30 เม.ย. 2021 เวลา 02:00 • เกม
Nintendo 64 (N64)
Nintendo 64 (N64)
เป็นเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นที่สามของบริษัท Nintendo ต่อจาก Famicom และ Super Famicom ตามลำดับ วางจำหน่ายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1996 (2539) และในสหรัฐอเมริกา วันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1996 (2539)
Nintendo 64 โดยแรกเริ่มใช้ชื่อในการพัฒนาคือ Project Reality ซึ่งในภายหลังได้เปลี่ยนเป็น Nintendo Ultra 64 เนื่องมาจากความสามารถในการประมวลผลแบบ 64 บิตของมัน ต่อจากนั้นได้นำคำว่า Ultra ออกเหลือเพียง Nintendo 64 เท่านั้น
ประวัติในการพัฒนา Nintendo 64 นั้น เริ่มแรกของการพัฒนาที่ใช้ชื่อโครงการว่า "Project Reality" ทางบริษัท Nintendo คาดการณ์ไว้ว่า โปรเจกต์นี้จะเป็นเครื่องเกมคอนโซลที่สามารถสร้างภาพคอมพิวเตอร์กราฟิกได้พอๆ กับเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในยุคนั้น
ในฝั่งตะวันตก เครื่องเกมนี้ถูกเรียกว่า "Ultra 64" และภาพดีไซน์ของเครื่องที่นำออกเผยแพร่ครั้งแรกในปี 1994 มีรูปร่างเหมือนกับเครื่อง Nintendo 64 ทุกประการ ยกเว้น Logo ของเครื่อง มีการยืนยันว่าเครื่องเกมนี้จะใช้เกมแบบตลับ ซึ่งแตกต่างจากเครื่องเกมคอนโซลอื่นๆในยุคนั้น ที่นิยมใช้ CD-ROM เป็นสื่อในการบันทึกเกมหลัก
ส่วนในญี่ปุ่น บรรดาผู้สื่อข่าวและสาวกของเครื่องเกมค่ายนี้ ต่างสันนิษฐานกันว่าเครื่องเกมนี้จะชื่อ "Ultra Famicom" แต่เมื่อพัฒนาเสร็จสมบูรณ์และออกในปี 1995 ทาง Nintendo ได้ประกาศให้ชื่ออย่างเป็นทางการทั่วโลก ว่า "Nintendo 64"
เหตุผลที่ทาง Nintendo ตัดสินใจตัดคำว่า "Ultra" ออกจากชื่อเครื่อง เนื่องจากชื่อได้ถูกจดลิขสิทธิ์โดยบริษัท Konami อยู่ก่อนแล้ว
เครื่อง Nintendo 64 ขายได้ในอเมริกากว่า 500,000 เครื่อง ภายในสี่เดือนแรก แต่ยอดขายในญี่ปุ่นไม่ค่อยดีนัก ในปี ค.ศ.2005 Nintendo 64 ขายได้ในญี่ปุ่นได้เพียงจำนวน 5.54 ล้านเครื่อง ส่วนในอเมริกาขายได้ถึง 20.63 ล้านเครื่อง และขายได้ในภูมิภาคอื่นๆอีก 6.75 ล้านเครื่อง รวมแล้วเครื่อง Nintendo 64 ขายได้ 32.93 ล้านเครื่อง
ด้านการตลาด ทาง Nintendo โฆษณาว่าเครื่อง Nintendo 64 เป็นเครื่องเกม 64 บิท เครื่องแรกของโลก ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของบริษัทอาตาริ ที่อ้างว่าเครื่องจากัวร์ของตนเป็นเครื่องเกม 64 บิทเครื่องแรกของโลก
แต่อย่างไรก็ดี คอมพิวเตอร์ 64 บิทของจากัวร์ เป็นการนำเอาคอมพิวเตอร์32บิท 2 ตัวมาใช้ร่วมกันเท่านั้น ไม่ใช้เป็น 64 บิทแท้ๆเหมือนกับ Nintendo 64
จุดสิ้นสุดของยุคตลับเกม
Nintendo ยังคงใช้ตลับเกมเป็นสื่อบันทึกเกมสำหรับ Nintendo 64 โดยตลับเกมนั้นมีความจุตั้งแต่ 4 MB จนถึง 64 MB และการเซฟเกมทำโดยการบันทึกข้อมูลลงบนแบตเตอรี่แบ็คอัพแรมในตลับ แต่ในบางเกมมีการใช้เมมโมรี่การ์ดแยกต่างหากสำหรับการบันทึก
การตัดสินใจที่จะใช้ตลับเกมเป็นสื่อบันทึกเกมสำหรับ Nintendo 64 นั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Nintendo พ่ายแพ้ในวงการอุตสาหกรรมเกมคอนโซลในยุคนั้นกับทาง Sony หลังจากที่ครองตลาดมาหลายสิบปี
แม้ว่าทาง Nintendo จะได้พยายามโฆษณาถึงข้อดีของตลับเกม และข้อเสียของ CD-ROM ซึ่ง Nintendo มองว่าเกมที่ใช้ CD-ROM นั้นเสียเวลาโหลดนานต่างกับตลับที่แทบไม่ใช้เวลาในการโหลดเลย เนื่องจากในยุคนั้นเทคโนโลยีหัวอ่าน CD-ROM ยังไม่ก้าวหน้ามากนัก และยังโจมตีว่าเกมจาก CD นั้นสามารถก๊อปปี๊ได้ง่ายกว่า ต่างจากตลับเกมที่ทำการก๊อปปี๊ได้ยากกว่า
นอกจากนั้นเกมแบบ CD ยังบอบบางและเสียหายง่ายกว่าเกมแบบตลับที่ทนทานกว่า
ส่วนข้อเสียของเกมแบบตลับนั้น คือ ตลับเกมมีความจุน้อยกว่า โดยมีความจุสูงสุดที่ 64 MB แต่เกมแบบ CD-ROM มีความจุถึง 650 MB ซึ่งยุคนั้นเป็นยุคเฟื่องฟูของการพัฒนาเกม ผู้พัฒนาเกมต้องการพื้นที่ความจุที่มากขึ้นด้วย
อีกสาเหตุคือเกมแบบตลับผลิตได้ยากและแพงกว่าเกมแบบ CD ที่ผลิตได้ง่ายและต้นทุนไม่สูงเท่าแบบตลับ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้เหล่าผู้พัฒนาเกมหันไปพัฒนาเกมให้กับเครื่องเกมที่ใช้ CD-ROM เช่น เพลย์สเตชัน หรือ เซก้าแซทเทิร์น แทน
#thetimemachine1976 #ย้อนอดีต #วันวาน #ย้อนอดีตวันวาน #วันวานยังหวานอยู่ #วัยเด็ก #ยุค90 #เด็ก90 #เด็กยุค90 #เมื่อก่อนตอนเป็นเด็ก #backtoschool #retro #classic #oldschool

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา