Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
4 มี.ค. 2021 เวลา 04:53 • หนังสือ
#16 เล่ม 2 บทที่ 7 หน้า 110 ~ 119
N : ทำไมพระองค์ต้องสร้างขึ้นมาสองเพศด้วยครับ❓
นี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่พระองค์คิดออกในการสร้างพวกเราขึ้นมาใหม่หรือ❓
พวกเราควรจัดการยังไงกับประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ที่เรียกว่าเรื่องทางเพศนี้ดี❓
G : แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ด้วยความละอาย ด้วยความรู้สึกผิด และด้วยความกลัว
เพราะความละอายมิใช่ความถูกต้อง
ความรู้สึกผิดมิใช่สิ่งดีงาม และ
ความกลัวมิใช่สิ่งน่าเคารพ
และก็ไม่ใช่ด้วยความหมกมุ่น★ เพราะความหมกมุ่นมิใช่ความชอบ — ไม่ใช่ด้วยการละทิ้ง★★ เพราะการละทิ้งมิใช่อิสระภาพ — ไม่ใช่ด้วยการปฏิบัติอย่างก้าวร้าว เพราะการปฏิบัติอย่างก้าวร้าวมิใช่ความกระตือรือร้น
★ความหมกมุ่น : ไม่คิดอะไรอื่นเลยนอกจากเรื่องทางเพศ
★★การละทิ้ง : ฝืนกลั้นตัวเองอย่างยิ่งเพื่อละทิ้งเรื่องทางเพศซึ่งแตกต่างอย่างมากกับการเข้าใจเรื่องทางเพศแล้วจึงไม่สนใจมันแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
—แอดมิน—
ทั้งยังชัดเจนว่ามิใช่ด้วยแนวคิดที่จะควบคุม มีอำนาจเหนือหรือครอบงำ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความรักเลย
แต่...เราจะใช้เซ็กส์เพียงเพื่อตอบสนองความสุขส่วนตัวเท่านั้นได้ไหม❓
คำตอบที่น่าแปลกใจก็คือ `ได้` เพราะคำว่า "ความสุขส่วนตัว" คืออีกความหมายหนึ่งของคำว่า 🔸รักตนเอง🔸
ความสุขส่วนตัวถูกให้ความหมายว่าไม่ดีและถูกต่อว่ามาโดยตลอด ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมเซ็กส์ถึงทำให้ผู้คนรู้สึกผิดบาปมากเหลือเกิน
เธอถูกบอกไม่ให้ใช้สิ่งซึ่งเป็นความสุขสุดยอดที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตไปเพื่อความสุขของตน❗
ความขัดแย้งอย่างชัดเจนนี้ประจักษ์ชัดต่อเธอ แต่เธอก็ไม่รู้จะเอายังไงกับข้อสรุปที่ได้นี้ดี❗
ดังนั้นเธอก็เลยตัดสินใจว่าถ้าตัวเอง`รู้สึกผิด`เกี่ยวกับเรื่องที่เธอรู้สึกดีมากแค่ไหนระหว่างและหลังจากมีเพศสัมพันธ์ อย่างน้อยก็จะทำให้มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ขึ้นมาบ้าง
มันก็ไม่ต่างอะไรจากนักร้องที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งที่พวกเธอทุกคนรู้จักดี (ซึ่งฉันจะไม่บอกชื่อตรงนี้) เธอคนนี้มีรายได้เป็นล้านๆเหรียญจากการร้องเพลงเมื่อถูกขอให้แสดงความเห็นเรื่องความสำเร็จอันน่าเหลือเชื่อและความร่ำรวยที่ตามมา เธอบอกว่า "ฉันรู้สึกผิดมากเลยเพราะฉันรักสิ่งที่ทำอยู่นี้มาก"
ความหมายตรงนี้ชัดเจน นั่นคือ ถ้าเธอรักจะทำอะไรสักอย่าง เธอก็ไม่สมควรได้ผลตอบแทนเพิ่มเติมเป็นตัวเงิน "คนส่วนใหญ่หาเงินจากการทำสิ่งที่ตัวเองเกลียด" หรืออย่างน้อยก็จากการ "ทำงานที่เหนื่อยยากลำบากใจ" ไม่ใช่จากการ "ทำงานที่ปิติยินดีไม่รู้จบ❗"
ดังนั้นสารที่ทั้งโลกส่งออกมาก็คือ : 🔹ถ้าเธอรู้สึกแย่กับอะไรก็ตามแสดงว่าเธอสามารถสนุกกับมันได้❗🔹
เธอมักใช้ "ความรู้สึกผิด" เพื่อพยายามจะรู้สึกแย่ในสิ่งที่เธอรู้สึกดี เพื่อจะได้กลับไปคืนดีกับพระเจ้า... พระเจ้าองค์ที่เธอคิดว่าไม่ต้องการให้พวกเธอรู้สึกดีกับอะไรเลย❗
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอไม่ควรรู้สึกดีกับความสุขทางกาย และห้ามเด็ดขาดเกี่ยวกับเรื่อง (พูดแบบที่ยายของเธอเคยกระซิบบอก) "เ---ซ็---ก---ส์. . ."
ทีนี้ข่าวดีมีอยู่ว่า :
🔸ไม่เห็นเป็นไรเลยถ้าจะรักเซ็กส์❗
🔸และก็ไม่เห็นเป็นไรเลยถ้าจะรักตัวเอง❗
✴️จริงๆแล้วมันจำเป็นด้วยซ้ำ✴️
สิ่งที่`ไม่`เป็นผลดีต่อเธอก็คือ...`การที่เธอเสพติดเซ็กส์` (หรือไม่ว่าจะเสพติดอะไรก็ตาม) แต่มัน "ดีแล้ว" ถ้าจะตกหลุมรักเซ็กส์❗
หัดพูดคำนี้วันละ 10 ครั้ง :
💓 ฉันรักเซ็กส์ 💓
คำนี้อีก 10 ครั้ง :
💗 ฉันรักเงินทอง 💗
ที่นี้อยากได้ที่ยากจริงๆหน่อยมั้ย? ลองพยายามพูดคำนี้อีกสัก 10 ครั้ง :
💖 ฉันรักตัวฉันเอง❗💖
คำข้างล่างนี้เป็นอะไรที่พวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้รักสักเท่าไหร่ ลองหัดรักดูเสียบ้าง
🔹อำนาจ
🔹เกียรติยศ
🔹ชื่อเสียง
🔹ความสำเร็จ
🔹ชัยชนะ
เอามากกว่านี้อีกมั้ย? งั้นลองนี่ เธอควรจะรู้สึกผิดให้มากๆถ้าเธอรักในสิ่งเหล่านี้ :
🔸ยกย่องผู้อื่น
🔸เป็นคนที่ดีขึ้น
🔸มีมากขึ้นกว่าเดิม
🔸รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ
🔸รู้เหตุรู้ผลว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ
พอหรือยัง❓ ช้าก่อน❗ และนี่คือความรู้สึกผิดขั้นสุดยอด เธอควรจะรู้สึกผิดที่สุดในชีวิตถ้าเธอรู้สึกว่าตัวเองนั้น : ✴️รู้จักพระเจ้า✴️
น่าสนใจไหม❓ ที่ตลอดทั้งชีวิตของเธอถูกทำให้รู้สึกผิดเกี่ยวกับ...✴️สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด✴️
แต่ฉันจะบอกเธอว่า : จงรัก รัก รัก และก็รักในสิ่งที่เธอนั้นปรารถนา ✴️เพราะความรักจะดึงดูดสิ่งที่เธอปรารถนานั้นเข้าสู่ชีวิตของเธอ✴️
สิ่งเหล่านี้คือธรรมชาติของชีวิต
เมื่อเธอรักมันก็หมายความว่า...
✴️ เธอรักชีวิต❗✴️
เมื่อเธอรู้ชัดว่าเธอปรารถนาในสิ่งเหล่านี้ ✴️เธอได้ประกาศว่าเธอได้เลือกสิ่งดีๆทั้งหมดที่จะมีได้ในชีวิต❗✴️
ฉะนั้นจงเลือกเซ็กส์...เซ็กส์ทั้งหมดที่เธอสามารถสรรหา❗
จงเลือกอำนาจ...อำนาจทั้งหมดที่เธอสามารถเข้าถึง❗
จงเลือกชื่อเสียง...ชื่อเสียงทั้งหมดที่เธอสามารถไขว่คว้า❗
จงเลือกความสำเร็จ...ความสำเร็จทั้งมวลที่เธอสามารถบรรลุได้❗
และจงเลือกชัยชนะ...ชัยชนะทั้งปวงที่เธอสามารถมีประสบการณ์❗
🌟 ทว่าจงอย่าเลือกเซ็กส์มาแทนที่รัก...แต่จงเลือกเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองแห่งความรัก
🌟 จงอย่าเลือกอำนาจที่อยู่เหนือใคร...แต่จงเลือกอำนาจที่มีร่วมกัน
🌟 จงอย่าเลือกชื่อเสียงเป็นเป้าหมายสุดท้ายในชีวิต...แต่จงเลือกเพื่อเป็นหนทางสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า
🌟 จงอย่าเลือกความสำเร็จบนความสูญเสียของผู้อื่น...แต่จงเลือกเพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือผู้อื่น
1
🌟 และจงอย่าเลือกชัยชนะโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด...แต่จงเลือกชัยชนะที่ไม่ทำร้ายใครรวมทั้งให้ผู้อื่นได้ผลประโยชน์ไปพร้อมกัน
✨ เอาเลย "เลือกการยกย่องสรรเสริญผู้อื่นได้เลย" และจงมองทุกคนว่าเป็นผู้ที่มีอะไรบางอย่างให้เธอสามารถยกย่องสรรเสริญได้อยู่แล้ว และทำมันซะ❗
✨ เอาเลย "เลือกเป็นให้ดีขึ้นได้เลย" ทว่าไม่ใช่ให้ดีกว่าคนอื่น แต่ดีกว่าที่ตนเคยเป็นมา
1
✨ เอาเลย "เลือกมีให้มากขึ้นได้เลย" ทว่ามีเพื่อที่จะสามารถเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นได้มากขึ้น
✨ และก็ใช่ จงเลือก "การรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ" และ "รู้เหตุรู้ผลว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ" เพื่อเธอจะสามารถแบ่งปันความรู้ทั้งหมดนั้นแก่เพื่อนมนุษย์ได้
และแน่นอน ✴️จงเลือกรู้จักพระเจ้า✴️ ✨จริงๆแล้วควรเลือกสิ่งนี้ก่อนเป็นอันดับแรกแล้วสิ่งอื่นทั้งหมดจะตามมาเอง✨
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอถูกสอนว่า "การให้นั้นดีกว่าการรับ"
แต่ทว่า ✴️เธอไม่อาจให้ในสิ่งที่เธอไม่มีได้หรอก✴️★
★เราจะไปให้อะไรกับใครได้ในเมื่อเรายังไม่มีสิ่งนั้น เงิน? สิ่งของ? ความสุข? ความรัก? (ไม่เคยรักตัวเองเลยแล้วจะไปรักใครได้?) —แอดมิน—
นี่คือเหตุผลว่าทำไมการให้ความสุขกับตนเอง (self-gratification) นั้นถึงสำคัญมาก และมันเป็นสาเหตุที่ช่วยไม่ได้ที่สิ่งนี้ฟังแล้วให้ความหมายที่ไม่ดีเอาเสียเลย
💢แน่นอนว่าการให้ความสุขกับตัวเองที่ทำให้เกิดความสูญเสียต่อผู้อื่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ตรงนี้
💢และฉันก็ไม่ได้บอกให้ไม่ต้องสนใจเกี่ยวกับความต้องการของคนอื่นเลย แต่ชีวิตก็ไม่ควรต้องเพิกเฉยต่อความต้องการของตัวเองด้วยเหมือนกัน
✴️มอบความสุขแก่ตัวเองให้มากพอและเธอจะมีความสุขมากพอที่จะมอบให้กับผู้อื่น✴️
คุรุสายตันตระแห่งกามารมณ์เข้าใจเรื่องนี้ดี จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงสนับสนุนการสำเร็จความใคร่ให้ตัวเอง ซึ่งพวกเธอบางคนบอกว่ามันเป็นบาป
N : สำเร็จความใคร่❓ อะไรกันเนี่ย มากเกินไปแล้ว พระองค์พูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง นี่คือคำที่สมควรจะออกมาจากพระเจ้างั้นหรือครับ❓
G : ฉันเข้าใจ เธอมีคำตัดสินเกี่ยวกับการสำเร็จความใคร่ไว้แล้วสินะ
N : ผมเองไม่มีหรอกครับ แต่คนอ่านอีกตั้งเยอะอาจจะมีก็ได้ และผมก็คิดว่าพระองค์เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าเรากำลังจัดทำหนังสือให้คนอื่นๆได้อ่านกันด้วย
G : ใช่
N : แล้วทำไมพระองค์ถึงได้จงใจไปหาเรื่องให้คนอ่านต้องขุ่นเคืองด้วยล่ะครับ❓
G : ฉันไม่ได้ "จงใจหาเรื่องให้ใครต้องขุ่นเคือง" ทั้งนั้นแหละ ทุกคนมีสิทธิเลือกอย่างอิสระว่าจะให้ตัวเองต้อง "ขุ่นเคือง" หรือไม่
และเธอคิดจริงๆหรือว่ามันจะเป็นไปได้หรือที่เราจะคุยกันถึงเรื่องทางเพศของมนุษย์อย่างปราศจากอคติและตรงไปตรงมาได้โดยไม่ทำให้ใครบางคนเลือกที่จะ "ขุ่นเคือง" น่ะ❓
N : เป็นไปไม่ได้ครับ เพียงแต่มันก็มีบางเรื่องที่ถือว่ามากเกินไป และผมก็ไม่คิดว่าคนส่วนใหญ่พร้อมจะยินได้พระเจ้าพูดถึงเรื่องสำเร็จความใคร่หรอกนะครับ
G : ถ้าหนังสือเล่มนี้จะต้องถูกจำกัดอยู่แค่เรื่องที่ "คนส่วนใหญ่" พร้อมจะได้ยินสิ่งที่พระเจ้าพูด มันคงจะเป็นหนังสือเล่มบางน่าดู คนส่วนใหญ่ไม่มีวันพร้อมที่จะได้ยินสิ่งที่พระเจ้าพูดในขณะที่พระเจ้ากำลังพูดถึงมันอยู่หรอกนะ พวกเขามักจะรอสัก 2,000 ปีอยู่เสมอล่ะ★
★ตรงนี้พระองค์กระตุ้น (กระแทกเบาๆ) ให้คนอ่านได้คิดว่าตอนที่พระเยซูยังมีชีวิตอยู่คนส่วนใหญ่ก็รับไม่ได้ในสิ่งที่พระเยซูพูดจึงจับพระองค์ตรึงกางเขน แล้ว 2,000 ปีต่อมาถึงเพิ่งจะรับได้ จึงทำให้พระเยซูกลายเป็นศาสดาของศาสนาหนึ่ง —แอดมิน—
N : โอเคครับ ว่าต่อเถอะ พวกเราหายช็อคแล้ว
G : ดีแล้ว ฉันเพียงแต่ใช้ประสบการณ์ชีวิตในเรื่องนี้ (ซึ่งพวกเธอทุกคนเข้าไปข้องเกี่ยวแต่ไม่มีใครอยากพูดถึงมัน) เพื่อจะชี้ประเด็นที่กว้างกว่านั้น
ประเด็นที่กว้างกว่านั้น...พูดอีกครั้งตรงนี้...คือ ✴️มอบความสุขแก่ตัวเองให้มากพอและเธอจะมีความสุขมากพอที่จะมอบให้กับผู้อื่น✴️
ปัญญาจารย์ของสายการปฏิบัติที่พวกเธอเรียกกันว่าตันตระแห่งกามารมณ์ (ซึ่งเป็นรูปแบบของการร่วมเพศขั้นสูงมากๆ) นั้นจะรู้ดีว่า...
ถ้าเธอเข้าหาเซ็กส์ด้วยความหิวกระหาย ความสามารถที่จะมอบความพึงพอใจให้แก่คู่ของเธอและการมีประสบการณ์อันยาวนานถึงความสุขและความเบิกบานของการหลอมรวมเป็นหนึ่งของกายและวิญญาณ (ซึ่งเป็นเหตุผลขั้นสูงมากของการมีเพศสัมพันธ์) จะลดลงอย่างมหาศาล
ฉะนั้น คู่รักที่ใช้แนวทางแห่งตันตระ โดยปรกติแล้วจะมอบความสุขให้กับตัวเองก่อนที่จะมอบความสุขให้แก่กันและกัน บ่อยครั้งเป็นการปฏิบัติต่อหน้าของอีกฝ่ายและมักจะได้รับการเกื้อหนุน ช่วยเหลือ และชี้แนะด้วยความรักจากกันและกัน
เมื่อปลดเปลื้องความต้องการแรกเริ่มไปแล้ว ความกระหายขั้นลึกซึ้งของทั้งสอง (ซึ่งเป็นการโหยหาความสุขล้นผ่านการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอันยาวนาน) จะได้รับการตอบสนองอย่างงดงาม
ภาวะที่ต่างฝ่ายต่างให้ความสุขกับตัวเองนั้นคือส่วนหนึ่งของความเบิกบาน สนุกสนาน และความรักแห่งเพศรสที่ได้แสดงออกอย่างเต็มเปี่ยม นี่คือ "หนึ่งในหลากหลายวิธีเท่านั้น★"
★เพศสัมพันธ์เป็นหนึ่งในหลากหลายวิธีในการให้ความสุขแก่ตัวเอง
—แอดมิน—
ประสบการณ์ที่พวกเธอเรียกว่าการมีเพศสัมพันธ์หรือการร่วมรักนั้นอาจจบลงหลังจากผ่านการพะเน้าพะนอด้วยความรักไปแล้วสองชั่วโมงหรืออาจไม่จบลงแค่นั้นก็ได้ แต่สำหรับพวกเธอส่วนใหญ่นี่เป็นเพียงแค่กิจกรรม 20 นาทีในการบรรลุถึงจุดสุดยอดเพียงแค่เสี้ยววินาที ถ้าถึง 20 นาทีนี่ก็ถือว่าเธอโชคดีมากแล้วนะ❗
N : ผมไม่คิดเลยว่า หนังสือเล่มนี้จะกลายเป็นคู่มือสอนเซ็กส์ไปแล้ว
G : เปล่าเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าจะเป็นอย่างนั้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องทางเพศอีกมาก รวมทั้งเรียนรู้ถึงผลประโยชน์ของการแสดงออกอันน่าอัศจรรย์ที่สุดนี้ด้วย
แต่ที่ฉันกำลังทำอยู่นี้ก็คือการพยายามที่จะชี้ประเด็นที่กว้างไปกว่านั้น นั่นคือ ✴️ยิ่งเธอมอบความสุขให้กับตัวเองได้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งสามารถมอบความสุขให้กับคนอื่นได้มากเท่านั้น✴️
ในทำนองเดียวกัน ✴️ถ้าเธอทำให้ตัวเองมีพลังอำนาจมากขึ้น เธอก็จะมีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นเพื่อไว้แบ่งปันกับผู้อื่น✴️
✴️นี่ยังเป็นความจริงกับเรื่องชื่อเสียง ความมั่งคั่ง เกียรติยศ ความสำเร็จ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เธอรู้สึกดี✴️
และฉันคิดว่าในตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมาดูกันถึงเหตุผลที่ว่า...ทำไมบางสิ่งบางอย่างถึงทำให้เธอ 🔸รู้สึกดี🔸 ได้
N :โอเคครับ ผมยอมแพ้ บอกผมหน่อยครับว่าทำไม❓
G : 🔸รู้สึกดี🔸 คือวิธีที่วิญญาณร้องบอกว่า ✨นี่คือตัวตนของฉัน❗✨ ("This is who I am")
เธอเคยอยู่ในห้องเรียนที่ครูกำลังเช็คชื่อนักเรียนที่เข้าเรียน แล้วพอเรียกถึงชื่อของเธอ เธอก็ร้องว่า "อยู่นี่ครับ" (มาครับ) ไหม❓
N : เคยครับ
G : 🔸รู้สึกดี🔸 คือวิธีที่วิญญาณบอกว่า...✨ฉันอยู่นี่❗✨
ในปัจจุบันมีคนมากมายหัวเราะเยาะแนวคิดเรื่อง 🔸จงทำในสิ่งที่ทำแล้วรู้สึกดี🔸 พวกเขาบอกว่านี่คือหนทางสู่นรก แต่ฉันขอบอกว่านี่คือหนทางไปสู่สวรรค์ต่างหาก❗
แน่นอน หลายสิ่งขึ้นอยู่กับสิ่งที่เธอบอกว่า "รู้สึกดี" พูดอีกอย่างก็คือ 🔸ขึ้นอยู่กับว่าประสบการณ์แบบไหนที่ทำให้เธอรู้สึกดี❓🔸
แต่ฉันจะบอกเธอตรงนี้ว่า : 💢ไม่มีการวิวัฒนาการใดเกิดขึ้นได้จาก "การปฏิเสธ"💢
✴️ การที่เธอจะวิวัฒน์ตัวเองหรือทำให้ตัวเองเติบโตขึ้นได้นั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เพราะการไม่ยอมรับในตน หรือการปฏิเสธตนเองจากสิ่งที่ทำให้เธอ "รู้สึกดี"
✴️ แต่จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะเธอให้ความสุขกับตัวเองจนมากพอแล้วค้นพบว่ามันยังมีบางสิ่งที่ 🔸สุดยอดมากกว่านั้น🔸อยู่อีก
แต่เธอจะรู้ได้อย่างไรว่ามีบางสิ่ง "สุดยอดกว่า" ถ้าเธอไม่เคยลิ้มลองในสิ่งที่ "น้อยกว่า" นั้น★
★มีประสบการณ์ของความสุขในหลายๆระดับให้เปรียบเทียบนั่นเอง เรารู้สึกว่าสุขมากกว่าได้เพราะเราเคยมีประสบการณ์กับสุขที่น้อยกว่านั้นมาก่อน —แอดมิน—
"ศาสนา" (Religion) ต้องการให้เธอเชื่อฟังคำพูดของพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในท้ายที่สุดแล้วทุกศาสนาจะล้มเหลว
ตรงกันข้าม "วิถีแห่งจิตวิญญาณ" (Spirituality) จะสำเร็จเสมอ
ศาสนาต้องการให้เธอเรียนรู้จากประสบการณ์ของ "คนอื่น" ทว่า ✴️วิถีแห่งจิตวิญญาณจะกระตุ้นให้เธอค้นหาจากประสบการณ์ของตัวเอง✴️
ศาสนาไม่อาจทนต่อวิถีแห่งจิตวิญญาณได้ เพราะวิถีแห่งจิตวิญญาณอาจนำพาเธอไปสู่ "ข้อสรุปที่ต่างไป" จากคำตอบของศาสนา และสิ่งนี้เองที่ไม่มีศาสนาใดยอมรับได้
ศาสนาสนับสนุนให้เธอสำรวจความคิดของ "คนอื่นและให้ยอมรับมาเป็นของตน" ✴️แต่วิถีแห่งจิตวิญญาณจะเชื้อเชิญเธอให้โยนความคิดของคนอื่นทิ้งไป แต่ให้ค้นหาและยอมรับจากความคิดของตัวเอง✴️
🔸รู้สึกดี🔸คือวิธีที่เธอกำลังบอกตัวเองว่า...
🌟ความคิดที่เพิ่งคิดจบไปคือความจริงของตน
🌟คำพูดที่เพิ่งพูดจบไปคือภูมิปัญญาของตัวเอง และ
🌟การกระทำที่เพิ่งกระทำจบไปคือการกระทำด้วยความรัก
✴️ การพิจารณาว่าเธอพัฒนามาได้ไกลแค่ไหนและสิ่งวัดว่าเธอเติบโตไปได้มากเท่าใดก็เพียงแค่ดูว่าอะไรที่ทำให้เธอ 🔸รู้สึกดี🔸 ✴️
ทว่าจงอย่าพยายาม`ฝืน`วิวัฒนาการของตนเอง (เพื่อเติบโตให้มากขึ้นและเร็วขึ้น) 💢ด้วยการปฏิเสธหรือหลบหนีจากสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกดี💢
1
💢การปฏิเสธตัวเองคือการทำลายตัวเอง💢
และจงรับรู้ไว้อีกอย่างว่า :🔹การควบคุมตัวเองไม่ใช่การปฏิเสธตัวเอง🔹
"การควบคุมพฤติกรรมของตนเอง" คือ...✨การเลือกโดยสมัครใจที่จะทำหรือไม่ทำบางสิ่งจากการตัดสินใจของคนๆนั้นเองว่าเขาเป็นใคร✨
ถ้าเธอเปิดเผยตนว่าคือ ผู้เคารพในสิทธิของผู้อื่น ตัดสินใจที่จะไม่ขโมย ปล้น ฉกชิง และ ยักยอก
นี่ไม่ใช่ 🔹การปฏิเสธตัวเอง🔹
แต่คือ 🔸การประกาศตน🔸
นี่คือเหตุผลที่ได้บอกไปว่า ✴️การจะวัดว่าใครเติบโตไปได้มากแค่ไหนให้ดูจากอะไรที่ทำให้เขารู้สึกดี✴️
หากการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ รวมถึงพฤติกรรมในแบบที่เธอรู้ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือ สร้างความทุกข์และความเจ็บปวดแก่ผู้อื่นคือสิ่งที่ทำให้เธอ "รู้สึกดี" แล้วละก็ แสดงว่า 💢เธอยังไม่โตเท่าไหร่เลย💢
🔸การตระหนักรู้🔸 (สติ) คือ "กุญแจสำคัญ" เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสในครอบครัวและชุมชนของพวกเธอที่จะต้องสร้างและเผยแพร่การตระหนักรู้นี้สู่ผู้เยาว์
ไม่ต่างจากงานของผู้นำสาส์นของพระเจ้าที่จะต้องเพิ่มการตระหนักรู้ไปสู่`ทุกผู้คน` เพื่อพวกเขาจะได้เข้าใจว่า 🌟สิ่งที่ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่งก็คือการทำเพื่อทุกๆคนด้วย เพราะ "เราทั้งหมดคือหนึ่งเดียวกัน"🌟
เมื่อพวกเธอตระหนักแล้วว่า "เราทั้งหมดคือหนึ่งเดียวกัน" ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเธอจะ 🔹รู้สึกดีจากการทำร้ายผู้อื่น🔹 สิ่งที่เรียกว่า "พฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบ" ก็จะหายไป
✴️ ด้วยคุณลักษณะอันเฉพาะนี้เองที่สิ่งมีชีวิตซึ่งกำลังวิวัฒน์ตัวเองอยู่ทั้งหลายต่างเสาะหาจากประสบการณ์ของชีวิต
✴️ ด้วยคุณลักษณะเฉพาะนี้เองที่ฉันจะบอกว่า 🔸จงยอมให้ตัวเองมีสิ่งทั้งหมดที่ชีวิตสามารถมอบให้🔸 และเธอจะค้นพบว่า ✨ชีวิตยังมีอะไรอีกมากมายนักที่จะมอบให้กับเธอเกินกว่าที่เธอเคยนึกฝัน✨
❇️ เธอจะเป็นในสิ่งที่เธอมีประสบการณ์
❇️ เธอจะมีประสบการณ์ในสิ่งที่เธอแสดงออก
❇️ เธอจะแสดงออกในสิ่งที่เธอจำเป็นต้องแสดงออก
❇️ และเธอจะมีในสิ่งที่เธอได้มอบให้กับตัวของเธอเอง
...
...
...
1 บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สนทนากับพระเจ้า เล่ม 2
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย