1 มี.ค. 2021 เวลา 01:08 • สิ่งแวดล้อม
ในป่าดิบชื้นลุ่มต่ำที่คลองมอญซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของคลองพระแสงในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผมพบนกกระสาคอขาวปากแดงคู่หนึ่งกำลังทำรังอยู่
จึงทำการบันทึกสภาพรังและข้อมูลเกี่ยวกับลูกนก เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ซึ่งเป็นผืนป่าดิบชื้นลุ่มต่ำผืนใหญ่และผืนสุดท้ายในประเทศไทย กำลังถูกน้ำท่วมเนื่องจากการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน
จึงน่าวิตกว่านกกระสาพันธุ์ที่เพิ่งค้นพบในประเทศไทยอาจต้องสูญพันธุ์ไปจากถิ่นนี้
การพบนก
กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ได้มอบหมายให้ผมดำเนินโครงการจับและย้ายสัตว์ป่าที่ติดค้างอยู่ในอ่างเก็บน้ำเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทางตอนใต้ของไทย ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จและเริ่มเก็บน้ำแล้ว โดยให้ผมเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2529
อ่างเก็บน้ำดังกล่าวเมื่อกักน้ำเต็มจะท่วมพื้นที่ 165 ตารางกิโลเมตร ในระดับความสูง 95 เมตรจากระดับน้ำทะเล พื้นที่ที่น้ำท่วมคือแถบคลองแสงและลำธารที่เป็นสาขา ซึ่งอยู่ในบริเวณรอยต่อระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง (1,236 ตารางกิโลเมตร) และอุทยานแห่งชาติเขาสก (645.5 ตารางกิโลเมตร)
การสร้างเขื่อนได้รับอนุมัติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2525 ตามรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การกักน้ำจะใช้เวลา 4 ปี โดยเริ่มในเดือนเมษายน 2529 และมีการตัดไม้ในพื้นที่ป่าไม้ที่มีระดับต่ำกว่า 100 เมตร ปัจจุบันขั้นตอนเหล่านี้ยังดำเนินการอยู่
ผมและผู้ร่วมงานนั่งเรือยนต์ไปเกือบทั่วอ่างเก็บน้ำ ไปตามเกาะต่างๆ ที่เกิดเพราะการกักน้ำจำนวน 241 แห่ง เพื่อจับและย้ายสัตว์ ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก และสัตว์เลื้อยคลาน
วันที่ 27 กันยายน 2529 ผมเห็นนกตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่ต้นยางซึ่งโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ตอนแรกผมคิดว่าเป็นนกเงือก แต่เมื่อใช้กล้องส่องทางไกลส่องมองแล้วผมแน่ใจว่านกตัวนั้นเป็นนกกระสาที่มีปากสีส้มสด มันกระโดดจากกิ่งไม้ไปยังง่ามใหญ่และนั่งหมอบลงบนรังขนาดใหญ่
นกตัวที่สองหลังจากบินวนแล้วก็ร่อนลงยังต้นรังอีกต้นซึ่งถูกน้ำท่วมเช่นกัน โดยอยู่ห่างออกไป 70 เมตร
เมื่อค้นในหนังสือของคิง (King) และคณะแล้ว ก็บอกได้ว่านกตัวนี้เป็นนกกระสาคอขาวปากแดงเพราะปากของมันมีสีส้มสดและมีแถบขนสีดำขึ้นที่ข้างคอ
ผมไปที่นั่นอีกในวันต่อมา และพบรังนกอีกรังหนึ่งที่ต้นยางห่างจากต้นแรก 200 เมตร เป็นรังเก่าร้างแล้ว ดังนั้น ผมจึงไปบริเวณนั้นอีกในวันที่ 15 วันที่ 17 และ 21 ตุลาคม โดยใช้เวลาเฝ้าดูครั้งละไม่เกิน 15 นาที เพื่อเลี่ยงการรบกวน
ทุกครั้งจะเห็นนกตัวหนึ่งกำลังกกไข่อยู่ แม้ว่าระดับน้ำกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ใบของต้นยางยังเขียวและให้ร่มเงาแก่รังนกได้เป็นอย่างดี
เมื่อผมกลับไปดูรังนกอีกในวันที่ 24 ตุลาคม (คือ 27 วันหลังจากเริ่มเห็นรังนก) ก็เห็นลูกนกสองตัว คิดว่าคงจะฟักออกจากไข่ช่วงระหว่างวันที่ 21-24 ตุลาคม
ผมเอาเรือหลบโดยจอดไว้ใต้ร่มไม้ห่างจากรังแรกประมาณ 100 เมตร รังนกสูงจากระดับน้ำไม่เกิน 15 เมตร และผมก็สามารถใช้กล้องติดเลนส์เทเลขนาด 1200 มม. ถ่ายภาพลูกนกและพ่อแม่นกที่เฝ้าลูกอยู่ได้หลายภาพ
ผมกลับไปยังบริเวณนั้นอีกครั้งในวันที่ 13 พฤศจิกายน แล้วไม่อาจกลับออกมาจนถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน เพราะผมพบว่ารังนกถูกทำลาย ไม่มีนกกระสาอยู่แถวนั้น
ผมกำลังสงสัยว่าลูกนกอาจถูกพวกนกเหยี่ยวจับกินเสียแล้ว แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าน่าจะเป็นชาวบ้านแอบลักไปมากกว่า
ถึงแม้ผมจะระวังไม่ให้เรื่องพบรังกระโตกกระตากเป็นที่สนใจ แต่มีชาวบ้านแล่นเรือไปมาในอ่างเก็บน้ำไม่น้อย อาจจะบังเอิญพบรังเข้าก็เป็นได้
เช้าวันที่ 23 พฤศจิกายน ชายคนหนึ่งมาเล่าให้ผมฟังเรื่องจับสมเสร็จและกระทิงได้บนเกาะ ผมถามเขาเรื่องลูกนกกระสาที่หายไป เขาสัญญาว่าจะถามเรื่องนี้กับชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้ๆ ที่ถูกย้ายออกจากบริเวณสร้างเขื่อนเชี่ยวหลานไปอยู่รอบนอก
เขากลับมาอีกครั้งในตอนเย็นและได้แจ้งแหล่งที่อยู่ของนก เขาพาเราไปยังบ้านของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บอกว่าจะคืนลูกนกให้แต่ขอให้เว้นโทษคนที่ขโมยลูกนกมา ลูกนกถูกปล่อยอยู่แถวลำธารเล็กๆ หลังบ้าน และตอนนั้นมืดแล้วเราจึงต้องใช้ไฟฉายส่องหา ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงจึงจะพบลูกนกทั้งสอง
นกตัวหนึ่งปากด้านล่างหักระหว่างการจับจากรัง เพราะชาวบ้านที่จับนกมาใช้ไม้ไผ่ยาว 12 เมตร กระทุ้งนกและรังให้ตกจากต้นไม้
ถึงแม้นกทั้งสองจะเดินได้แล้วโดยต้องกางปีกช่วยทรงตัว แต่มันก็ยังเล็กมาก ถ้าเราปล่อยกลับเข้าป่าคงจะมีชีวิตรอดยาก
คืนนั้นเราพามันกลับมายังศูนย์ศึกษาสัตว์ป่าและธรรมชาติที่เขาทำเพชร สุราษฎร์ธานี ให้อยู่ในกรงขนาด 6 ตารางเมตร มีกระจาดซึ่งบุด้วยขี้เลื่อยวางไว้ ลูกนกจะอยู่ในกระจาด แต่ถ้ามีใครเข้ามาใกล้จะยืนขึ้นและส่งเสียงร้อง
นกทั้งสองสามารถเดินไปกินปลาน้ำจืดซึ่งคนดูแลตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ได้ ต่อมาจึงย้ายไปอยู่กรงที่ใหญ่ขึ้น
เรื่อง การพบนกกระสาคอขาวปากแดงในประเทศไทย โดย สืบ นาคะเสถียร ยังมีต่อ ติดตามอ่านได้ในวันพรุ่งนี้
โฆษณา