18 มี.ค. 2021 เวลา 13:18 • บันเทิง

เรื่องเล่าที่ 1 : หญิงสาวที่อยู่ชั้น 5

เมื่อประมาณเดือน พ.ย. ปีที่เเล้ว เป็นช่วงที่เราอยู่ปี 1 ปลาย ๆ เราเลิกกับเเฟนเลยไม่อยากอยู่หอคนเดียว เราเลยย้ายไปอยู่กับเพื่อนอีกหอซึ่งไม่ไกลกันมาก ปกติเราเช่าหอพักอยู่คนเดียวเเต่ไม่ค่อยอยู่ห้อง ส่วนใหญ่จะอยู่กับเพื่อนคนนี้ (สมมติว่าชื่อดาว) ดาวจะอยู่หอคนเดียวอยู่เเล้ว เราเลยย้ายมาอยู่ด้วย ส่วนเพื่อนอีกคน (สมมติว่าชื่อนิว) ตอนเเรกอยู่บ้านเเฟน เเล้วเหมือนจะทะเลาะกับเเฟนเลยมาขออยู่ด้วย ก็จะกลายเป็น 3 คน เเต่ปัญหาคือห้องของดาวค่อนข้างเล็ก เลยตกลงกันว่าจะย้ายขึ้นไปอยู่อีกห้องนึง
2
ห้องนี้เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในหอ มีเตียง 6 ฟุต สองเตียง ห้องน้ำ 2 ห้อง ห้องอาบน้ำเเยกอีก 1 ห้อง เเละตู้เสื้อผ้าอีก 2 ตู้ใหญ่ เเละเเน่นอนว่าค่าเช่าก็เเพงที่สุดในหอ ห้องนี้อยู่ชั้น 5 ทั้งชั้นมีเเค่ 3 ห้อง เราอยู่ห้องตรงกลาง ส่วนห้องข้าง ๆ 2 ห้อง ไม่มีคนอยู่
วันต่อมาหลังจากเลิกเรียนก็ตกลงว่าจะไปดูห้องกัน เลยไปขอกุญเเจกับคนที่ดูเเลหอ ห้องนี้ประตูจะตรงกับบันไดทางขึ้นพอดีเป๊ะ เราก็ว่ามันเเปลก ๆ นะ เเต่ดาวก็ไม่ได้พูดอะไร เรากับดาวก็เปิดประตูเข้าไป ในห้องจะโล่ง ๆ เเละดูกว้างมาก คืออยู่ 2 คน ยังรู้สึกเหงา ที่สำคัญเป็นห้องที่เงียบมาก เงียบเกินไป ต่างจากชั้น 4 ที่เดินผ่านมามาก เหมือนอยู่กันคนละโลกเลย
เเต่เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร เรากลับชอบห้องนั้นมาก ก็เเบบ “เอาห้องนี้เเหละ ชอบ” ดาวก็ไม่ได้พูดอะไร เเต่สีหน้าดูค่อนข้างกังวลเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา เราก็ถามว่าเป็นอะไรหรือป่าว ดาวก็ตอบเเบบส่ง ๆ ว่า “ไม่มีอะไรหรอก ลงไปข้างล่างกันเถอะ” เราก็เออ ๆ เดินเอากุญเเจลงไปคืนป้าที่ดูเเลหอ ป้าเขาก็ถามว่า “ชอบมั้ย ตกลงเอาห้องนี้เลยมั้ย” เราเลยขอกลับไปคิดดูก่อน ส่วนตัวเราชอบห้องนั้นมาก เเต่เรารู้สึกเหมือนดาวมีอะไรที่ไม่โอเค เลยกะว่าจะกลับมาคุยกันก่อน
เย็นวันนั้นเราก็มาคุยกับดาว “เป็นไง ชอบห้องป้ะหรือยังไง กูเห็นเครียด ๆ” ดาวมันก็ตอบว่า “ชอบนะ เเค่รู้สึกเเปลก ๆ บอกไม่ถูก เหมือนมีคนไม่อยากให้เราอยู่ห้องนั้น เเต่ช่างเหอะ กูว่ากูเอาอยู่” สรุปเราสองคนตกลงเอาห้องนั้น วันถัดมาเลยไปทำสัญญาขอย้ายห้อง เรื่องมันเริ่มจากตรงนี้
1
วันที่ 15 พ.ย. เป็นวันที่เราย้ายเข้าห้อง ก็ขนของเข้าห้องปกติ เรามีหน้าที่จัดห้อง ส่วนดาวย้ายห้องจากห้องเก่าที่ชั้น 3 ขึ้นมาชั้น 5 ตอนนั้นก็ไม่มีอะไร ดาวก็ขนของมาวางเรื่อย ๆ เราก็จัดห้องไปเรื่อย ๆ เเต่ที่เเปลกคือ ทุกครั้งที่ดาวขนของขึ้นมาละลงไปขนใหม่โดยที่ไม่ปิดประตู ประตูก็มักจะปิดเอง เเต่ปิดเเบบเบา ๆ ค่อย ๆ ปิด เราก็ไม่ได้คิดอะไร เป็นอย่างนี้เรื่อย ๆ จนขนของเสร็จ ดาวก็โทรไปถามนิวว่าขนของมาเลยก็ได้นะ เเต่นิวบอกดีกับเเฟนเเล้ว เเต่ก็ไม่เป็นไร สุดท้ายเราเลยต้องอยู่กับดาวเเค่สองคน
เย็นวันนั้นเรากับดาวตกลงกันว่าจะฉลองที่ย้ายห้องกัน เลยซื้อของกินพวกขนม เหล้า มาฉลองที่ระเบียงกันสองคนตามประสาสาวโสด วันนั้นอากาศค่อนข้างดี อากาศเย็น ๆ น่านอน เลยตกลงกันว่าจะลากฟูกออกมาปูนอนกันตรงระเบียงนี่เเหล่ะ
เราสองคนนั่งกินกันไปเรื่อย ๆ จนดึก ตี 2-3 กรึ่ม ๆ เข้าที่ก็มานั่งคุยกันเรื่องที่เจอเมื่อตอนกลางวัน เราก็ถาม “เป็นไงห้องใหม่ สวยป้ะ” ดาวก็บอก “ชอบนะ กูว่ามันชิวดี ไม่วุ่นวายดี” เราเลยเล่าเหตุการณ์ที่เจอตอนกลางวันให้ฟัง “เออ ห้องนี้อ่ะ ประตูมันปิดเองได้ว่ะ เจ๋งป้ะ” เท่านั้นเเหล่ะสีหน้าดาวก็เปลี่ยนเป็นนิ่ง ๆ เเล้วก็พูดกับเรา
“เออ กูว่าจะเล่าลืมเล่า ตอนกูไปจัดของในห้องน้ำ พอกูหันหลังเดินออกมา อยู่ ๆ สเปรย์ดับอากาศก็ตกเฉยเลยว่ะ ตกไม่ใช่เบา ๆ ด้วย กระเด็นไปอีกฝั่งของห้องน้ำเลย” เราเลยเเบบ “เห้ยจริงอ่อวะ ลมพัดป่าว” ดาวก็บอก “ลมบ้านน้องชายลุงเธอพัดในห้องน้ำเหรอคะ ประตูห้องน้ำก็ปิด” เท่านั้นเเหล่ะทั้งเราทั้งดาวก็เริ่มคิดกันละ
ในขณะที่เราสองคนนั่งคิดกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นวันนี้กันเงียบ ๆ ก็มีเสียง ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ ดังขึ้น เรากับดาวนี่สะดุ้งหันหน้ามองกันเลย เสียงมันไม่ใช่เสียงเคาะประตู เเต่เหมือนเสียงเคาะประตูตู้เสื้อผ้าเเบบตั้งใจมาก เเบบเน้น ๆ เลย กะให้เรากับดาวได้ยินชัด ๆ เรากับดาวเลยเเบบ ไม่เอาละ นอนดีกว่า ตีสี่เเล้วจะเช้าเเล้ว ก็เลยจัดที่นอน ว่าจะนอนกันตรงระเบียงนั่นเเหล่ะ ก็นอนกัน
5
เราเป็นคนที่ติดโซเชี่ยล คือขอให้ได้เล่นก่อนนอนนิดนึงก็ยังดี เราก็เล่นไปเรื่อย ๆ ไม่ถึง 10 นาที ที่ล้มตัวลงนอน ‘ตึ้ง !!!’ เสียงกระทืบเท้าหนัก ๆ ลงบนเตียงที่ไม่มีฟูก เสียงดังมาก ดังจนเราสะดุ้งทำโทรศัพท์หล่นจากมือ ขนนี่ลุกตั้งเเต่ปลายเท้ายันหัว เราหันไปมองดาวกะจะหาเเนวร่วม ไม่อยากกลัวคนเดียว เเต่อ้าว อีดอก หลับเเล้ว เราเลยเเบบ นอนเลยเเล้วกัน เเล้วเราก็หลับไป
หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยเจอเหตุการณ์เเปลก ๆ เท่าไหร่ เเต่เสียงเคาะประตูตู้เสื้อผ้านี่ได้ยินทุกวัน ช่วงเวลาเดียวกันด้วย ประมาณ 5 ทุ่ม ทุกวัน เเต่ไม่ได้ใส่ใจ อาจเพราะเรากับดาวไม่ค่อยอยู่ห้อง เช้าไปเรียน เลิกเรียนก็กลับมาอาบน้ำนอน ตื่นก็อาบน้ำ เเต่งหน้า เเต่งตัว ออกไปนั่งชิวร้านเหล้าร้านประจำ กว่าจะกลับก็ตีสองตีสาม เมาได้ที่ก็หลับสนิท พอเข้าช่วงสอบปลายภาคก็อ่านหนังสือกันเป็นบ้าเป็นหลังไม่สนใจสิ่งรอบข้าง กลับถึงห้องหัวถึงหมอนก็หลับสนิทเเล้ว
1
จนสอบเสร็จ ประมาณวันที่ 24 ธ.ค. เรากับดาวก็กลับบ้านไปฉลองปีใหม่กัน กลับมาอีกทีก็หลังปีใหม่ พอเรากับดาวกลับมาหอ ผ่านไปประมาณอาทิตย์นึงดาวก็เริ่มมีท่าทางเเปลก ๆ จากที่เป็นคนพูดมาก เฮฮา ก็กลายเป็นคนที่เงียบขรึม นิ่ง ๆ คิ้วชนกันตลอดเวลา เหมือนมีเรื่องให้คิด เหมือนไปเจออะไรเเย่ ๆ มา เราเคยถามดาวว่าเป็นอะไร ดาวก็ไม่บอก ได้เเต่เงียบเเล้วบอกช่างมันเถอะ เป็นอย่างนี้อยู่ 2-3 วัน
ในกลางดึกคืนที่ 3 เราก็นอนเล่นโทรศัพท์บนเตียงข้าง ๆ ดาว อยู่ดี ๆ ดาวก็พูดขึ้นมาว่า “คืนนี้ไม่นอน นั่งเป็นเพื่อนกูนะ” เราเลยถาม “เป็นไร” “ป่าวววว กูไม่เป็นนน เนอะ ๆ ไม่นอนเนอะ นั่งเล่นกันจนเช้าเนอะ” ดาวตอบด้วยสีหน้าที่กวนตีนมากกกก เราเลยเเบบ “ไรของมึงว้าา กวนตีนอ่อ มีไรเล่ามา” “กูป่าวววว เอาน่าาาา” เราเริ่มขึ้นละ ก็เถียงกันไปเถียงกันมา เลยตกลงว่าใครหลับก่อนชนะ เราก็เลยนอนเเล้วหลับไป
สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีกลางดึก เลยหันไปดูว่าดาวนอนหรือยัง
2
เเต่วินาทีนั้นเราเห็นผู้หญิงคนนึงหัวฟู ๆ เสื้อผ้ามอมเเมม นั่งยอง ๆ บนเก้าอี้ปลายที่นอน กอดเข่ามองมาที่ดาวตาไม่กระพริบ เเค่สองสามวิที่เราเห็นผู้หญิงคนนั้น ความรู้สึกเก่า ๆ ตอนเข้าห้องมาใหม่ ๆ ก็วนกลับมาอีกครั้ง ขนเรานี่ลุกตั้งเเต่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึงหัวเลย เรารีบหันกลับมาเเล้วหลับตา พยายามหลับให้สนิท เราเข้าใจดาวเเล้วว่าทำไมมันไม่ยอมเล่า ทำไมมันเเปลกไป ทำไมมันไม่ให้เรานอน คือเข้าใจทุกอย่าง รู้คำตอบเเล้ว เราพยายามหลับจนเราเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
เช้ามาเราถามดาวว่า “มีอะไรจะเล่าให้กูฟังมั้ย มีอะไรที่ดาวไม่บอกเรามั้ย” เเต่ดาวก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่มีอะไร “งั้นโอเค ไม่มีเเต่กูมี” เราเลยเล่าเรื่องที่เราเจอผู้หญิงเมื่อคืนให้ดาวฟัง ดาวเงียบไปสักพักเเล้วก็หันมาหาเรา จากนั้นก็เล่าทุกอย่างให้เราฟัง
1
“มันเริ่มตั้งเเต่ 2-3 วันที่เเล้ว กูเข้าห้องน้ำ เเล้วพอกูเปิดประตูห้องน้ำออกมา กูเห็นผู้หญิงนั่งกอดเข่าอยู่หน้าห้องน้ำ เเค่เเว๊บเดียวนะ เเล้วเธอก็หายไป เเล้วหลังจากนั้นกูรู้สึกเหมือนเขาเดินตามกูไปทุกที่ ตามไม่เคยห่างจากกูเลย รู้สึกมีคนมองอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อคืนกูทนไม่ไหว กูกลัวมากเว้ย จะเป็นประสาทอยู่เเล้ว กูไม่ได้นอนมาหลายวันเเล้วเนี่ย ขนาดตอนนี้เราคุยกันอยู่กูยังรู้สึกเหมือนเขานั่งอยู่ข้างหลังกูเลยเนี่ย”
2
เราสองคนเริ่มเครียด เลยตกลงกันว่าจะบอกพ่อเเม่ของเรา ปรึกษาว่าจะเอาไงดี จะย้ายห้องมั้ย หรือทำยังไงต่อดี เเม่ของดาวเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาคนทรงที่รู้จักกัน คนทรงได้เอาวัน เดือน ปีเกิด ของเรากับดาวเเล้วก็เลขห้องไปดู ท่านบอกว่า “ห้องนี้มีผู้หญิงเป็นเจ้าที่ เป็นคนที่อยู่มาก่อนก่อนที่ตึกนี้จะสร้างอีก เเรงมาก อยู่ไม่ได้เลย อยู่เเล้วจะร้อน ถึงอยู่ได้ก็ไม่นานต้องย้ายออก เขาหวงห้องมาก มันเป็นที่ของเขา” เเม่ดาวก็ถามวิธีเเก้มาให้
ท่านบอกว่าให้ไหว้ผลไม้ 5 ชนิด เเป้งน้ำมองเลยะ จุดธูปคนละดอก เขียนชื่อของเรากับดาวใส่กระดาษเเล้วเอาไปวางใต้พระในห้อง ให้ทำก่อนเที่ยง เเล้วทำบุญตักบาตรทุกเช้า อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เขา อย่างน้อยก็ทุกวันพระ ก่อนนอนให้นั่งสมาธิ 10 นาที สวดอิติปิโสเท่าอายุเเล้วค่อยนอน ให้ทำเป็นประจำ อาจจะทำให้อะไร ๆ ดีขึ้น
เรากับดาวขับรถไปซื้อผลไม้ เตรียมทุกอย่างให้พร้อม เช้าวันถัดมาเรากับดาวตื่นกันตั้งเเต่เช้า เริ่มตั้งเเต่ตักบาตรเเล้วไหว้ทุกอย่างเสร็จสรรพ วันนั้นทั้งวันเราได้กลิ่นเเป้งหอมมองเลยะทั้งวันทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เปิดฝาขวด
ถึงจะไหว้เเล้วเเต่เราสองคนก็ยังไม่กล้านอนในห้องนั้นตอนกลางคืนอยู่ดี ตรงข้ามหอเราจะมีร้านกาเเฟเเล้วก็มีพี่เจ้าของร้านกับเพื่อน ๆ นั่งเล่นกีต้าร์กันเเทบทุกคืน นั่งกันจนเกือบเช้า ด้วยความกลัวเราเลยขอไปนั่งเล่นด้วย
ตอนนั้นก็ประมาณเที่ยงคืนเเล้ว พี่ ๆ เขาก็ถาม “น้องอยู่ตึกตรงข้ามชั้น 5 ใช่มั้ย พี่เห็นน้องคนนี้ (เรา) บ่อย ๆ น่ะ ชอบมานั่งที่ระเบียงกับเพื่อนอีกคนนึง” ดาวก็ถาม “หนูเหรอ” พี่เขาก็บอกว่า “ป่าว ๆ อีกคนน่ะ ผมยาว ๆ ชอบมานั่งระเบียงกับน้องพลอย เเล้วนี่เขาไปไหนเเล้วอ่ะ ไม่ลงมานั่งด้วยกันล่ะ” เราก็หันหน้ามองกัน เราชอบไปนั่งเล่นที่ระเบียง เเต่ดาวจะไม่เพราะกลัวความสูง
ดาวเลยบอก “พี่ พวกหนูอยู่ห้องนั้นกันเเค่สองคน” พี่เขาก็เถียง “บ้า เมื่อวานพี่ยังเห็นน้องเขาอยู่เลย ยังนั่งอยู่ระเบียงกับพลอยอยู่เลย” เราเลยเล่าทุกอย่างให้พวกพี่ ๆ เขาฟัง รุ่นพี่ในกลุ่มนั้นคนนึงก็เลยบอกว่า “เพื่อนพี่ก็เคยอยู่ห้องนั้นนะ อยู่เดือนเดียวเเล้วก็ย้ายออกเลย ตอนเเรกพี่ก็งง เเต่ตอนนี้พี่เข้าใจละ” เเล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยกัน จนใกล้เช้าก็เเยกย้ายกันไป
หลังจากนั้นเราก็ทำตามที่คนทรงเคยบอกให้ทำอย่างเคร่งครัดก็ไม่เคยโดนหลอกอีกเลย ถ้าเจออะไรเเบบนี้อย่าไปไล่เขา อย่าไปทำร้ายเขา ให้ทำบุญให้เเล้วก็ดีกับเขาเเล้วจะอยู่กันเป็นสุข เเต่ทุกวันนี้เราย้ายออกจากห้องนั้นเเล้ว เพราะครบกำหนดปี ได้เงินประกันคืน เเละนี่เป็นเรื่องทั้งหมดที่เราเจอมา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา