้าขวบปลายทางสมาคมไอซ์ฮอคกี้แถวบ้านส่งจดหมายมาเชิญให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานในการดูแล เข้าร่วมทดลองเล่นไฮซ์ฮอคกี้เป็นเวลาห้าวัน วันละ 45 นาที ในรร หยุดฤดูใบไม้ร่วง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
มะลิเห็นจดหมายและรูปภาพในโบรชัวร์ ก็ซักถามแม่ เมื่อรู้ความก็อยากไปทดลองเล่นดูบ้าง ตอนนั้นเธอเพิ่งหัดเล่นโรลเลอร์เบลดกำลังเริ่มสนุก
พอไปถึงในวันนัดหมาย ทางสมาคมจัดห้องที่จะให้เด็ก ๆ ไปลองชุดและลองอุปกรณ์เพื่อใช้ตลอด 5 วันนี้ ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้น แต่หากเด็ก ๆ ชอบและจะเข้าร่วมเรียนกับชมรมในทุกวันเสาร์ถัดไป ก็สามารถใช้ชุดและอุปกรณ์นี้ต่อไปได้เลย โดยชำระมัดจำไว้เพียง 50 ฟรัง
วันที่ไปลองชุดและอุป
พูดกันตามตรงว่า ถ้าต้องซื้ออุปกรณ์เสื้อผ้าเองสำหรับกีฬาชนิดนี้ ทางบ้านเราอาจจะขอผ่าน เพราะแค่รองเท้าก็ปาเข้าไปหลักร้อย นี่ยังไม่รวมชุดเสื้อผ้า เครื่องป้องกันต่าง ๆ อีก กะเอาคร่าว ๆ ก็น่าจะเหยียบห้าร้อยสบาย ๆ
ในปีแรก มะลิเข้าร่วมฝึกกับแก๊งค์จิ๋ว ซึ่งอายุตั้งแต่ 3-5 ขวบ ปกติมะลิก็ตัวโตกว่าเพื่อนในอายุรุ่นเดียวกันอยู่แล้ว เมื่อมาอยู่กับแก๊งค์จิ๋วซึ่งเพิ่งหัดเหมือนกัน ยิ่งดูเหมือนคนรุ่น โค้ชบอกว่ามะลิน่าจะมาตั้งแต่ 3 ขวบ ... เอิ่มมม ตอนนั้นยังง๊องแง๊ง วิ่งล้ม วิ่งล้ม อยู่เลยนะคะโค้ช ซึ่งพวกเด็กเล็กที่มาฝึกก็แบบนั้น คือยังทรงตัวไม่ได้ เดินสองก้าวล้มตลอด โค้ชไม่ต้องทำอะไรมาก แค่อยู่ใกล้ ๆ แล้วจับน้องตั้งขึ้นมาใหม่เป็นพอ ซึ่งจุดประสงค์ก็คือ ให้เด็ก ๆ ได้มาซึมซับบรรยากาศ และได้ร่วมเล่นกับเพื่อน ๆ
ตัวสูงโด่เด่เลย
ในปีที่สอง โค้ชบอกว่ามะลิควรเข้าฝึกกับรุ่นซุปเปอร์จูเนียร์ได้แล้ว แต่ต้องเพิ่มการฝึกเป็น 4 วันต่อสัปดาห์ช่วงสี่ ถึง ห้าโมงเย็น ทีแรกเราสองคนพ่อแม่ก็คิดว่า มันจะมากเกินไปสำหรับเด็กอายุห้าหกขวบที่เพิ่งอยู่อนุบาลสองรึเปล่านะ แต่มะลิยืนยันว่าอยากไปซ้อม อยากไปฝึก
ซึ่งการเข้าฝึกกับรุ่นซุปเปอร์จูเนียร์นั้น จะไม่เหมือนฝึกกับแกงค์จิ๋วแล้ว พ่อแม่จะมาดร็อปลูกลงหน้าประตู เด็ก ๆ จะลากกระเป๋าใบยักษ์เข้าไปในห้องแต่งตัวเอง และจัดการโดยไม่มีผู้ปกครองดูแล แม่นั้นถึงกับงงมากว่า เด็ก ๆ ทำกันได้เองอย่างไร เพิ่งหกเจ็ดขวบกันเท่านั้น ชุดก็ใส่แสนจะวุ่นวาย แล้วรองเท้าก็ต้องรัดให้แน่นมาก
จากการแอบสำรวจ เพราะในช่วงแรกแม่ต้องเป็นคนช่วยมะลิแต่งตัว ก็ชำเลืองดูเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สองสามคนว่าจะทำยังไงกับรองเท้า ปรากฎว่าเด็ก ๆ ผลัดที่จะผูกเชือกรองเท้าให้กัน โดยช่วยกันสองคนดึงเชือกคนละข้าง
ส่วนมะลินั้น เมื่อเห็นเพื่อน ๆ ทำกันเองก็คงรู้สึกอาย เมื่อผ่านไปสี่ห้าครั้ง ก็บอกว่าแม่ไม่ต้องเข้าไปห้องแต่งตัวนะ เดี๋ยวมะลิจะทำเอง
ในปลายปีที่สอง จะมีการเข้าแคมป์ก่อนปิดฤดูการฝึก เป็นระยะเวลา 5 วัน ตั้งแต่ 10.00 - 16.00 ซึ่งถือว่าเป็นแคมป์ที่หนักมากสำหรับเด็กอายุ 7 ขวบ แต่โค้ชกระซิบบอกว่า ไม่ได้ฝึกทั้งวันหรอก มีเล่นเกมส์ ดูวีดีโอการแข่งขัน และเรียนทฤษฎีต่าง ๆ ด้วย มีค่าใช้จ่ายเพียงค่าอาหารกลางวันเท่านั้น แล้วก็เป็นอย่างที่โค้ชบอกจริง ๆ มะลิสนุกมากตลอดทั้ง 5 วัน กลับมาบ้านก็พูดคุยไม่หยุดปาก
ในปีที่สามนี้ แม้จะทุลักทุเลเพราะโดนนโยบายช่วงโควิด แต่ทางสมาคมก็วิ่งเต้นให้มีการซ้อมของเด็ก ๆ จนได้ โดยมีมาตรการหลาย ๆ อย่างมารองรับ อาทิ ห้ามพ่อแม่เข้าไปในห้องแต่งตัว หรือห้องนั่งรอ ถ้าจะเข้ามารับที่สนามก็ต้องลงชื่อ เบอร์โทร และใส่หน้ากากให้มิดชิด
8 ขวบแล้วค่า
เคยถามพ่อมะลิว่า ทางสมาคมได้อะไรจากการออกค่าใช้จ่ายเสื้อผ้าอุปกรณ์ต่าง ๆ และยังมีโค้ชอาสามาฝึกซ้อมให้เด็ก ๆ ตลอดทั้งปีแบบนี้ ได้รับคำตอบว่า
ข้อหนึ่งเพื่อเฟ้นหาช้างเผือก ที่อาจจะกลายเป็นดาวรุ่งในอนาคต เพราะวงการไอซ์ฮอคกี้ในประเทศนี้ หรือในยุโรปเป็นที่นิยมมาก
ข้อสองก็คือเป็นเรื่องของจิตอาสาและบริการชุมชน การส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้เล่นกีฬาอย่างถูกต้องกับมืออาชีพ ต่อให้ไม่ได้หวังผลว่าจะพัฒนาจริงจังในอนาคต อย่างน้อยเด็ก ๆ ก็ได้พัฒนาสกิลหลากหลายจากกีฬาประเภทนี้ไม่ใช่แค่ร่างกายแข็งแรงอย่างเดียว
ส่วนเรื่องรายได้ของสมาคมนั้นมาจากสปอนเซอร์ต่าง ๆ ที่เป็นแฟนทีมฮอคกี้ของสมาคม บริจาคเงินให้ทุกปี เพราะรู้ว่าเงินที่ลงไปคือการสนับสนุนเยาวชนให้ได้ค้นหาตัวเองและเรียนรู้ที่จะใช้เวลาอย่างเกิดประโยชน์
บ้านเราส่งเสริมให้มะลิเล่นกีฬา เพื่อหวังผลเรื่องวินัย น้ำใจนักกีฬา และความแข็งแรงเป็นสำคัญ ส่วนจะเป็นดาวรุ่งหรือไม่ รู้สึกว่าจะไม่มีแวว เพราะนางไม่ใช่สายปะทะ และไม่ชอบบุก ถ้าเห็นท่าไม่ดีจะโดนชาร์จ นางฉีกออกทันที เอ่อออ น่าให้ไปลองไอซ์สเก็ตลีลาสวยงามแทน
ป.ล.
แสตมป์ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ใช้คำว่า “Helvetia”
ซึ่งเป็นชื่อประเทศดั้งเดิม แทนคำว่า “Switzerland” อันเป็นชื่อประเทศในปัจจุบัน
ดังนั้นนักสะสมที่เก็บแสตมป์จากทั่วโลก ถ้าไม่รู้มาก่อน
ก็จะวิ่งวุ่นแทบตายว่า ทำไมไม่มีแสตมป์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์เลยนะ
โฆษณา