“โต้ ๆ” ได้ยินเสียงเรียกชื่อผม เงยหน้าไปมอง ก็เห็นเป็น พี่จี๊ด เชฟใหญ่ที่กำลังยุ่งหัวหมุน เหงื่อท่วมอยู่ตรงหน้าเตา เพราะด้วยความ Busy แบบนรกรับประทาน เชฟใหญ่ก็ต้องลงมาช่วยจัด ช่วยผัดไปกับเขาด้วย
“มีไรพี่?” ผมตอบ ตัวเองก็กำลังวุ่น จัดอาหารหลายจานที่ถูกสาดออกมา ลงในถาดให้ ทีม Runner ตัววิ่งอีกสามคน มารับอาหารแบบวิ่งผลัดออกไปเสิร์ฟ
“พี่...ขอ...ไอติมก้อนนึงซิ” พี่จี๊ดกระซิบ
“อะไรนะพี่จี๊ด จะกินไอติมหรือพี่” ผมตั้งใจพูดเสียงดังโพล่งขึ้นมา ที่แกต้องกระซิบ เพราะกลัวคนอื่นได้ยิน พวกผมไม่มีงกอยู่แล้ว เรื่องของกิน เพราะเป็นของร้าน ไม่ใช่ของพวกผม ใครขออะไรพวกผมก็ให้ตลอด 555 แต่การกินของหวาน มันไม่ดีต่อสุขภาพ โรคเบาหวานของแกไง พอไอ้ตี๋ หนึ่งในทีมงาน Runner ได้ยินเท่านั้นแหละ หมาในปากก็ออกมาเห่าเลยเชียว
“พี่โต้ ห้ามพี่จี๊ดกินไอติมนะ” ไอ้ตี๋ น้อง Runner คนเล็กตัวใหญ่บอก
“ที่ห้าม เพราะเป็นห่วงแกใช่ป่ะ” ผมตอบ
“เปล่าพี่ แก่แล้ว! เดี๋ยวก็ตาย กินไปก็เปลือง!” ไอ้ตี๋ตอบพลางหัวเราะ บอกแล้วว่า ทีม Runner นี่ปากหมา หน้าตาดีกันทั้งนั้น ด่ากันทีลืมอายุ ทั้ง ๆ ที่พี่จี๊ดนี่อายุรุ่นพ่อนะ แต่เราเล่นกันเหมือนเพื่อน
“อีตี๋! เดี๋ยวแม่ตบ” พี่จี๊ดเสียงดัง ทำเป็นขึ้น
“กลั๊ว กลัว เดินให้ตรงก่อนพี่ ค่อยมาคุยกับผม” น้องตี๋กัดต่อ ดูสภาพพี่จี๊ดแก ผอมกร่อง สองขายังไม่เท่าแขนไอ้ตี๋แขนเดียวเลย พี่จี๊ดทำเป็นจะเดินออกมาตบ ผมเห็นท่าไม่ดี ขืนให้ไอ้ตี๋อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวได้เตะเชฟโชว์ ผมเลยรีบไล่ให้ตี๋ออกไปเสิร์ฟ
“ออกอาหารก่อนนะพี่ เดี๋ยวกลับมาให้ตบ” ตี๋บอก ก่อนจะยกถาดอาหารขนาดควาย ๆ ห้าหกจานไป พอตี๋ไป พี่จี๊ดก็หันมามองผม ต่อรองแบบทำสายตาหวานใส่
“ไม่ให้โว้ย” ผมตอบไป แบบเลือดเย็นผสมกวนตีน ก่อนจะอธิบายต่อไปว่า พี่กินพวกของหวาน ๆ ไม่ได้ ไม่ดีต่อสุขภาพ
“นะ ๆ โต้ ขอพี่ลูกนึงเหอะ จะเป็นลมแล้วเนี่ย วันนี้ไม่ได้กินของหวานอะไรมาเลยนะ Pleaseeee...” พี่จี๊ดบอก พลางทำสายตาอ้อนวอนแบบน่ารัก คิดดู คนอายุจะเข้าหลักหกแล้ว มาขอไอติมเด็กหลักสามเนี่ย ถ้าผมไม่ให้ก็ใจบาปเกินไปล่ะนะ
“อ่ะ ๆ ผมให้ก็ได้ ลูกเดียวนะพี่ ให้แล้วจบนะ ห้ามมาขออีก!” ผมบอก พอแกได้ไอติมไปลูกนึงเท่านั้นแหละ โอ๊ย กระปรี้กระเปร่าเหมือนได้ไวอากร้า!