Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อยากทำไป-มด
•
ติดตาม
18 ก.พ. 2021 เวลา 10:05 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิวหลังดู Start up
ปลายปีที่แล้ว กระแสซีรี่ย์ Start up ดังมาก เกิด #ทีมพระรอง เต็มหน้าฟีดในเฟสบุ๊ก เราก็รอจนครบ 16 ตอนจบ ก็หาเวลาดู ก่อนดูมันมีอคติต่อพระเอกเป็นทุนเดิม ทั้ง ๆ ยังไม่เคยรู้เนื้อเรื่อง ไม่เคยเห็นหน้า
พูดง่าย ๆ เตรียมอวยพระรองตั้งแต่ยังไม่เริ่มดู เคยผ่านตามีคนทำลิสต์แยกเป็นหัวข้อ ๆ เลยว่า พระรองทำอะไรให้นางเอกบ้าง ส่วนพระเอกแทบไม่ค่อยทำอะไรให้นางเอกเลย อ่านดูก็เทใจให้พระรองไปหมดแล้ว
1
ใช่ค่ะ ฉันคือคนที่พร้อมจะตามกระแสไปแบบหน้ามึน ๆ นี่แหละค่ะ
แต่พอดูแล้วก็มีคำถามขึ้นมาในหัวขึ้นเรื่อย ๆ ว่า นี่ฉันดูเรื่องเดียวกันกับคนที่เชียร์พระรองอยู่รึเปล่าหว่า คงเรื่องเดียวกันแหละ แต่ว่าดูตั้งแต่ต้นจนจะจบ ก็ยังไม่รู้จะเชียร์พระรองตอนไหนดีเลย ไม่มีคำถามด้วยว่า นางเอกรักพระเอกตอนไหน เมื่อไหร่ ทำไม อย่างไร
เพราะรู้ว่านางเอกนั้น เทใจไปให้ นัมโดซาน ตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากันแล้ว อีจดหมายเป็นกระบุงนั้นแทบไม่มีความหมายอะไรเลยค่ะ
แถมนัมโดซานก็ไม่ขี้เหร่นะ ซึ่งไม่ได้หมายถึงหน้าตา เพราะทั้งเรื่องหน้าตาดีหมดแหละ ตัวรองๆที่ทำตัวตลก ๆ ยังหน้าตาดี แต่ไม่ขี้เหร่ในที่นี้คือ เป็นคนใช้ได้ เป็นคนเก่ง ฉลาด ใสซื่อ จิตใจดี พร้อมทุ่มเท พร้อมเข้าใจ พร้อมเข้าข้าง ฯ คุณสมบัติพระเอกโคตรครบน่ะ ไม่มีช่องว่างให้พระรองแทรกเข้ามาได้เลย
ดังนั้นทั้งเรื่องก็ไม่รู้ว่าพระรองที่ไม่พร้อมและไม่กล้า จะเอาอะไรไปสู้เค้าตอนไหน ขนาด 3 ปีที่ไม่มีคู่แข่งเลย ยังทำอะไรให้กระเตื้องขึ้นไม่ได้ ก็สมควรนั่งร้องไห้กับ AI ไปคนเดียวเถิดหนา
1
สรุปว่าในแง่มุมเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในเรื่องเราไม่ติดใจ ไม่ติด #ทีมพระรองด้วย เพราะคุณสมบัติของหัวหน้าทีมฮันนั้นเหมาะสมกับการเป็นพระรองด้วยประการทั้งปวง
📍📍📍
แต่เรื่องที่อยากเขียนถึงเมื่อได้ดูจบแล้วนั้น คือเรื่องความสัมพันธ์ของนัมโดซานพระเอกของเรากับคุณพ่อเค้า ฉากที่ประทับใจที่สุดในเรื่องก็คือตอนนัมโดซานพูดว่า
1
“พ่อไม่ใช่ความภูมิใจของผม และ ผมก็ไม่ใช่ความภูมิใจของพ่อ การอยู่โดยมีความภูมิใจของคนอื่นแบกไว้ตลอดเวลามันเหนื่อยมากนะ เรามาเป็น พ่อลูกกันเถอะ”
1
นี่ดูอยู่ต้องกด pause ปล่อยให้น้ำตาไหลเป็นสายเงียบ ๆ แล้วดื่มด่ำกับความหมายนี้อยู่สักพักเลยทีเดียว วันก่อนก็เพิ่งตอบคอมเม้นท์กับน้องคนหนึ่งทางเฟสไปว่า
1
ไม่อยากให้ลูกต้องมาแบกความรักความเป็นห่วงของพ่อแม่ ในอนาคตจะตัดสินใจอะไรก็ให้คิดแค่ความสุขของตัวเองเป็นหลัก ไม่ใช่ความรักความห่วงใยของพ่อแม่เป็นหลัก ไม่อยากให้ลูกเสียโอกาสอะไรในชีวิตไปเพราะต้องมาห่วงความรู้สึกพ่อแม่
ฉากที่สองที่ประทับใจก็คือฉากย้อนอดีตตอนที่นัมโดซานวัยเด็กได้ไปพบกับนักเบสบอลที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ซึ่งพี่เค้าก็ถามคำถามปกติว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร นัมโดซานกำลังจะอ้าปากตอบ พ่อก็ดึงไปกระซิบอะไรซักอย่าง เด็กน้อยนัมโดซานมีสีหน้าสลดลง
แล้วก็ตอบคำถามที่พ่อกระซิบบอก พี่นักเบสบอลมองเหตุการณ์อยู่ กำลังจะส่งลูกเบสบอลที่เซนต์ชื่อและเขียนเสร็จแล้วว่า Follow the Dream พอเห็นดังนั้นก็หยิบลูกเบสบอลใหม่มาเขียนว่า Follow your Dream ยื่นส่งให้กับเด็กน้อยนัมโดซานแล้วพูดว่า
“นัมโดซาน Follow your dream เข้าใจมั้ย Follow “YOUR” dream นะ”
ทั้งสองฉากคือบทสรุปเดียวกันของคน ๆ หนึ่งที่ควรให้ค่าความฝันของตนเอง มากกว่าความฝันของคนอื่น ต่อให้คนอื่นนั้นคือพ่อแม่ก็ตาม เพราะคนที่ต้องแบกรับความผิดหวัง ความเหนื่อยยากลำบากกายใจระหว่างทางที่ทำตามความฝัน ก็คือตัวผู้ฝันเองเท่านั้น
2
10
เขียนบันทึกหลังการดูนี้เพื่อให้อยู่ในเฟสบุ้ค มันจะได้ขึ้นมาเตือนเราทุกปี เผื่อวันใดที่เรากำลังจะทำให้ลูกต้องมาแบกความภูมิใจของเรา ความรักความฝันของเรา จะได้เตือนให้ได้รู้ว่า ชีวิตของลูก ความฝันของลูก ต้องให้เค้าจัดการเอง รับมือเองทั้งร้ายและดี
1
2
ขอบคุณที่เข้ามาติดตามอ่าน
มาให้กำลังใจกันนะคะ ดีใจ ปลื้มใจมากค่ะ
🥰
1
3 บันทึก
34
61
10
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Movie - Review ไปเรื่อย
3
34
61
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย