12 มี.ค. 2021 เวลา 00:24 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เด้งแรกในชีวิต​ ที่ผมอยากเล่าให้ฟัง (เรื่องการลงทุน)​
ก่อนอ่านต่อไป​ ผมขอออกตัวไว้ก่อนไม่ใช่นักลงทุนที่เก่ง​ หรือร่ำรวยอะไรนะครับ​ เพียงแต่อยากมาแชร์มุมมองดีๆ​ เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ครับ
ปกติงานหลักของผมคือ​ ดูแล​ ทำงานในส่วนของ​ Avarin​ ตรวจนักกีฬา​ ออกกำลัง​ ซ้อมกีฬาเตรียมแข่ง​ เรียกได้ว่าแทบไม่ได้​โฟกัสการลงทุนเลย​ ซื้อหุ้นบ้าง​ สนุกๆ​ ซื้อมา​ ขายไป​ เงินลงทุนน้อย บางครั้งซื้อไว้ก็ลืมดู​ จนขาดทุน​ เพราะ​ โฟกัสกับงานที่ทำจนไม่ได้ใส่ใจ
ต้นมีนาคมปีที่แล้ว​ ก่อนโควิดจะคำรามกึกก้อง​ ผมนัด อ.มานพ​ มาคุยกันเรื่องผลตรวจ​ Genetic.test ของผม​ แฟนไปด้วย​ คุยไปคุยมา​ ถึงผลตรวจ​ ถามสารทุกข์สุกดิบ​ นินทาลุง​ ปิดท้ายก่อนกลับแฟนถามสนุกๆ​ อาจารย์​มีหุ้นอะไรแนะนำบ้าง​ แกเลยบอกว่าแกซื้อกองทุนรวมตปทตัวนึง​ เป็นสินทรัพย์​ ในตอนนั้นผมนึก​ โอ้โห​ทำไมกล้าจัง เพราะภาพเก่าๆ​ กองทุนรวม​ ตปท​ หลายกอง​ โดยเฉพาะกองจีนซื้อแล้วหาร​ 2 รอได้เลย​ ซื้อ​ 10 เหลือ​ 5 บาทอะไรทำนองนี้​ นึกในใจ​ อ.​จะโดนไหม
อาจารย์​เล่าต่อ​ ว่ากองทุนไทยนี้เป็น​ feeder กองทุนต่างประเทศ​อีกที และกองทุนนั้น​ ถือหุ้นอะไรบ้าง​ ผมเข้าไปดูตาม​อาจารย์เล่า​ กองทุนนั้นถือ​ Tesla.alibaba.facebook.goggle Netflix ผมตาลุกวาวทันที​ นั่งฟังอย่างตั้งใจ​ เพราะจำได้ว่า​ ตอนไป​อเมริกา​ ตอนเรียน​ XMBA​ ธรรมศาสตร์​ เห็นรถคันนึง​ แล่นผ่านเราไป​ แต่ในถนนไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลย​ ได้ยินแค่เสียง​ ใบไม้ที่ปลิวขึ้นจากพื้น​ ตามแรงลมของรถ และก็ได้ไปนั่ง​ รูปๆคลำๆใน​ showroom tesla ที่มีพอดีตอนเดินทาง​ ฝันว่ารถคันต่อไปของเราต้องเป็น​ รถไฟฟ้าแบบนี้
เข้าเรื่องต่อครับ​ ยังโอ้โหไม่จบ มี​ alibaba​ ด้วย​ นึกในใจ​ เคยใช้นี่หวา​ เราเคยสั่งของทั้ง​ aliexpress alibaba​ ตอนนั้นไม่รู้ว่า​ Lazada​ คือของ​ baba ด้วย
เฮ้ย​ Facebook Google รักมันมาก​ ธุรกิจเราโตได้จากเขาเลย​ เราเป็นรายเล็กๆ​ สมัยเริ่มเปิด​ ไม่มีอะไรไปสู้กับเขาได้เลย​ ไม่มีทางทำให้คนรู้จัก​ เพราะไม่ได้มีทุน​ ไปหนังสือพิมพ์​ ทีวี​ นิตยสารต่างๆ​ บริษัท​โชคดีที่ได้​ Facebook​ Google ช่วย​ อีกอัน​ Illumina คืออะไรครับ​ถามอาจารย์​ แกเลยอธิบายมันคือ​ตัวทำ​ DNA sequencing ที่ใช้ตรวจผมแหละ
และอีกหลายตัวไม่รู้จักเลย​ เช่น​ Tencent​ meituan keyring แกก็อธิบาย​ ตอนนั้นนึกในใจ​ ไม่รู้แล้วเว้ย​ ว่ามันทำอะไร​ แต่จะซื้อละเพราะมีหุ้นด้านบนที่รัก
นิสัยผมอย่างนึง​ ไม่รู้เป็นข้อดีหรือข้อเสีย​ คือถ้าผมมั่นใจอะไร​ อยากได้อะไร​ จะทำให้ได้สิ่งนั้นมาเร็วที่สุด​ ไม่ว่าต้องเสียเวลา​ เหนื่อยกว่าเดิม​ หรือจ่ายแพงขึ้น​ จะไม่คิดเล็กน้อยให้เสียเวลามากขึ้น
วันรุ่งขึ้น​ผมโทรหา​ บริษัทที่เป็นตัวแทนหลักทรัพย์​นั้นทันที​ ต้องการซื้อให้เร็วสุด​ ต้องทำยังไง​ ( ตอนนั้น​ ยังไม่รู้จักว่ามี​ ฟิโนมิน่า)​ สรุป​ ใช้เวลากรอกพิมพ์​ ทำเอกสาร​ 2-3 วัน​ก็ได้ซื้อสมใจเลย​ เป็นกองทุนแรกที่ซื้อหลังจาก​ ยี้พวกกองทุนต่างประเทศมาตลอด
สถานการณ์​หุ้นทั่วโลก​ ตอนนั้น​ทรงๆ​ ลงๆเล็กน้อยซื้อได้ไม่กี่วันถึงสัปดาห์​ โควิดระบาดหนักมาก​ ทั่วโลกรายงานผู้ติดเชื้อสูงขึ้น​ จากตอนแรกที่ผมคิดว่ามันจะไม่เป็นวงกว้าง​ น่าจะคลี่คลายได้กลางปี​ พอมาฟัง​ อ.นิธิพัฒ เล่าผ่านรายการ​ ผมถึงมองภาพใหญ่ออก​ ว่า​ ประเทศเราแย่แน่ๆ​ ประชาชน​ ลำบากแน่ๆ​ มีคนต้องตกงานขึ้นแน่ๆ​ ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างรวดเร็ว​ และรุนแรงมาก​ ไทยเริ่มมีรายงานผู้ติดเชื้อต่อวันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ​ รพ​ เริ่มมีปัญหาในการรับผู้ป่วยหนักไม่ทัน​ แพทย์​พยาบาลต้องทำงานหนัก​ ในกลุ่ม​ line group หมอ​ มีแต่ความวิตก และความเหน็ดเหนื่อย​ สุดท้ายประเทศไทยประกาศ​ Lock​ down. ผมต้องทำอะไรหลายๆอย่าง​ประชุมงาน วางแผน​ ปรับตัว​ เพราะสาขาทุกสาขาต้องปิดหมด​ แล้วน้องพนักงานจะทำยังไง​ รัฐจะ​ support แค่ไหน​ แล้วจะพอใช้ไหม​ ลืมนึกถึงกองทุนที่ซื้อไปเลย​ จำได้ว่าเปิดดูบ้าง​ ติดลบสัก​ 5-10 % แต่ไม่ได้สนใจ​ เพราะมีอะไรต้องคิดเยอะ
เศรษกิจจริงดำดิ่ง​ แต่ตลาดทุนขึ้นทุกวัน
หลังจาก​อเมริก​า​ Lockdown​ มีการประกาศ​ทำ​ QE.( การปั้มเงิน​ อัดเงินเข้าระบบ)​ เม็ดเงินมหาศาล​ เข้ามาผลักดันหุ้นในประเทศอเมริกา​ ให้​ rebound ขึ้นมา​ เจ้าหน้าที่หลักทรัพย์​โทรมาตาม ให้ส่งเอกสารเพิ่มเติม​ ไม่งั้นจะขายกองทุนไม่ได้​ ผมเลยนึกดีเลย​ จะได้ไม่ได้ขาย​ ถือยาวๆ​
ตลาดค่อยขึ้น​ ขึ้น​ ขึ้น​ และขึ้น​ ระหว่างทาง​ คนคิดว่ามันแค่​ Rebound.​ และแล้ว​ หุ้นในกองทุนนั้น​ ทำ​ all time high แทบทุกตัว​ โดยเฉพาะ​ Netflix ช่วง​ lock down หุ้น​ Tech Facebook. Google alibaba ขึ้นไปเรื่อยๆๆ​ จนคน​โฟกัสได้ว่า​ หุ้น​ Tech​ พวกนี้จะครองโลก​ ก็ผลักราคาขึ้นไปทุกวัน
ตลาดหุ้นทั่วโลก​ ไม่เว้นตลาดไทยก็​ rebound ขึ้น​ สวนทางกับ​ เศรษกิจจริง​ ( real sector) ของประเทศ​ แบบฟ้ากับเหวเลย
นักลงทุนทยอยขาย​ ทำกำไร​สำหรับนักเก็งกำไร​ สาย​VI ซื้อได้ถือแช่​ ส่วนของผม​อยากขายก็ขายไม่ได้​ เพราะไม่ส่งเอกสาร​บังคับตัวเองไม่ให้ปลิว​ หลังจากนั้น​ ผมก็รู้ว่าเรามีพอร์ต​กองทุนอยู่แล้วจาก​ broke ก็เลยลงทุนกองทุนเพิ่มไป
เกือบครบ​ 1 ปี​ วันนี้​ พอร์ตบวกไป 103% เป็นปรากฏการณ์​ที่กองทุน​ ทำ​ 1เด้งได้ใน​เวลาไม่ถึงปี
จบภาค​ 1 แล้ว
ภาค​2 ถ้ามีคนสนใจ​ ผมจะมาเล่า​ว่า​ ทำยังไงกับ​ port หุ้นไทยที่ขาดทุนเกิน​ 25% ของคุณพ่อ
ข้อคิดที่อยากส่งต่อ
1 เราควรมีรายได้หลายทาง​ อยากให้ไปอ่าน​ เงิน​ 4 ด้านครับ​ อ่านแบบไม่โลภ​ รายได้เราต้องมาหลายทาง​ เช่น​ เงินเดือน​ เงินวิชาชีพ​ เงินจากการประกอบกิจการ​ และ​การลงทุน​
2 ในวิกฤติ​มีโอกาสเสมอ​ อันนี้จริงเสมอ​ หาให้เจอ
3 ถ้าเป็นนักลงทุน​ อย่า​ all in ต้องมีเงินสดสำรองไว้​ เวลาตลาดพัง​ เราก็ยังมีเงินมาลุย​ ถ้าไม่มี​ ทำ​ QE​ ให้ตัวเองซะ​ ( ไว้มาเล่าให้ฟัง)​
4 ทฤษฎี​ผลประโยชน์​ ของคุณวิชัย​ จาวลา เป็นสิ่งที่ผมใช้มาตลอด​ ในช่วงที่ทุกคนมองเหมือนกันหมด​ เป็นช่วงที่เราต้องทำตรงกันข้าม ไปอ่านให้เข้าใจครับ
5 คนไทยจะแทบไม่ได้รับอานิสงส์​ QE​ อเมริกา​ เลยนะครับ​ ถ้าเราไม่ได้ลงทุน​ หุ้นตปท ถ้าเงินหลักมันหาย​ ก็เอาเงินที่เขาทำ QE​ มาที่เราบ้าง
6 ตอนนี้ตลาด​ไม่ใช่แบบตอน​ โควิดแรกๆนะครับ​ เราเห็นปลายทางของ​ Covid​แล้ว​ หุ้นขึ้นมาเยอะมากแล้ว​ หลายตัวเยอะเกินไป อย่าหวังซื้อกองทุนรวม​ แล้วจะได้​ 1 เด้ง​ หรือผลตอบแทนสูงมากๆตอนนี้​ แต่คิดไว้ก่อนว่ามีโอกาสขาดทุนได้ใน 10-20% ระยะสั้นแน่นอน​
7 คิดว่าการขาดทุนจากการลงทุน​ คือประสบการณ์​ครับ​ ถ้ายังคิดแบบนี้ไม่ได้​ คุณอาจเหมาะกับการลงทุนแบบอื่นที่เสี่ยงน้อยแต่​ return น้อยเช่นกัน
8 ผมไม่ได้ซื้อหุ้น​ เพราะดูงบ​ แต่ดู​ business model คาดการณ์​อนาคต​ จากความรู้และประสบการณ์​เรา
9 เผื่อแผ่​ ความรู้สิ่งดีๆ​ ให้คนรอบตัว​ แบบเหมาะสม เหมือนอย่างที่ผมได้คำแนะนำ​ จากกัลยาณมิตร​เช่นกัน​ สิ่งสำคัญ​สุดเราต้องมีความรู้เพื่อใช้ในการตัดสินใจ
ส่วนอันนี้เป็น​ Link​ ลงทุนครั้งที่สอง
ตอนเข้าซื้อน้ำมัน​ ขณะที่ทั่วโลกไม่ต้องการ
ตอนราคา​ future น้ำมันโลกติดลบครับ
( Cr​ ภาพ​ตอนไป​ showroom Tesla ที่อเมริก​าครับ)
หมอแอร์
โฆษณา