16 มี.ค. 2021 เวลา 04:22 • หนังสือ
#22 เล่ม 2 บทที่ 8 หน้า 146 ~ 151
...
N : ผมขอถามพระองค์ในเรื่องของเซ็กซ์และเด็กๆหน่อยนะครับ อายุเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมให้เด็กรับรู้เรื่องทางเพศในฐานะที่เป็นประสบการณ์ของชีวิตครับ❓
...
...
...
G : เด็กรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเพศ (หรือพูดอีกอย่างก็คือรู้ว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์) มาตั้งแต่เกิด สิ่งที่พ่อแม่จำนวนมากบนโลกใบนี้ทำลงไปก็คือ 💢พยายามห้ามไม่ให้เด็กสังเกตถึงเรื่องนี้💢
ถ้าเด็กทารกเอามือไปวางไว้ใน "ที่ๆผิด" พวกเธอจะเอามือของเขาออก หากเด็กเล็กๆเริ่มหาความสุขจากร่างกายของตัวเองด้วยความสนุกไร้เดียงสา พวกเธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยความหวาดกลัว และก็ส่งความรู้สึกหวาดกลัวนั้นไปยังตัวเด็ก เด็กก็เลยสงสัยขึ้นมาว่าทำอะไรผิด ตัวเองทำอะไรผิดไป❓ ดูสิ คุณแม่โกรธใหญ่เลยนี่ฉันทำอะไรผิดไปหรือ❓
สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเธอแล้ว คำถามไม่ใช่ว่าเมื่อไหร่พวกเธอถึงควรแนะนำเรื่องเซ็กซ์ให้แก่บุตรหลาน แต่เป็นคำถามว่า : ✴️เมื่อไหร่พวกเธอถึงจะหยุดสั่งให้พวกเขาปฏิเสธอัตลักษณ์ของตัวเองในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเพศเสียที✴️
และเมื่อถึงช่วงอายุระหว่าง 12 - 17 ปีนี่เอง ที่พวกเธอส่วนใหญ่จะล้มเลิกการตอบคำถามเรื่องทางเพศกับพวกเขาและสื่อออกไป (แม้โดยทั่วไปจะไม่ใช่ด้วยคำพูด เพราะปรกติพวกเธอจะไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว) ในทำนองว่า "ก็ได้ ตอนนี้เธอสังเกตได้แล้วนะว่าเธอมีอวัยวะเพศและมีเรื่องทางเพศให้ทำด้วยส่วนนั้นได้"
ทว่าเมื่อถึงเวลานั้นความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว ลูกๆของพวกเธอได้รับรู้มานานกว่าสิบปีหรือมากกว่านั้นว่าพวกเขาต้องมีความละอายต่ออวัยวะส่วนนั้นของตน เด็กบางคนถึงกับถูกบอกชื่อที่ไม่ถูกต้องเพื่อเรียกอวัยวะตรงส่วนนั้น พวกเขาได้ยินตั้งแต่ "กระจ้อยร่อย" (wee wee) "ส่วนล่างของเธอ" (your bottom) ไปจนถึงคำที่พวกเธอพยายามคิดกันขึ้นมาอย่างเต็มที่...ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อจะเลี่ยงคำว่า "จู๋" (penis) กับ "จิ๋ม" (vagina)
เมื่อซึมซับจนแจ่มชัดว่าการทำอะไรก็ตามกับส่วนนั้นของร่างกายตัวเองต้องเป็นเรื่อง "ปกปิดซ่อนเร้น" ต้องไม่พูดถึง ต้องหลีกเลี่ยง ลูกหลานของพวกเธอจึงเข้าสู่วัยหนุ่มสาวโดยไม่รู้เลยว่าจะต้องจัดการกับเรื่องเหล่านี้อย่างไรดี เพราะไม่ได้ถูกเตรียมพร้อมอะไรมาเลย ซึ่งก็เชื่อได้เลยว่าพวกเขาแสดงออกได้อย่างน่าสังเวช สนองตอบไปตามแรงขับที่รุนแรงและแปลกใหม่อย่างไม่ค่อยจะน่าดูเท่าไหร่นัก ในกรณีที่ยังไม่ถึงกับไม่เหมาะสมล่ะนะ
มันไม่จำเป็นต้องออกมาเป็นแบบนี้เลย และฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อลูกหลานของพวกเธอตรงไหน มีคนมากมายเหลือเกินที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ด้วยข้อห้ามและการข่มกลั้นทางเพศ พร้อมการ "อัดอั้น" ที่รอวันทะลักทะลาย
ในสังคมที่ตื่นรู้ขั้นสูง จะไม่ห้าม ตำหนิ หรือ "แก้ไขให้ถูกต้อง" ยามที่ลูกหลานของพวกเขาเริ่มสัมผัสได้ถึงความสุขแรกเริ่มจากธรรมชาติของสิ่งที่ตนเป็น เรื่องทางเพศของพ่อแม่ (ซึ่งก็คืออัตลักษณ์ของพ่อแม่ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเพศ) จะไม่ถูกปิดบังซ่อนเร้นจากการรับรู้ของเด็ก ร่างที่เปลือยเปล่าของพ่อแม่ รวมถึงของเด็กและญาติพี่น้องถูกมองและถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ งดงาม และ ปรกติอย่างที่สุด ไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าอายเลยสักนิด
กิจกรรมทางเพศก็ถูกมองและถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ งดงาม และ ปรกติอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน
ในบางสังคม พ่อแม่ร่วมรักกันต่อหน้าลูกหลานของตนเลยด้วยซ้ำ...จะมีฉากไหนที่ให้เด็กๆสัมผัสได้ถึงความงดงาม น่าอัศจรรย์ ความสุขอันบริสุทธิ์สูงส่ง และความปรกติธรรมดาของการแสดงออกทางเพศด้วยความรักได้มากไปกว่านี้อีกเล่า❓
เพราะ "ทุกๆพฤติกรรมของพ่อแม่" จะหล่อหลอมและสร้างกรอบของ "ความถูกต้องเหมาะสม" และ "ความผิดพลาดไม่เหมาะสม" ขึ้นมา เด็กๆจะรับเอาสัญญาณทั้งแบบละเอียดและแบบหยาบที่พ่อแม่ของพวกเขามีต่อทุกเรื่อง ผ่านสิ่งที่พวกเขาได้เห็นพ่อแม่ของตนคิด พูด และกระทำออกไป
ก่อนหน้านี้เธอเรียกสังคมแบบนั้นว่า "ป่าเถื่อน" และ "ล้าหลัง" แต่จงสังเกตว่าสังคมเหล่านั้นแทบจะไม่ปรากฏการข่มขืนหรือการลวนลามทางเพศเลย การค้าบริการทางเพศเป็นเรื่องที่ได้ยินแล้วขำกลิ้ง ความอัดอั้นและปัญหาทางเพศคือสิ่งที่ไม่มีใครรู้จัก
แม้ไม่ได้แนะนำให้สังคมของพวกเธอต้องเปิดกว้างถึงขั้นนั้นในตอนนี้ (เมื่อพิจารณาแล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การแสดงออกอย่างเต็มที่ที่สุดถือเป็นเรื่องเกินกว่าที่วัฒนธรรมของพวกเธอจะรับได้)
แต่ก็ถึงเวลาแล้วที่สิ่งที่เรียกกันว่าอารยธรรมสมัยใหม่บนโลกของเธอต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อหยุดการกดทับ ความรู้สึกผิด และความรู้สึกน่าละอาย ที่เห็นอยู่รอบตัว ที่แสดงถึงภาพรวมทั้งหมดของสังคมของพวกเธอในเรื่องการแสดงออกทางเพศและการมีประสบการณ์ทางเพศ
N : มีคำแนะนำอะไรบ้าง❓
ขอแนวทางหน่อยสิครับ❓
G : หยุดสอนเด็กๆตั้งแต่พวกเขายังเล็กๆว่า อะไรที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ตามกลไกตามธรรมชาติของร่างกายเป็น🔹สิ่งผิดและน่าละอาย🔹 หยุดแสดงให้ลูกหลานของเธอเห็นว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศถือเป็นสิ่งที่ต้อง 🔹ปกปิดซ่อนเร้น🔹
ยอมให้เด็กๆเห็นและสังเกตด้านที่อ่อนโยนนุ่มนวลของเธอ ให้พวกเขาเห็นเธอโอบกอด สัมผัส เคลียเคล้าอย่างอ่อนโยน ให้พวกเขาเห็นว่าพ่อแม่ของตนต่าง`รักกันและกัน`และให้เห็นว่าการแสดงความรักผ่านภาษากายนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติและงดงามมากๆ (เธอจะประหลาดใจที่ได้รู้ว่ามีครอบครัวมากมายแค่ไหนที่ไม่เคยสอนบทเรียนอันแสนเรียบง่ายนี้)
เมื่อลูกๆของเธอเริ่มยอมรับความรู้สึก ความอยากรู้อยากเห็น และแรงขับดันทางเพศของพวกเขาแล้ว 🌟พยายามให้พวกเขาเชื่อมโยงประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ของตนเองนี้ เข้ากับความเบิกบานและการสรรเสริญ ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกผิดและน่าละอาย🌟
และให้ตายเถอะ หยุดซ่อนเร้น "ร่างกายของตัวเอง" จากลูกๆของเธอเสียที ไม่มีอะไรเสียหายถ้าพวกเขาจะเห็นเธอกำลังแก้ผ้าว่ายน้ำในบ่อน้ำกลางทุ่งยามออกไปตั้งแคมป์หรือในสระว่ายน้ำหลังบ้าน
อย่าโกรธจนไม่เป็นอันทำอะไรเมื่อลูกๆแอบเห็นเธอวิ่งจากห้องนอนไปห้องน้ำโดยไม่ใส่เสื้อผ้า หยุดความจำเป็นบ้าๆที่จะต้องปกปิด ปิดบัง หรือปิดกั้นโอกาสใดๆ (ไม่ว่าจะไม่ตั้งใจแค่ไหน) ที่ลูกๆของเธอจะได้คุ้นเคยว่าตัวเธอนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเป็นของตัวเอง
เด็กๆคิดว่าพ่อแม่ของพวกเขาไม่ยุ่งกับเรื่องทางเพศเพราะพ่อแม่ "แสดงออกไปในเชิงนั้น" พวกเขาก็เลยจินตนาการว่าตัวเองจะต้องเป็นแบบนั้นด้วยเหมือนกัน ✴️เพราะเด็กทุกคนจะเลียนแบบพ่อแม่ของพวกเขา✴️
(นักบำบัดจะบอกว่า แม้เด็กๆจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่บางคนยังมีปัญหาเป็นอย่างมากเวลาที่นึกถึงภาพพ่อแม่ของตัวเองกำลัง "ร่วมรักกัน" ซึ่งก็แน่นอนว่าได้ทำให้ตัวของพวกเขาซึ่งตอนนี้เป็นผู้ป่วยอยู่ในสำนักงานของนักบำบัด เกิดความเดือดดาล รู้สึกผิด หรือความละอายขึ้นมา เพราะโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาก็ "อยากทำเหมือนกัน" แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่ามีอะไร`ผิดปรกติเกิดขึ้นกับตัวเอง`)
ฉะนั้นจงพูดคุยเรื่องเซ็กซ์กับลูกๆ หัวเราะไปด้วยกันกับลูกๆในเรื่องเซ็กซ์ จงสอน อนุญาต ย้ำเตือน และ "แสดงให้พวกเขาเห็นถึงวิธีการที่จะเฉลิมฉลอง" ในเรื่องทางเพศของพวกเขา นี่คือสิ่งที่เธอสามารถทำให้แก่ลูกๆของเธอได้
จริงๆเธอก็ทำมาตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาลืมตาดูโลกแล้ว ด้วยจุมพิตแรก อ้อมกอดแรก สัมผัสแรกที่พวกเขาได้รับจากเธอ...และจากการได้เห็นพวกเธอแสดงออกในเรื่องทางเพศแก่กันและกัน★
★พ่อและแม่ กอด จูบ หอมแก้ม จูงมือ แสดงความรักต่อกัน ถ้าพ่อแม่ไม่เคยแสดงออกถึงสิ่งเหล่านี้ให้ลูกๆได้เห็น ตั้งแต่วันที่ลูกเกิด ลูกๆก็เลยคิดว่ามันต้องเป็นไปในแบบที่พ่อแม่แสดงออกสินะ คือค่อนข้างแสดงออกไปในทางเย็นชาต่อกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าสังคมไทยเราเป็นแบบนี้จริงๆ และเป็นหนักมากในอดีต —แอดมิน—
N : ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ ผมก็หวังอยู่ว่าพระองค์จะนำ`ความมีเหตุมีผล`กลับสู่ประเด็นนี้เสียที คำถามสุดท้ายครับ เมื่อไหร่ถึงเหมาะสมที่จะแนะนำ ถาม-ตอบ หรือ อธิบายเรื่องทางเพศกับพวกเด็กๆครับ❓
G : พวกเขาจะบอกให้เธอรู้เองเมื่อเวลานั้นมาถึง 🔸เด็กแต่ละคนจะแสดงออกอย่างชัดเจนหากเธอคอยจับตามองและคอยรับฟัง เธอไม่มีทางพลาดไปได้🔸
 
จริงๆแล้วมันจะค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิด จะมาทีละหน่อย เธอจะรู้ว่าช่วงอายุไหนที่เหมาะสมในการจัดการกับเรื่องทางเพศที่ค่อยๆเกิดขึ้นของเด็กๆ และก็ต่อเมื่อเธอ สามารถปลดล็อคตัวเองและสะสาง "สิ่งค้างคา" ในส่วนของเธอที่มีต่อเรื่องนี้แล้วเท่านั้น
N : แล้วพวกเราต้องทำยังไงล่ะครับ❓
G : อะไรก็ได้ที่จำเป็นต้องทำ เข้ารับการอบรม พบนักบำบัด เข้าร่วมกลุ่ม อ่านหนังสือ ใคร่ครวญพินิจพิจารณา เปิดเผยต่อกันและกัน และที่สำคัญที่สุดก็คือ "เปิดเผยต่อกันและกันว่าเป็นเพศชายและเพศหญิงอีกครั้ง" เปิดใจต่อกัน กลับไปพบกัน กลับคืนไปใหม่ ปรับปรุงเรื่องทางเพศให้ดีขึ้น เฉลิมฉลอง และสนุกกับมัน ยอมรับมันเสียเถิด
✴️จงยอมรับเรื่องทางเพศอันรื่นรมย์ของตนเอง จากนั้นเธอจึงจะสามารถช่วยให้ลูกๆของเธอหันมายอมรับเรื่องทางเพศของตัวพวกเขาเองได้✴️
N : ขอบคุณอีกครั้งครับ ตอนนี้ถอยจากเรื่องของเด็กแล้วกลับสู่ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องทางเพศของมนุษย์ในภาพรวม ผมต้องถามอีกคำถามที่อาจดูไม่เข้าประเด็นหรือฟังดูเหมือนเล่นๆไม่จริงจังเท่าไหร่ แต่ผมไม่อาจปล่อยให้การพูดคุยนี้ผ่านไปโดยไม่ถามคำถามนี้ได้
G : อืม ไม่ต้องขอโทษแล้ว ถามมาเลย
N : เยี่ยมครับ มีสิ่งที่เรียกว่า มีเซ็กซ์ "มากเกินไป" หรือเปล่าครับ❓
G : ไม่มีหรอก ไม่มีแน่นอน จะมีก็แต่สิ่งที่เป็นความต้องการเซ็กซ์ที่มากเสียจน 🔸ขาดไม่ได้🔸
ฉันแนะนำอย่างนี้แล้วกันว่า : ✴️จงมีความสุขกับทุกสิ่งแต่อย่าขาดไม่ได้ในสักสิ่ง (Enjoy everything Need nothing)✴️
N : รวมถึงผู้คนด้วยหรือครับ❓
G : รวมถึงผู้คนด้วย และโดยเฉพาะกับผู้คนนั่นล่ะ
💢การขาดอีกฝ่ายไม่ได้คือวิธีที่เร็วที่สุดที่จะทำลายความสัมพันธ์💢
N : แต่เราทุกคนก็อยากเป็นที่ต้องการทั้งนั้นนี่ครับ
G : ถ้าอย่างนั้นก็จงหยุดเสีย เปลี่ยนมารู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการจะดีกว่า
เพราะของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เธอสามารถมอบให้กับใครสักคนได้ก็คือ
✴️ความเข้มแข็งและพลังที่ใครคนนั้นไม่จำเป็นต้องฝากชีวิตไว้กับเธอ และ
✴️ไม่เรียกร้องอะไรจากเธอเลย.
(จบ)(บทที่ 8)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา