8 มี.ค. 2021 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
“การฟื้นฟูยุคเมจิ (Meiji Restoration)” เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ความเป็นตะวันตก
3
“การฟื้นฟูยุคเมจิ (Meiji Restoration)” คือการปฏิวัติทางการเมืองและสังคมในญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่ค.ศ.1866 (พ.ศ.2409)-1869 (พ.ศ.2412) และทำให้รัฐบาลเอโดะซึ่งปกครองโดยโชกุนตระกูลโทคุงาวะ (Tokugawa) ต้องสิ้นอำนาจและทำให้จักรพรรดิกลับคืนสู่สถานะเดิม
1
หากจะเล่าถึงการฟื้นฟูยุคเมจิ ก็ต้องเริ่มตั้งแต่ในปีค.ศ.1853 (พ.ศ.2396) เมื่อ “แมทธิว ซี เพอร์รี (Matthew C. Perry)” ทหารแห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ได้เดินทางเข้ามาในอ่าวโตเกียว และบังคับให้รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดประเทศ รับพ่อค้าจากต่างชาติ และทำให้ญี่ปุ่นเริ่มก้าวสู่ความเป็นมหาอำนาจสมัยใหม่
3
แมทธิว ซี เพอร์รี (Matthew C. Perry)
ในเวลานั้น กลุ่มชนชั้นสูงในญี่ปุ่นก็ตระหนักดีว่าสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศ มีความก้าวหน้าในเรื่องของเทคโนโลยีการทหาร และรู้สึกว่าญี่ปุ่นกำลังถูกมหาอำนาจจักรวรรดินิยมตะวันตกคุกคาม
ญี่ปุ่นเห็นตัวอย่างจากจีนซึ่งเคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร แต่ต้องพ่ายแก่อังกฤษในคราวสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง (First Opium War) และสงครามฝิ่นครั้งที่สอง (Second Opium War)
สงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง (First Opium War)
เหล่าชนชั้นสูงของญี่ปุ่นที่เกรงว่าญี่ปุ่นจะดำเนินรอยตามจีน ได้ตัดสินใจที่จะตัดขาดจากต่างชาติมากกว่าเดิม หากแต่ก็มีอีกหลายคนที่มีวิสัยทัศน์ และคิดว่าญี่ปุ่นควรต้องปรับตัวสู่ความทันสมัย
เหล่าคนหัวสมัยใหม่คิดว่าการมีจักรพรรดิที่เข้มแข็ง เป็นศูนย์กลางทางการเมือง คือเรื่องสำคัญ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมอำนาจของญี่ปุ่นและขับไล่ลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตกอีกด้วย
ในปีค.ศ.1866 (พ.ศ.2409) ไดเมียวผู้ครองแคว้นของญี่ปุ่นสองคน นั่นคือ “ชิมาซุ ฮิซามิทสึ (Shimazu Hisamitsu)” แห่งแคว้นซัทสึมะ และ “คิโด ทาคาโยชิ (Kido Takayoshi)” แห่งแคว้นโชชู ได้จับมือกัน ร่วมกันต่อต้านรัฐบาลเอโดะซึ่งปกครองโตเกียวตั้งแต่ปีค.ศ.1603 (พ.ศ.2146)
ผู้นำแคว้นทั้งสองตั้งใจจะโค่นอำนาจของโชกุนตระกูลโทคุงาวะและให้องค์จักรพรรดิขึ้นสู่อำนาจที่แท้จริง และไม่ต้องหวั่นเกรงอำนาจต่างชาติ
แต่ทว่า “จักรพรรดิโคเม (Emperor Komei)” ก็ได้สวรรคตในปีค.ศ.1867 (พ.ศ.2410) ทำให้พระราชโอรสของพระองค์ นั่นคือ “จักรพรรดิมุตสึฮิโตะ (Emperor Mutsuhito)” ได้ขึ้นครองราชย์เป็น “จักรพรรดิเมจิ (Meiji Emperor)”
1
จักรพรรดิเมจิ (Meiji Emperor)
ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ.1867 (พ.ศ.2410) “โทคุงาวะ โยชิโนบุ (Tokugawa Yoshinobu)” ได้ลงจากตำแหน่งโชกุนคนที่ 15 แห่งโทคุงาวะ และการลงจากตำแหน่ง ก็ทำให้อำนาจถูกถ่ายโอนไปยังองค์จักรพรรดิ
3
แต่ถึงอย่างนั้น โชกุนก็ยังไม่ยอมสูญเสียอำนาจควบคุมญี่ปุ่น และเมื่อจักรพรรดิเมจิออกพระราชกฤษฎีกา สั่งให้อำนาจของโทคุงาวะสิ้นสุดลง โชกุนจึงได้เตรียมทัพ และส่งกองทัพซามูไรไปยังเกียวโตเพื่อจับองค์จักรพรรดิ
โทคุงาวะ โยชิโนบุ (Tokugawa Yoshinobu)
27 มกราคม ค.ศ.1868 (พ.ศ.2411) กองทัพของโยชิโนบุได้ปะทะกับกองทัพของแคว้นซัทสึมะและแคว้นโชชู ซึ่งสงครามที่ยาวนานสี่วันนี้ ก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของระบอบโชกุน เป็นจุดเริ่มของสงครามโบชิน (Boshin War) ซึ่งเป็นสงครามกลางเมืองในญี่ปุ่น
สงครามโบชินดำเนินไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1869 (พ.ศ.2412) หากแต่กองทัพของจักรพรรดิก็ได้เปรียบ มีอาวุธและยุทธวิธีที่ทันสมัยกว่าศัตรูมาก
สงครามโบชิน (Boshin War)
โยชิโนบุได้ยอมแพ้และยอมสละปราสาทเอโดะในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ.1869 (พ.ศ.2412) และถึงแม้จะมีไดเมียวและซามูไรบางส่วนที่ยังต้องการสู้ต่อ หากแต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการปฏิรูปได้แล้ว
เมื่อพระราชอำนาจของจักรพรรดิเริ่มจะมั่นคง จักรพรรดิเมจิก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงประเทศสู่ความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น
1.ยกเลิกระบอบชนชั้นที่มีมาแต่เดิม
2.ทำการปรับปรุงกองทัพให้มีความเป็นตะวันตก และปรับปรุงยุทธวิธีการรบ
3.จัดการศึกษาภาคบังคับแก่ทั้งเด็กชายและเด็กหญิง
4.ปรับปรุงอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น
ในปีค.ศ.1889 (พ.ศ.2432) จักรพรรดิได้ออกรัฐธรรมนูญเมจิ (Meiji Constitution)
ภายในเวลาไม่กี่ 10 ปี ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงญี่ปุ่น จากเกาะเล็กๆ โดดเดี่ยว กลายเป็นมหาอำนาจ ซึ่งญี่ปุ่นก็ได้บุกยึดครองเกาหลี และเอาชนะจีนในสงครามจีน-ญี่ปุ่น (Sino-Japanese War) ทั้งสองครั้ง และได้รับชัยชนะครั้งใหญ่เมื่อสามารถเอาชนะกองทัพรัสเซียในสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War)
1
การฟื้นฟูยุคเมจิ (Meiji Restoration) ทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย หากแต่ก็ทำให้ญี่ปุ่นก้าวหน้า สามารถขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในศตวรรษที่ 20 และครองความยิ่งใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้
โฆษณา