14 มี.ค. 2021 เวลา 15:07 • สุขภาพ
เมื่อคนไข้ ขอให้หมอฉีดยาให้ตาย...
"หมอ ผมขอตายอาทิตย์หน้าได้มั้ย"
2
ขอเล่าเรื่องคนไข้ อีกคนหนึ่ง ที่มีโอกาสได้ดูแล
คนไข้คนนี้เป็นใหญ่เป็นโตในสังคม ตอนนี้เกษียณแล้ว และเป็นมะเร็งระยะท้าย จริงๆยังพอมียาให้คนไข้ได้อยู่ แต่คนไข้ไม่อยากทนต่อผลข้างเคียงอีกแล้ว จึงปฏิเสธการรักษา
รวมไปถึงไม่ต้องการให้รักษาโดยการให้ยา หรือเจาะเลือดใดๆเพิ่มเติมอีก
จึงได้มีการปรึกษาทีมดูแลประคับประคอง (palliative care) ไปช่วยดู
วันที่ไปพูดคุยกับคนไข้ ถามว่าปวดมั้ย เหนื่อยมั้ย คนไข้ก็ไม่มีอาการเหล่านั้น ถามว่าอยากให้หมอช่วยดูอะไร ท่านก็ตอบว่า อยากให้ช่วยทำให้ตายเร็วๆ
ใช่ค่ะ สิ่งที่ท่านขอ คือ "euthanasia" จริงๆคำนี้เป็นภาษากรีก
eu = ดี
thanatos = ตาย
ถ้าแปลตรงตัวก็คือแปลว่าตายดี นั่นเอง แต่ทางแพทย์หรือ ที่คนเข้าใจกัน การทำ euthanasia คือการที่ทำให้คนไข้จบชีวิตลงด้วยการกระทำบางอย่าง
4
ซึ่งสิ่งนี้ มีประเทศที่รองรับการทำนี้อยู่ไม่กี่ที่ ซึ่งประเทศไทยยังทำไม่ได้ แต่วันนี้จะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้
คนไข้ที่ขอให้ตายเร็วๆ มีได้บ่อย แต่ส่วนใหญ่คือจะมีความไม่สบายกาย ด้วยเหตุผลบางอย่างอยู่ เช่นปวดเยอะ เหนื่อยเยอะ แต่คนนี้ไม่ใช่ ไม่ปวด ไม่เหนื่อยแต่อย่างใด เพราะมียาคุมอาการหมดแล้ว
แต่ขอตายเพราะเบื่อที่ต้องอยู่ เบื่อที่ต้องนอนรอบนเตียง ไม่มีอะไรคั่งค้างอีกแล้ว ไม่มีอะไรรอ ไม่มีจุดประสงค์ที่จะอยู่ไปถึงพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ
5
เคยเจอมาก่อนบ้าง มักพบในคนที่เก่งๆ เป็นผู้นำ เป็นคนที่ผู้อื่นพึ่งพิง ดังนั้นคนกลุ่มนี้ความสุข ความภูมิใจ คือการเป็นผู้ที่ได้ให้ ได้ทำเพื่อผู้อื่น และไม่ต้องการอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นภาระกับใคร..... ดังนั้น ในวันนี้ เค้าไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้อีก จึงหมดซึ่งความสุขนั้นๆในชีวิต
8
เวลาเจอแบบนี้ ด้วยความเป็นหมอ มักจะไปต่อไม่ค่อยถูก แน่นอนเราบอกว่า เราไม่สามารถเร่งความตายได้ ขณะเดียวกัน เรารับปากว่าเราจะไม่ยื้อความตายเช่นกัน แต่วันนี้ ความตายมีเวลาของมันอยู่ หมอเองไม่รู้เหมือนกันว่าจะสื่อสารยังไง ให้คนไข้รู้สึกดีขึ้นได้
2
จึงนิมนต์พระมาช่วย....
1
ตอนไปก็ขอคนไข้ ขอญาติตรงๆ ว่าจะนิมนต์ท่านมาพูดคุยด้วย โดยจูงเรื่องพิธีกรรมเข้ามาเพราะบางครั้ง คนไข้ก็คงงงๆ ว่าจะเอาพระมาทำไม
1
พระที่นิมนต์มา เป็นพระกลุ่มจิตอาสาดูแลจิตใจผู้ป่วยระยะท้ายอยู่แล้ว
พระถามคนไข้ว่า ปรารถนาอะไรบ้าง
ท่านตอบว่า "ปรารถนาใจสงบ และอยากไปเร็วๆ"
3
พระท่านเลยถามต่อว่า ตอนนี้ใจสงบมั้ย
ท่านก็ตอบว่า สงบอยู่
พระท่านเลยถามต่อว่า ถ้าเวลาเราเร่งอะไร เราก็จะใจไม่สงบตอนนั้น ดังนั้น สิ่งที่ท่านขอนั้น ถ้าเป็นเรื่องใจสงบเราทำได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องเร่งให้ตายเร็วๆ เราทำไม่ได้ แถมยังเป็นเหตุให้ใจไม่สงบอีก
2
ณ จุดนี้ คนไข้หลับตานิ่ง จนหมอเองนึกว่าหลับไปแล้ว
พอพักหนึ่งก็ลืมตามา พร้อมกับแววตา ที่ดูเข้าใจอะไรมากขึ้น
1
พระบอกกับท่านว่า ท่านทำงานภายนอกมาเยอะแล้ว ตอนนี้ท่านควรทำหน้าที่ภายใน ซึ่งก็คือทำให้ใจสงบ
4
ตรงนี้ คิดว่าพระท่านสุดยอดมาก คำว่าหน้าที่ของบางคน เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมากๆ
ดังนั้น คิดว่าคนไข้ น่าจะเข้าใจแล้ว ว่าตอนนี้ เวลาที่เหลืออยู่นี่ ไม่ใช่เวลานั่งรอ แต่เป็นเวลาทำหน้าที่สุดท้ายที่เหลืออยู่ คือ ดูแลจิตใจตนเอง ให้สงบนั่นเอง
3
1 ชม ที่ได้สนทนาธรรมระหว่างคนไข้ กับพระ โดยหมอและพยบ.นั่งฟังอยู่ รวมถึงครอบครัวคนไข้
1
จากการประเมินด้วยสายตา คิดว่า คนไข้เข้าใจและสงบมากขึ้น
นับจากนี้ จะปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมัน
ญาติทำหน้าที่ของญาติ คือดูแลในเวลาที่เหลือ
และคนไข้ทำหน้าที่ของคนไข้ไป คือดูแลให้ใจสงบ
4
สิ่งที่ได้จากการพูดคุยวันนี้ คือ
- การให้ความเงียบทำงาน การรอฟังคนไข้ค่อยๆเผยความในใจออกมา เรามักไม่ชอบความเงียบ เพราะมันอึดอัด แต่เวลานี้ความเงียบมีประโยชน์มากๆ
- การสะท้อนความคิดคนไข้ จูงจิตใจคนไข้ เข้าสู่การเผชิญหน้ากับร่างกายที่เสื่อมถอย
- อย่าหยุดที่จะพยายามช่วยเหลือคนไข้
4
ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่หมอ consult พระ
1
ส่วนมากจะยกเรื่องนี้ ให้เป็นหน้าที่ของครอบครัว ไปจัดการเอาเอง รู้สึกเสียใจ ที่เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้
ถือว่าวันนี้เป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ได้ประสบการณ์ในด้านการดูแลจิตใจมากขึ้น
(ปกติชำนาญกับการดูแลอาการทางกายมากกว่า)
ไว้วันข้างหน้าอาจมีโอกาสได้ลองนำวิธีการแบบนี้ไปใช้ดูแลคนไข้รายอื่นต่อไป
2
ถ้าใครมีคำแนะนำ
หรืออยากร่วมแชร์ประสบการณ์
เชิญได้เลยนะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา