Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
25 ก.พ. 2021 เวลา 03:50 • หนังสือ
#10 เล่ม 2 บทที่ 3 หน้า 70 ~ 77
...
ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นในจักรวาลล้วนเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ พระเจ้าไม่เคยทำสิ่งผิดพลาดมายาวนานชั่วนิรันดร์แล้ว
เมื่อไหร่ที่เธอเห็นความหมดจดสมบูรณ์ในทุกสิ่ง มิใช่เพียงแค่ในสิ่งที่เธอเห็นพ้อง แต่ยังในสิ่งที่เธอไม่ยอมรับ (โดยเฉพาะสิ่งนี้)
🔸เมื่อนั้นเธอได้เข้าถึงความเป็นคุรุแล้ว🔸
…
…
…
N : ผมทราบแล้วครับ เราคุยเรื่องพวกนี้กันมาหมดแล้วในเล่มแรก แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่าน ผมว่ามันสำคัญที่จะต้องปูพื้นความเข้าใจไว้แต่เนิ่นๆในเล่มนี้ ผมถึงได้นำเข้าสู่คำถามและคำตอบพวกนี้ไง
แต่ก่อนที่จะไปกันต่อ ผมอยากคุยต่ออีกนิดเกี่ยวกับเรื่องของแนวคิดทางศาสนาบางอย่างอันน่าสับสนมากๆที่มนุษย์เราได้สร้างขึ้นมา อย่างเช่น ผมถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าผมคือคนบาป มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนบาปซึ่งพวกเราไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ พวกเราเกิดมาเป็นแบบนั้น เกิดมาพร้อมกับบาป
G : เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ พวกเขาสอนให้เธอเชื่อแบบนั้นได้ยังไง❓
N : พวกเขาบอกเราถึงเรื่องราวของอดัมกับอีฟ บอกเราไว้ในตำราที่สรุปหลักคำสอนของคริสต์ตอนเรียนอยู่เกรด 4 เกรด 5 และเกรด 6 ว่า แม้พวกเราไม่ได้เป็นคนทำบาป (และแน่นอนว่าเด็กทารกไม่ได้ทำแน่ๆ) แต่อดัฟกับอีฟทำ และพวกเราก็คือผู้สืบเชื้อสายมาจากคนทั้งสอง ก็เลยได้รับสืบทอดความผิดที่ทั้งสองได้ทำ ตลอดจนธรรมชาติแห่งความชั่วร้ายนั้นมาด้วย
พระองค์เห็นมั้ยว่า อดัมกับอีฟไปกินผลไม้ต้องห้ามเข้า (จึงเกิดสำนึกแห่งความรู้ดีรู้ชั่ว★) ดังนั้นทายาทและผู้สืบเชื้อสายทั้งหมดจึงถูกพิพากษาให้แยกออกจากพระเจ้าตั้งแต่เกิด เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับ "บาปแรก" (บาปกำเนิด) ในวิญญาณ
เราทุกคนร่วมกันแบกรับความผิดนี้ ฉะนั้นการที่เราได้รับทางเลือกอิสระก็เพื่อให้เราเลือกว่า ผมเดานะ เราจะทำแบบเดียวกับอดัมและอีฟ ที่ไม่ยอมเชื่อฟังพระเจ้า หรือเราจะสามารถเอาชนะความโน้มเอียงตามธรรมชาติที่ได้รับสืบทอดมาที่จะ "ทำเลว" และหันมาทำดีแทนได้หรือเปล่า ท่ามกลางสิ่งเย้ายวนต่างๆนาๆบนโลก
★พระธรรมปฐมกาลกล่าวว่า ครั้งพระเจ้าสร้างโลก พระองค์ทรงสร้างสวนอีเดนขึ้นและให้มนุษย์คนแรก (อดัม) อยู่ที่นั่น โดยออกคำสั่งว่าบรรดาผลไม้ที่อยู่ในสวนนี้กินได้ทั้งหมด เว้นแต่ผลไม้แห่งสำนึกของความดีและความชั่ว จากนั้นก็ทรงสร้างคู่อุปถัมภ์ให้แก่อดัมเพื่ออยู่ร่วมกันเป็นหญิงชื่อว่าอีฟ มนุษย์คู่แรกของโลกจึงเป็นอดัมกับอีฟ วันหนึ่งงูได้ล่อลวงให้ทั้งคู่กินผลไม้ต้องห้ามนี้เข้าไป พระเจ้าจึงสาปแช่งและขับไล่ทั้งคู่ออกจากการมีชีวิตนิรันดร์ในสวนอีเดนให้ไปใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์เดินดินธรรมดา มนุษย์จึงถูกตัดขาดการเชื่อมโยงตามธรรมชาติกับพระเจ้านับแต่นั้นเป็นต้นมา
~ ผู้แปล ~
G : และถ้าเธอ "ทำเลว" ❓
N : พระองค์ก็ส่งเราลงนรก
G : ฉันส่งเธอลงนรก❓
N : ถูกต้องครับ เว้นแต่ว่าเราได้สำนึกผิด
G : อืม เข้าใจ
N : หากเรากล่าวว่าเราเสียใจ (กล่าวคำสารภาพบาป) แสดงออกว่าได้สำนึกผิดแล้วอย่างแท้จริง พระองค์จะช่วยให้เรารอดพ้นจากการตกนรก แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เราพ้นจากความทุกข์ เรายังคงต้องไปยัง "สถานที่ชำระบาปของวิญญาณ"★ (หรือไฟชำระ : Purgatory) เสียก่อน เพื่อชำระล้างความผิดบาปของวิญญาณ
★Purgatory : ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นี่คือสถานที่ชั่วคราวที่วิญญาณต้องเข้าไปรับโทษทัณฑ์จาก บาปที่ให้อภัยได้ หรือบาปเบา (Venial Sin) เพื่อชำระล้างดวงวิญญาณ
~ ผู้แปล ~
G : แล้วเธอจะต้องอยู่ใน "สถานที่ชำระบาปของวิญญาณ" นั้นนานแค่ไหน❓
N : แล้วแต่ครับ เราต้องเผาชำระบาปให้หมดก่อน ไม่น่าพอใจนักหรอกครับจะบอกให้ ยิ่งมีบาปมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งต้องใช้เวลาในการเผาชำระมันมากขึ้นและต้องอยู่กับมันนานมากขึ้นเท่านั้น ผมได้รับการบอกกล่าวมาอย่างนั้นนะครับ
G : ฉันเข้าใจ
N : แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องตกนรกซึ่งต้องอยู่ไปชั่วนิรันดร์ ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าเราตายไปพร้อมกับบาปมหันต์ เราก็`ดิ่งตรง`ลงนรกไปเลย
G : บาปมหันต์❓ (Mortal sin)
N : ตรงข้ามกับบาปที่ให้อภัยได้ครับ (Venial Sin) ถ้าเราตายโดยที่มีบาปที่อภัยได้ติดตัวไปด้วย เราก็แค่ต้องไปที่ "สถานที่ชำระบาปของวิญญาณ" แต่กับบาปมหันต์เราก็ลงนรกไปได้เลย
G : เธอสามารถให้ตัวอย่างของบาปประเภทต่างๆที่เธอได้รับการบอกกล่าวมาได้ไหม❓
N : ได้ครับ บาปมหันต์จะเป็นเรื่องใหญ่ประเภทอาชญากรรมร้ายแรง ความผิดหนักทางศาสนา อย่างเช่น การฆาตกรรม การข่มขืน การลักทรัพย์ ส่วนบาปที่ให้อภัยได้ก็รุนแรงน้อยลงมา ความผิดเบาทางศาสนา เช่น ไม่ยอมไปโบสถ์วันอาทิตย์ หรือสมัยก่อนก็จะเป็นกินเนื้อในวันศุกร์
G : เดี๋ยวก่อนนะ❗ "พระเจ้าของพวกเธอองค์นี้" ส่งเธอไปยังสถานที่ชำระบาปของวิญญาณถ้าเธอกินเนื้อในวันศุกร์❓
N : ใช่ครับ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ไม่ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 16 (ค.ศ. 1960) เป็นต้นมา แต่หากเรากินเนื้อในวันศุกร์ในช่วงก่อนทศวรรษที่ 16 ความวิบัติจะบังเกิดแก่พวกเรา
G : จริงหรือ❓
N : แน่นอนครับ
G : ทีนี้ เกิดอะไรขึ้นช่วงต้นทศวรรษที่ 16 ถึงทำให้ "บาป" นี้ไม่ถือว่าเป็นบาปอีก❓
N : พระสันตะปาปาบอกว่ามันไม่เป็นบาปอีกต่อไป
G : เข้าใจล่ะ พระเจ้าองค์นี้ของพวกเธอ`บังคับ`ให้เธอต้องสักการะบูชาเขาและต้องไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกลงโทษอย่างเจ็บปวด❓
N : ใช่ครับ การไม่ยอมเข้าร่วมชุมนุมในโบสถ์ถือเป็นบาป และหากไม่ได้สารภาพบาป (ถ้าตายไปพร้อมกับบาปที่ยังติดอยู่ในวิญญาณ) ก็จะต้องไปอยู่ ณ สถานที่ชำระบาปของวิญญาณ
G : แต่ว่า...แล้วพวกเด็กๆล่ะ❓ เด็กไร้เดียงสาตัวเล็กๆที่ยังไม่รู้เกี่ยวกับ "กฎ" ที่พระเจ้าชื่นชอบพวกนี้❓
N : คือว่า ถ้าเด็กตายก่อนได้เข้าพิธีล้างบาป (บัพติส หรือ พิธีศีลจุ่ม) ของศาสนจักร เด็กคนนั้นก็ต้องไปอยู่ ณ "ลิมโบ" (Limbo : ที่กักขังวิญญาณ)
G : ไปอยู่ที่ไหนนะ❓
N : ลิมโบครับ มันไม่ใช่สถานที่ที่มีไว้ทำโทษหรอก แต่ก็ไม่ได้เป็นสวรรค์ด้วยเหมือนกัน มันเป็น...เอ่อ...ลิมโบ น่ะครับ เราไม่สามารถไปอยู่กับพระเจ้าได้ แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องไป "อยู่กับมาร"
G : แต่ทำไมเด็กน้อยน่ารักไร้เดียงสาเหล่านั้น (ที่ตายก่อนเข้าพิธีศีลจุ่ม) ถึงไปอยู่กับพระเจ้าไม่ได้ เด็กไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย...
N : มันก็จริงครับ แต่เด็กไม่ได้เข้าพิธีล้างบาป แม้เด็กจะไม่ได้ทำผิด หรือไร้เดียงสาแค่ไหน (หรือไม่ว่าใครก็ตาม) พวกเขาต้องเข้าพิธีล้างบาปก่อนถึงจะได้ขึ้นสวรรค์ ไม่อย่างนั้นพระเจ้าก็ไม่อาจยอมรับพวกเขาได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงสำคัญมากที่จะต้องพาเด็กไปเข้าพิธีล้างบาปอย่างรวดเร็วหลังจากที่คลอดแล้ว
G : ใครเป็นคนบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับเธอ❓
N : พระเจ้าครับ ผ่านทางโบสถ์ของพระองค์
G : โบสถ์ไหน❓
N : มันก็ต้องเป็นโบสถ์ของนิกายโรมันคาทอลิกแน่นอนอยู่แล้วครับ นี่คือโบสถ์ของพระเจ้า จริงๆแล้วถ้าคุณเป็นคาทอลิกแล้วดันไปเข้าโบสถ์ของนิกายอื่น นั่นก็ถือว่าบาปเหมือนกัน
G : ฉันนึกว่าไม่ไปโบสถ์ถึงจะเป็นบาปเสียอีก❗
N : ก็ใช่ครับ เพียงแต่ถ้าเข้า`ผิด`โบสถ์ก็ถือว่าบาปเหมือนกัน
G : โบสถ์ที่ "ผิด" คือ❓
N : ทุกๆโบสถ์ที่ไม่ใช่ของนิกายโรมันคาทอลิกครับ คุณไม่สามารถเข้าพิธีล้างบาปในโบสถ์ที่ผิด แต่งงานในโบสถ์ที่ผิดก็ไม่ได้ (แค่เข้าโบสถ์ผิดยังไม่ได้เลย) ที่ผมรู้เรื่องนี้ก็เพราะสมัยหนุ่มๆผมได้ถูกร้องขอให้ไปงานแต่งงานของเพื่อนพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งจริงๆผมถูกขอให้อยู่ในพิธีในฐานะเจ้าหน้าที่นำแขก★ แต่กลุ่มของแม่ชีบอกผมว่าผมไม่ควรรับคำเชิญเพราะเป็นโบสถ์ที่`ผิด`
—ความเห็นแอดมิน—
★เจ้าหน้าที่นำแขกก็คือ คนที่คอยนำแขกเข้าไปนั่งตามที่ๆถูกหนดไว้
G : แล้วเธอทำตามที่พวกเขาบอกหรือเปล่า❓
N : แม่ชีหรือครับ❓ เปล่าครับ ผมคิดของผมว่าพระเจ้า (พระองค์น่ะ) คงจะสำแดงตนที่โบสถ์อื่นๆไม่ต่างจากที่จะสำแดงตนในโบสถ์ของผมด้วยความเต็มใจ ผมก็เลยไป ผมได้ยืนอยู่ในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ในชุดทักซิโดและผมก็รู้สึกดีด้วย
G : ดีแล้ว ถึงตรงนี้เรามีทั้ง...
▶️ สวรรค์
▶️ นรก
▶️ สถานที่ชำระบาปของวิญญาณ (Purgatory)
▶️ สถานที่กักขังวิญญาณ (Limbo)
▶️ บาปมหันต์ (Mortal sin)
▶️ บาปที่ให้อภัยได้ (Venial sin)
ยังมีอะไรอีกไหม❓
N : ก็มี ➡️พิธีศีลกำลัง ➡️ศีลมหาสนิท ➡️ศีลอภัยบาป ➡️พิธีไล่ปีศาจ ➡️ศีลเจิมครั้งสุดท้าย★ แล้วก็...
★ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการของนิกายโรมันคาทอลิก ประกอบไปด้วย :
1️⃣ ศีลจุ่ม (Baptism) : เกิดจากความเชื่อว่าทุกคนมีบาปแต่กำเนิด เพื่อให้ได้รับความรอดจึงต้องมีการล้างบาปเสียก่อน
2️⃣ ศีลกำลัง (Confirmation) : พิธีรับพระจิตมาอยู่ในตน
3️⃣ ศีลมหาสนิท (Communion) : พิธีเพื่อให้ได้อยู่แนบสนิทกับพระเยซู 4️⃣ ศีลอภัยบาป (Confession) : เมื่อสำนึกว่าตนได้กระทำบาปและต้องการแก้ตัวจึงไปหาบาทหลวงเพื่อทำพิธีสารภาพบาป
5️⃣ ศีลสมรส (Matrmony) : พิธีที่บาทหลวงทำให้คู่บ่าวสาว
6️⃣ ศีลบวช (Ordination) : พิธีที่กระทำให้กับผู้ศรัทธาจะเป็นนักบวชเพื่อทำงานศาสนกิจ
7️⃣ ศีลเจิมครั้งสุดท้าย (Extream Unction) : พิธีที่กระทำแด่ผู้ป่วยที่ใกล้ถึงวาระสุดท้ายเพื่อชำระบาป อธิษฐานและให้กำลังใจผู้ป่วยให้จิตสงบก่อนจากไป
~ ผู้แปล ~
G : เดี๋ยวก่อนๆ
N : แล้วก็มี ➡️วันนักบุญผู้อุปถัมภ์ มี ➡️วันฉลองบังคับอันศักดิ์สิทธิ์★
— ความเห็นแอดมิน —
★วันฉลองบังคับอันศักดิ์สิทธิ์ หรือ วันสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อทางศาสนาคริสต์ อ่านเพิ่มเติมได้ตามลิงค์ครับ
souyza1888.wordpress.com
วันสำคัญทางศาสนาคริสต์ นิกายโรมันทาทาลิก
วันที่ ๑ มกราคม สมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีพระเป็นเจ้า พร…
อ่านเพิ่มเติม
G : 🔸ทุกๆวันล้วนศักดิ์สิทธิ์
🔸ทุกๆนาทีล้วนควรค่าแก่การบูชา
🔸ที่นี่เดี๋ยวนี้คือห้วงขณะอันศักดิ์สิทธิ์
N : ใช่ครับ แต่จะมีบางวันที่ศักดิ์สิทธิ์`จริงๆ` เช่นวันฉลองบังคับอันศักดิ์สิทธิ์ และในวันเหล่านั้นเราก็ต้องไปโบสถ์ด้วย
G : แล้วเราก็กลับมาที่เรื่องที่ "ต้องทำ" อีกครั้ง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่ทำ❓
N : 🔹บาป🔹
G : แล้วพวกเธอก็ตกนรก
N : ก็...คุณต้องไปยังสถานที่ชำระบาปของวิญญาณถ้าคุณตายไปพร้อมกับบาป นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงควรต้องไปสารภาพบาป จริงๆแล้วยิ่งบ่อยยิ่งดี บางคนไปทุกอาทิตย์ บางคนไปทุกวัน ด้วยวิธีนี้เราถึงสามารถทำให้ตัวเองสะอาดบริสุทธิ์ ต้องทำให้สะอาดเข้าไว้เผื่อต้องตายขึ้นมา...
G : ว้าวว 🔸ใช้ชีวิตด้วยความกลัวอยู่ตลอดเวลา🔸
N : ใช่ครับ เห็นมั้ยล่ะว่านี่คือวัตถุประสงค์ของศาสนา คือการใส่ "ความกลัวพระเจ้า" เข้ามาในตัวเรา เราจะได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและไม่หลงไปกับสิ่งยั่วยวน
G : นั่นสินะ แล้วถ้าเกิดเธอทำ "บาป" อีกหลังสารภาพไปแล้ว แต่ดันเกิดอุบัติเหตุหรือบางอย่างขึ้นกับเธอและตายล่ะ❓
N :ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องตกใจไป แค่กระทำการอันสมบูรณ์แบบด้วยการสำนึกผิดว่า "โอ พระเจ้า ข้าพระองค์เสียใจอย่างสุดซึ้งที่ทำให้พระองค์ไม่พอใจ..."
G : โอเคๆ พอแล้วล่ะ
N : แต่เดี๋ยวครับ นั่นแค่ศาสนาเดียวเองนะ ไม่อยากฟังของศาสนาอื่นๆบ้างหรือครับ❓
G : ไม่ต้อง ฉันเห็นภาพแล้ว
N : เอ่อ...ผมหวังว่าคนทั่วไปคงไม่คิดว่าผมหัวเราะเยาะความเชื่อของพวกเขาหรอกนะครับ
G : เธอไม่ได้หัวเราะเยาะใครจริงๆหรอก แค่พูดไปตามที่เป็นเท่านั้นเอง เหมือนที่ประธานาธิบดีอเมริกาของพวกเธอ 'แฮร์รี่ ทรูแมน' เคยพูดไว้ไง
"เอานรกให้พวกเขาซะแฮร์รี่❗" ประชาชนป่าวร้อง และแฮร์รี่ตอบว่า "ไม่ต้องเอานรกให้พวกเขาหรอก แค่ผมพูดความจริงออกไปตรงๆก็ให้`ความรู้สึก`เหมือนนรกแล้ว"★
— ความเห็นแอดมิน —
★คำพูดประโยคนี้เกิดขึ้นในปี 1948 ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิปดี ในระหว่างที่ แฮร์รี่ ทรูแมน กำลังปราศัยถึงพรรครีพับลิกันอยู่นั้น ผู้ฟังการปราศัยได้ตะโกนออกมา ตามที่พระองค์กล่าวไว้ข้างบน จนประชาชนผู้สนับสนุนเขาได้ใช้ประโยคนี้ "เอานรกให้พวกเขาซะ แฮร์รี่" เป็นสโลแกนประจำตัวชั่วชีวิตของ แฮร์รี่ ทรูแมน
(จบ)(บทที่ 3)
1 บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สนทนากับพระเจ้า เล่ม 2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย