4 มี.ค. 2021 เวลา 01:00 • ประวัติศาสตร์
ไต้หวันและจีนในความขัดแย้ง ความคลุมเครือ ของสถานะความเป็นประเทศ
ตอนที่1
ถ้าดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันของไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเริ่มแย่ลงอีกครั้งนับตั้งแต่ที่พรรค Democratic progressive party หรือ DPP ขึ้นมามีอำนาจในไต้หวันแทนที่พรรคก๊กมินตั๋งในปี 2016 เนื่องด้วยท่าทีของพรรคที่สนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวสนับสนุนไต้หวันเป็นเอกเทศจากประเทศจีน แต่เรื่องราวเบื้องหลังของความสัมพันธ์จีนและไต้หวันซับซ้อนกว่าการแบ่งแยกฝ่ายระหว่างประเทศจีนและไต้หวัน
ไต้หวันเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงไต้ของประเทศจีน ฝั่งตรงข้ามของมณฑลฝูเจี้ยนโดยมีช่องแคบไต้หวันกั้นระหว่างสองดินแดน ในตอนเริ่มแรกประชากรส่วนใหญ่ในไต้หวันเป็นชนพื้นเมือง จนกระทั่งชาวฮั่นเริ่มอพยพเข้ามาในศตวรรษที่ 17 สมัยราชวงศ์หมิง โดยที่มีเจิ้งเฉิงกง แม่ทัพฝ่ายราชวงศ์หมิงลี้ภัยมาและตั้งฐานทัพที่ไต้หวันเพื่อกอบกู้ราชวงศ์หมิงจากผู้รุกรานชาวแมนจู แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตและเกาะไต้หวันก็ถูกยึดครอง หลังจากนั้นชาวจีนก็เริ่มอพยพเข้าสู่ไต้หวันมากขึ้นโดยเฉพาะชาวจีนฮกเกี้ยนและชาวจีนฮากกา (จีนแคะ)
China and Taiwan
Sino-Japanese war
จนกระทั่งในปีค.ศ. 1895 จีนพ่ายแพ้ต่อญี่ปุ่นในสงครามจีนญี่ปุ่น และจบลงด้วยการที่ต้องส่งมอบไต้หวันให้กับจักรวรรดิญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเริ่มทำการเปลี่ยนแปลงไต้หวันในหลายๆด้าน ทั้งทางด้านสาธารณสุขและการคมนาคม คนไต้หวันที่อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นก็ถูกปลูกฝังค่านิยมความเป็นญี่ปุ่นทั้งทางด้านภาษาและวัฒนธรรม คนไต้หวันที่เกิดในยุคภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นก็มีความคิดว่าตัวเองก็เป็นคนญี่ปุ่นไม่ต่างจากคนญี่ปุ่นบนแผ่นดินใหญ่ พ่อแม่ก็ส่งเสริมให้บุตรหลานมีอนาคตที่ดีโดยการเรียนภาษาญี่ปุ่น เปลี่ยนชื่อตัวเองให้เป็นภาษาญี่ปุ่น ทำให้เกิดเป็นความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมระหว่างรุ่นพ่อแม่ที่ถูกปลูกฝังวัฒนธรรมจีนและรุ่นลูกที่ถูกปลูกฝังโดยวัฒนธรรมญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมท้องถิ่นเช่นภาษาฮกเกี้ยนจะไม่ถูกห้ามเผยแพร่ แต่ก็ไม่ได้ถูกสนับสนุนและอนุรักษ์
แต่แล้วสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ประทุขึ้น ฝ่ายญี่ปุ่นทำสงครามอย่างยาวนานกับประเทศจีนถึง 8 ปี ตั้งแต่ปีค.ศ. 1937-1945 ท้ายที่สุดฝ่ายญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในปี 1945 และต้องส่งมอบเกาะไต้หวันให้กับประเทศจีน ซึ่งในขณะนั้นอยู่ภายไต้การปกคองของรัฐบาลสาธารณรัฐจีนภายใต้พรรคก๊กมินตั๋ง ชาวไต้หวันเริ่มมีความหวังกับอนาคตที่ตัวเองไม่ต้องตกเป็นหนึ่งในประเทศผู้แพ้สงคราม ต่อมาคนจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มทยอยอพยพเข้ามาในไต้หวัน และด้วยความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม (ซึ่งคนพื้นถิ่นไต้หวันมีความเป็นญี่ปุ่น) ทำให้เกิดความบาดหมางและบางครั้งนำไปสู่การจลาจล
ชาวไต้หวันเฉลิมฉลองการกลับคืนสู่จีนอีกครั้งของไต้หวัน ปี1945
ในขณะเดียวกันสงครามกลางเมืองจีนระหว่างจีนคอมมิวนิสต์และจีนก๊กมินตั๋งเริ่มประทุ ข้าวสารและเสบียงต้องถูกส่งไปแนวหน้าทำให้ ข้าวสารราคาเพิ่มสูง สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไต้หวัน แต่เหตุการณ์การจลาจลสำคัญที่สุดก็คงเป็นเหตุการณ์ 228 ซึ่งเกิดขึ้นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี 1947 ฝ่ายทหารจีนที่ควบคุมเกาะไต้หวันยิงปืนใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่พอใจต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 กว่าราย จากเหตุการณ์เหล่านี้ คนไต้หวันจึงไม่ชอบทั้งคนญี่ปุ่นและคนจีน ดังที่สะท้อนในคำเปรียบเปรยที่ว่า หมาไปหมูก็มา (狗走豬來)
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็มาถึงเมื่อรัฐบาลสาธารณรัฐจีน ภายใต้พรรคก๊กมินตั๋ง โดยจอมพลเจียงไคเช็ก พ่ายแพ้สงครามบนจีนแผ่นดินใหญ่และตัดสินใจถอยร่นมาที่เกาะไต้หวัน และตั้งศูนย์กลายรัฐบาลที่เมืองไทเปในปลายปี 1949 และมีแผนที่จะทำให้ไต้หวันเป็นศูนย์กลางในการกอบกู้จีนแผ่นดินใหญ่จากการยึดครองของฝ่ายคอมมิวนิสต์ ในขณะเดียวกันฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์นำโดยเหมาเจ๋อตง ก็ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนที่กรุงปักกิ่ง ทำให้เกิดสถานะทำให้มีรัฐบาลสองรัฐบาลอยู่ในประเทศจีนในขณะเดียวกัน ในปี 1950 ถึงแม้ว่าฝ่ายรัฐบาลจีนคณะชาติสูญเสียดินแดนเกือบทั้งหมดบนจีนแผ่นดินใหญ่ (โดยเหลือแค่ดินแดนบางส่วนในมณฑลยูนนานและมณฑลเสฉวน) แต่ยังคงควบคุมเกาะนอกชายฝั่งประเทศจีนเช่นเกาะไหหลำ ทำให้ฝ่ายก๊กมินตั๋งยังคงสามารถสร้างแนวป้องกันทางทะเลเพื่อดักเรือสินค้าที่มุ่งหน้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่เพื่อค้าขายกับรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ (ในตอนนั้นฝ่ายก๊กมินตั๋งยังคงมีศักยภาพทางด้านกองทัพเรือเหนือกว่า) ถึงแม้จะเหลือดินแดนแค่ไต้หวันและเกาะเล็กๆนอกชายฝั่ง แต่รัฐบาลสาธารณรัฐจีนยังคงสถานะรัฐบาลที่ชอบธรรมในการปกครองประเทศจีนจนกระทั่งปี 1971
กองทัพปลดปล่อยประชาชนเข้าสู่เมืองเป่ยผิง (ปักกิ่ง ในปัจจุบัน) หลังขับไล่กองทัพฝ่ายก๊กมินตั๋งออกไปได้สำเร็จ
โฆษณา