8 มี.ค. 2021 เวลา 09:26 • หุ้น & เศรษฐกิจ
บทความที่ 100 ของ "หนีดอย"
"เมื่อหนีดอยไม่ทัน ในวันหุ้นปรับฐาน
มีวิธีจัดการ พอร์ทติดลบมหาศาล...ยังไงดี"
6
💵 จริงๆแล้วบทความนี้ ผมไม่เคยมีแพลนในหัวว่าจะเขียนมาก่อน แต่เนื่องจากตลาดหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดในสหรัฐฯ และ จีนที่เป็นหุ้นเติบโต (Growth stock) ได้ปรับฐานลงมาอย่างน่าตกใจ บางกองทุนอย่างกองทุนที่บริหารผ่าน Ark Invest ก็ร่วงลงไป 20% นับจากจุดสูงสุด ทำให้มีหลายๆคนสอบถามผมเข้ามาว่าเราควรทำยังไงต่อดี ในวันที่พอร์ทติดลบมหาศาล
5
💵 บทความนี้ผมจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ
1.ผลตอบแทนในอดีต
2.สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
3.แนวโน้มในอนาคต
บทความนี้อาจจะยาวซักหน่อย ค่อยๆอ่านกันไปนะครับ
4
💵💵💵 1.ผลตอบแทนในอดีต
💵ผมนำเอาผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน ที่ติดลบสูงสุดมาให้คุณผู้อ่านได้ดูกันครับ ทั้งนี้อยากให้สังเกตคำว่า "MDD" ที่หมายถึง Maximum drawdown อันนี้คือช่วงที่ราคาลงจากจุดสูงสุดไปต่ำสุด ที่กองทุนนี้เคยมีมา อยู่ที่กี่ % โดยที่อยากให้ดู เพื่อให้เราได้รู้ครับว่า ในเวลาที่การลงทุนไม่เป็นใจ กองทุนเรานั้นติดลบได้มากขนาดไหน ซึ่งหลายๆกอง เปิดมานาน ผ่านช่วงโควิดมาแล้ว เช่น PWIN ที่ - 32.41%, WE-GOLD ที่ -40.77%, KT-PRECIOUS ที่ -52.78% หรือคิดง่ายๆว่า หากในวันที่เราดอยตอนซื้อจุดสูงสุดที่ 1 ล้านบาท เรารับได้กับการที่กองทุนนี้จะลงไปถึง 3-5 แสนเลยรึเปล่า ซึ่งนับจากนี้ผมอยากให้ผู้อ่านที่ไม่เคยดูเลขนี้ มาดูตัวนี้เลขนี้ก่อนการซื้อทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่า เรารับความเสี่ยงกับความผันผวนนี้ได้จริงๆรึเปล่า
5
💵 ผมนำ Nasdaq มาเทียบกับ ETF ของ Ark Invest ทั้งหมด โดยเริ่มนับจาก 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่เป็นจุดสูงสุด จนถึงวันที่ 5 มีนาคม (ระยะเวลาราวๆ 3 สัปดาห์) ผลออกมาเป็นดังนี้
1. Nasdaq = - 8.70%
2. ARKQ = -20.06%
3. ARKF = -20.42%
4. ARKW = -23.32%
5. ARKG = -24.17%
6. ARKK = -26.22%
3
เปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลังนับจาก Nasdaq ทำจุดสูงสุด 16 Feb 2021 จนถึง 5 Mar 2021 เทียบกับกลุ่ม Ark Invest (ETFs) : ARKK, AKRW, ARKF, ARKG, และ AKRQ | กราฟจาก Tradingview
💵 ต่อมาผมนำ ดัชนี CSI300 ของจีน กับ ETF ที่อิงกับกองทุนจีน ที่กองทุนไทยมีลงทุนไว้เช่น KURE (กองทุน UCHI), CHIQ (กองทุน TCHCON), CQQQ (กองทุน BCAP-CTECH, MATECH-A, TCHTECH-A), KWEB (กองทุน BCAP-CTECH) โดยเริ่มนับจาก 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่เป็นจุดสูงสุด จนถึงวันที่ 5 มีนาคม และ 8 มีนาคมสำหรับ CSI300 ที่ตอนนี้เปิดตลาดอยู่ ณ ช่วงที่เขียนบทความ (ระยะเวลาราวๆ 3 สัปดาห์) ผลออกมาเป็นดังนี้
1.CSI300 : -13.19%
2.CQQQ : -15.72%
3.CHIQ : -17.72%
4.KWEB : -18.20%
5.KURE : -20.19%
3
เปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลังนับจาก CSI300 ทำจุดสูงสุด 18 Feb 2021 จนถึง 5 Mar 2021 เทียบกับกลุ่ม ETF อย่าง CQQQ, CHIQ, KWEB, KURE  | กราฟจาก Tradingview
💵 จะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นสหรัฐหรือจีน ใครลงทุนในเดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนออกมาติดลบกันทุกคน ทีนี้ผมนำเอาผลตอบแทนย้อนหลังมากกว่า 1 เดือน คือ 10 ปีมาให้ดูกันต่อครับ
💵 ผมนำเอาผลตอบแทนย้อนหลังราย Sector และ Industry ของ S&P500 ตลาดสหรัฐ จนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2021 โดยเราจะเห็นว่าในระยะที่ยาวนานมากพอ โดยเฉพาะ 5-10 ปีขึ้นไป กลุ่มที่ทำผลตอบแทนได้เหนือกว่ากลุ่มอื่นๆคือ
1. Information Technology : +428%
2. Consumer Discretionary : +307%
3. Healthcare : +244%
4. Financials : : +151%
5. Consumer Staples : +117%
แต่สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ผลตอบแทนดัชนี S&P500 ทำได้ 190.80% ใน 10 ปี ซึ่งสูงกว่า กลุ่ม Financials หรือ Consumer Staples เสียอีก นี่ก็อาจเป็นข้อคิดอย่างนึงว่า ลงทุนแบบ Passive ล้อไปกับดัชนี S&P500 ผลตอบแทนก็ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
3
ซึ่งอันนี้ยังไม่นับผลตอบแทนแบบแยกย่อยในกลุ่ม Industry อีก ผมทิ้งภาพไว้ให้คุณผู้อ่านดูกันอีกทีครับว่า สุดท้ายแล้ว การลงทุนระยะยาวในประเทศอย่างสหรัฐฯ มันจะออกมาแย่อย่างที่เราคาดคิดไว้รึเปล่า
3
สิ่งเหล่านี้บอกเป็นนัยกับเรารึเปล่าว่า เทคโนโลยี การแพทย์ สินค้าฟุ่มเฟือย ฯลฯ คนเรายังคงต้องการมันและใช้มันมากขึ้นไปอีกจากในอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน
1
Performace by Sector : S&P 500
Performace by Industry : S&P 500
💵 ยังไม่พอเท่านี้ครับ ผมขอนำตัวอย่างหุ้นนอก ที่ใครหลายๆคนรู้จักกันดีว่ากว่าจะมายืนที่จุดๆนี้ต้องเจอความผันผวนยังไงบ้าง ซัก 2-3 ตัวแล้วกันครับ
1. หุ้น Amazon เจอการปรับฐานถึง 95% ในอดีตก่อนที่ราคาตอนนี้กับตอนนั้น เหมือนฝันไป
1
Amazon
2. หุ้น Nvidia เจอความผันผวนอย่างหนัก ติดลบถึง 87% กับ 58% สุดท้ายก็ยังกลับมาได้
NVIDIA
3. หุ้น Apple ก็มีช่วงเวลาแย่ๆ ที่ติดลบ 40% เช่นกัน
Apple
💵 ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้เห็นว่า การลงทุนระยะสั้นอาจผันผวน แต่ระยะยาวนั้นหอมหวนครับ (แต่ต้องเป็นหุ้นที่ดีมีศักยภาพในการเติบโตได้ในระยะยาว)
💵💵💵 2. สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
1
💵 ผมได้เขียนบทความอธิบายสาเหตุ ทำไมตลาดหุ้นลงหนักไว้แล้ว หากใครสนใจผมทิ้ง Link ข้างล่างไว้ให้เข้าไปดูเพิ่มเติมได้เลยนะครับ ซึ่งก็ยังเป็นสาเหตุเดิมๆ ที่ตลาด ณ ปัจจุบันนี้กำลังกังวล โดยเฉพาะเงินเฟ้อที่คาดว่าจะสูงขึ้น ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น (Yield ดีดไปสูงถึง 1.6% ในช่วงที่ผ่านมา สำหรับ 10-Yr Bonds) เป็นผลกระทบโดยตรงกับหุ้นเติบโตที่จะมีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น รวมถึงมูลค่าที่ตึงตัวหรือดูแพงเกินไปในหุ้นที่ขึ้นมาแรงมากๆ เมื่อปีที่แล้ว และล่าสุดการฉีดวัคซีนก็ดำเนินการแล้วอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการผ่านกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่จะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อดูเพิ่มขึ้นไปได้อีกในอนาคต
คลิกอ่านบทความได้ที่ : www.blockdit.com/posts/60388daf1b36da0c0208f179
💵 นับจากนี้ไปให้จับตาตัวเลขผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อให้ดีๆครับ เพราะหากมันยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตลาดหุ้นย่อมมีผลกระทบด้วยเช่นกัน
💵 มาดูกราฟปัจจุบันของดัชนีกัน แท่งเทียนของดัชนี NASDAQ ลงมาถึงเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ เส้นสีส้ม (MA 25) ที่ราวๆ 12,400 จุด โดย MACD เกิด Death Cross ตัดลงมาเรียบร้อยแล้ว เป็นสัญญาณให้เฝ้าระวังว่าอาจเปลี่ยนแนวโน้ม หรือ เสียทรงขาขึ้นแล้ว ต้องมาตามติดกันในสัปดาห์นี้กันต่อไปครับ อย่างน้อยๆ ก็หวังว่าอย่าให้หลุด 12,000 จุด
3
NASDAQ : 5 Mar 2021
💵 ทรงคล้ายๆกันครับ ใน CSI300 ดัชนีของจีน ที่ลงมาที่เส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ เส้นสีส้ม (MA 25) โดย MACD เกิด Death Cross ตัดลงมาเรียบร้อยแล้ว เป็นสัญญาณให้เฝ้าระวังว่าอาจเปลี่ยนแนวโน้ม หรือ เสียทรงขาขึ้นแล้ว ต้องมาตามติดกันในสัปดาห์นี้กันต่อไปครับ อย่างน้อยๆ ก็หวังว่าอย่าให้หลุด 4890 จุด
1
CSI300 : 8 Mar 2021
💵สำหรับทองคำผมได้เขียนมุมมองทองคำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 มี.ค. 2021) ในแง่ของปัจจัยทางกราฟเทคนิค และปัจจัยพื้นฐาน สำหรับใครที่อยากดูรายละเอียดคลิกได้เลยที่ https://www.blockdit.com/posts/6044dab5fa0d770c1851285f
💵💵💵3.แนวโน้มในอนาคต
1
อนาคตตลาดหุ้น ก็ยังคงเหมือนเช่นเดียวกันกับในอดีต คือ ขึ้นไปได้ด้วยผลประกอบการ และความคาดหวัง ราคาที่ขึ้นมาเร็วและแรงเกินไปก็จะกลับลงมาสู่จุดสมดุล ราคาที่ลงมาต่ำกว่าพื้นฐานสุดท้ายก็จะวิ่งขึ้นไปหามูลค่าที่ควรจะเป็นครับ
1
หาให้ได้ว่าสิ่งที่เราลงทุนนั้น คือ Megatrend จริงๆ รึเปล่า หากใช่แล้ว รอจังหวะที่ราคาย่อ แล้วทยอยซื้อสะสม หากราคาพุ่งขึ้นไปไวเกินไป ทยอยรินขายกำไรออกบ้าง แม้ว่าบางทีจะตกรถ ราคาหุ้นที่ขายดันมีสูงกว่าไปอีก ก็ไม่ต้องไปไล่ราคาครับ เพราะเรากำลังเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนครั้งนั้นอยู่ ส่วน Megatrend คืออะไร ผมคิดว่าหลายๆคนน่าจะพอรู้กันแล้ว ไม่งั้นไม่ลงทุน Technology กันแน่ๆครับ
4
💵 บทเรียนครั้งนี้สอนให้เราเหล่านักลงทุนรู้ว่า
1. อย่ามั่นใจอะไร 100% อย่าทุ่มสุดตัว เพราะโลกเราล้วนอนิจจัง ไม่มีอะไรแน่นอน 100%
2. อย่าไล่ราคา เพียงเพราะคิดว่า มันจะแพงกว่าในวันนี้ที่เราซื้อ ตกรถอาจช้ำใจ แต่ติดดอยอาจช้ำใจมากกว่า แต่ทั้งนี้การซื้อที่ราคาที่เราคิดว่าต่ำแล้ว อาจมีต่ำได้อีก อันนี้ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ อย่ากลัวเกินไป ไม่งั้นจะไม่ได้ซื้อของดีราคาถูกครับ
3. อย่าลงทุนในหุ้นอุตสาหกรรมกลุ่มเดียว หรือประเทศเดียวทั้งหมด เรียนรู้การทำ Asset allocation เพราะกลุ่มเดียวกันราคามักเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันครับ
4. อย่าลงทุนในสิ่งที่เราไม่รู้ แม้คนอื่นเชียร์ว่ามันดี จงศึกษาหุ้นหรือกองทุนนั้นให้ดีด้วยตัวเองทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน Factsheet, Maximum drawdown, พิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น, ย้อนกลับไปดูข้อมูลกองทุนแม่หรือ Master funds ฯลฯ คิดเหมือนว่า เราซื้อรถ 1 คัน, โทรศัพท์ 1 เครื่อง เรายังเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ดูรายละเอียดยิบเลยกว่าจะตัดสินใจซื้อแต่ละครั้ง หุ้นหรือกองทุนก็ใช้หลักการเดียวกันครับ
5. อย่าทุ่มซื้อ IPO ไปทั้งหมด การซื้อส่วนน้อยแล้วมาทยอยสะสมทีหลัง อาจทำให้เราเจ็บน้อยกว่า เพราะ IPO นั้นได้ส่วนลดค่าธรรมเนียมการซื้อไม่กี่ % เทียบไม่ได้เลยกับการที่กองทุนเราตกหนักมากในวันหุ้นขาลง
6. หุ้นหรือกองทุนที่ดี ต้องมีจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อด้วย แต่ห้ามคาดหวังที่จะซื้อได้ราคาที่ต่ำที่สุด หรือ ขายได้แพงที่สุด เพราะมันไม่มีราคานั้นอยู่จริงๆ
7. พื้นฐานดี ข่าวดี แม้แนวต้านจะสูงแค่ไหน ก็ทะลุได้ แต่หากพื้นฐานไม่ดี ข่าวร้ายมา แนวรับแค่ไหนก็รับไม่อยู่เช่นเดียวกัน
8. ของร้อนๆ ต้องคู่กับ ของเย็นๆ เช่นเดียวกับหุ้นที่ขึ้นมาร้อนแรง เราคนซื้อต้องใจเย็นๆถือ ถึงจะไปด้วยกันได้
21
💵 "มีวิธีจัดการ พอร์ทติดลบมหาศาล...ยังไงดี"
โดยผมขอแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆครับ
1. คนเล่นสั้นรายวัน หรือ ถือกองทุนน้อยกว่า 1 ปี หรือ เล่นเก็งกำไร ใช้เงินร้อน หรือ กู้มาเล่น หรือต้องรีบใช้เงินที่ลงทุนมาแล้ว : กรณีนี้ขอให้ทบทวนเป้าหมายการซื้อขายของเราอีกครั้งว่า จุด Stop loss ของเราอยู่ที่กี่ % แต่ละคนจะมีจุด stop loss ที่ต่างกัน เช่น 3%, 5%, 7%, 10%, 15% เพราะตลาดหุ้นไม่มีอะไรแน่นอน เห็นว่าถูกแล้ว อาจมีถูกกว่าได้ครับ หากตลาดปรับฐานครั้งนี้ลงไปมากกว่าที่เราตั้งใจ เราจะเสียหายหนักมากๆ หากไม่ cut loss ตัดขาดทุน แล้วค่อยรอกลับมาซื้อใหม่เมื่อลมเปลี่ยนทิศอีกครั้ง หรือไปหากลุ่มใหม่ที่ตอนนี้ตลาดกำลังให้ความสนใจจากการเปิดเมืองก็ได้เช่นกันครับ (แต่ใครลงทุนกองทุน ผมไม่แนะนำให้เล่นสั้น เก็งกำไรนะครับ เพราะเสียค่าธรรมเนียมซื้อขายบ่อยครั้ง แต่ถ้าใครถนัดแนวนี้ ก็ไม่ว่ากันครับ)
8
2. คนตั้งใจลงทุนระยะยาว มากกว่า 3 ปีขึ้นไป และเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเราเองลงทุน เชื่อว่าเทคโนโลยี การแพทย์ พลังงานสะอาด ฯลฯ คือสิ่งจำเป็นที่เราทุกคนต้องใช้ การปรับฐานครั้งนี้จากปัจจัยหลายๆอย่าง ทำได้ 2 แนวทาง คือ
2.1 เชื่อมั่นอย่างสูงในสิ่งที่ลงทุน : แบบนี้ให้ถือแล้วรอซื้อสะสมเพิ่ม ตัวผมเองใช้วิธีนี้ครับ เนื่องจากก่อนการลงทุน ไม่มีใครรู้หรอกว่า หุ้น/กองทุนที่เราซื้อ ราคาจะอยู่ที่ตรงจุดไหน แม้คิดว่าเราซื้อได้ถูกตอนมันย่อแล้ว มันก็ดันมีถูกกว่า วิธีการก็คือจะเป็นการทยอยถัวขาลงแบบมีหลักการ (เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะลงอีกแค่ไหน) เช่น ลงทุกๆ 5-10% หรือ รอให้ลงจนสุดรอจนเริ่มฟื้นกลับมาค่อยกลับมาซื้อ หรือ DCA ตามแผนเดิมไปเรื่อยๆ ก็ได้เช่นกันครับ
2.2 เชื่อมั่นแต่หวั่นไหวกับความผันผวนในสิ่งที่ซื้อ : แบบนี้ขายออกบางส่วนเพื่อถือเงินสดแล้วรอซื้อกลับเวลาตลาดฟื้น หรือ ปรับสัดส่วนใหม่ ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นเติบโตอย่างหุ้นเทคฯลงครับ ไปถือกลุ่มหุ้นเน้นคุณค่า หรือถืออะไรที่ความเสี่ยงต่ำกว่านี้ครับ
8
แต่ไม่ว่าจะทำวิธีการไหน ก็มีข้อดี-ข้อเสียด้วยกันทั้งนั้นครับ อาทิเช่น ตัดใจขายขาดทุน หุ้นดันขึ้นทันที จะทยอยถัวเพิ่ม หุ้นดันลงไปอีก ช้อนไปช้อนมา ช้อนหัก!!!
7
ก็ให้นับว่าเวลานี้เป็นเวลาที่ดี ที่เราได้คุยกับตัวเองอีกครั้ง อย่าลืมว่าการตัดสินใจทำในแบบไหน ไม่มีถูกไม่มีผิด ขึ้นกับจริตการลงทุนของแต่ละคนครับ
ลงทุนระยะยาว
อยากเห็นกำไร
ต้องไร้อารมณ์
12
ให้ซื้อเมื่อคนอื่นขาย
และขายเมื่อคนอื่นซื้อ
6
อยู่ให้เป็น
เย็นให้พอ
อดทนรอให้ได้
"กำไร"จะยั่งยืน
8
สุดท้ายนี้ ขออย่าให้ทุกคนอย่าเพิ่งท้อครับ ไม่ว่าจะขาดทุนกำไร หรือ ขาดทุนต้นทุน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
5
💭เพราะการลงทุนนั้น ไม่ต้องซื้อให้ถูกที่สุด
แต่ขอให้ห่างจากจุดที่เรียกว่า "ดอย" ก็พอ
1
💭ใครชอบบทความดีๆแบบนี้ รบกวนกด Like เป็นกำลังใจให้แอดมิน
ใครคิดว่าบทความนี้ใช่ รบกวนกด share ให้เพื่อนๆมีความรู้เพิ่มในการลงทุน
หรือใครมีข้อเสนอแนะ ติชมอะไร พิมพ์ทิ้งไว้ได้เลยครับ
1
==================================
***การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนการลงทุนทุกครั้ง
==================================
💭หากใครอยากได้ข้อมูลการลงทุนแบบฉับไว
ไม่พลาดทุกการลงทุนในทุกสินทรัพย์
กด Follow Twitter "หนีดอย"
พร้อมกดกระดิ่งแจ้งเตือนได้ที่ www.twitter.com/needoykan
💭เผื่ออนาคตผมมีจัด Clubhouse ด้านการลงทุน ใครสนใจสามารถ follow @winneuro เพื่อติดตามกันได้เลยนะครับ...
Clubhouse
💭ช่องทาง Podcast ทั้งหมดของ "หนีดอย"
Apple Podcast : apple.co/3pC8Gwh
โฆษณา