22 มี.ค. 2021 เวลา 10:15 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
สุดยอดหนังดี จาก Top 250 บนเวบไซด์ IMDb Part 8 : ลำดับที่ 36-40
สรุปอันดับหนัง Top 250 IMDb ที่รีวิวไปแล้วในตอนก่อน
31. Léon: The Professional (1994)
32. Hara-Kiri (1962)
33. The Usual Suspects (1995)
34. The Lion King (1994)
35. The Pianist (2002)
1
เช่นเดียวกับตอนที่แล้ว ลำดับที่ 36-40 มีแต่หนังเรื่องโปรด ผมจึงให้ 5 ดาวทุกเรื่อง
หมายเหตุ : คะแนนดาวเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน 3 ระดับ คือ
3 ดาว = หนังดี ควรหามาดู
4 ดาว = หนังดีมาก แนะนำให้ดู
5 ดาว = หนังดีมากๆ ไม่ควรพลาดเด็ดขาด
36. Back to the Future (1985)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,055,181 คน
จุดเริ่มต้นไตรภาคระดับตำนานของภาพยนต์ Sci-fi ที่มีเสน่ห์และเป็นที่รักของแฟนหนังมากมาย ผลงานกำกับของโรเบิร์ต เซเม็กคิส (Robert Zemeckis)อำนวยการสร้างโดย สตีเฟน สปีลเบิร์ก( Steven Spielberg)
Back to the Future เป็นเรื่องราวการผจญภัยของมาร์ตี้ แม็คฟลาย (ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์) เด็กมัธยมปลายที่มีเพื่อนเป็นนักวิทยาศาตร์สติเฟื่องอย่าง ดร.เอ็มเม็ต บราวน์ (คริสโตเฟอร์ ลอยด์) หรือที่มาร์ตี้เรียกว่า ด็อก
วันหนึ่งด็อกเตอร์สามารถสร้างเครื่องย้อนเวลาได้สำเร็จ เขาจึงเอามาอวดมาร์ตี้ แต่ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ก่อการร้ายชาวลิเบียก็ได้เข้ามาสังหาร ดร.เอ็มเม็ต เพื่อล้างแค้นที่ดอกเตอร์ขโมยพลังงานพลูโตเนียมของพวกมันมาสร้างไทม์แมชชีน
มาร์ตี้ได้ขับรถเดอลอรีน(DeLorean)หลบหนีผู้ก่อการร้าย ซึ่งรถคันนี้ก็คือไทม์แมชชีนที่พาเขาย้อนเวลากลับมาในปี 1955 เป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่ของเขากำลังเรียนไฮสคูล การมาของมาร์ตี้ทำให้ประวัติศาสตร์ผิดเพี้ยนไปเพราะแม่ของมาร์ตี้ดันมาหลงรักเขา ทำให้เส้นเวลาที่พ่อกับแม่ได้เป็นแฟนกันไม่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่ออนาคตของมาร์ตี้ เพราะถ้าพ่อแม่ไม่ได้คบกันก็จะไม่มีตัวเขาเกิดขึ้นมา มาร์ตี้จึงต้องแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ก่อนที่ตัวเขาจะหายไป
บทวิจารณ์ : ★★★★★
Back to the Future เป็นหนังไซไฟที่มีความเป็น Pop Culture สูงมาก หนังมีครบทุกรสตั้งแต่ไซไฟ แอคชั่น คอมมาดี้ ไปจนถึงความรักโรแมนติคแบบวัยรุ่น มีหนังไตรภาคไม่กี่เรื่องที่ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบทุกภาค และหนึ่งในนั้นก็คือ Back to the Future เป็นคอลเลคชั่นหนังไซไฟที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด
1
37. Terminator 2: Judgment Day (1991)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 993,466 คน
ในโลกอนาคตเมื่อมนุษย์ถูกปกครองโดยคอมพิวเตอร์ที่ชื่อ " skynet" มนุษย์ได้ตั้งกลุ่มต่อต้านซึ่งมี " จอห์น คอร์นเนอร์ "เป็นแกนนำหลัก
ทาง skynet ได้ส่งหุ่นยนต์ T-800 ย้อนเวลามาเพื่อที่จะสังหารซาร่า คอร์นเนอร์ก่อนที่เธอจะให้กำเนิดจอห์น แต่แผนการกลับล้มเหลว (เรื่องในภาคแรก)
หลังผ่านไป 10 ปี skynet ได้ส่งหุ่นยนต์สังหาร T-1000 ย้อนเวลากลับมาอีกครั้งในปี ค.ศ.1950 เพื่อต้องการสังหารจอห์น คอนเนอร์ ในวัยเด็ก แต่จอห์น คอร์นเนอร์ ก็แก้ทางด้วยการส่งหุ่น T-800 ที่ดัดแปลงใหม่ย้อนเวลากลับมาเพื่อคุ้มครองเขาเช่นกัน การต่อสู้ของหุ่นรุ่นเก่าอย่าง T-800 และหุ่นยนต์ไฮเทคตายยากอย่างT-1000
จึงเริ่มต้นขึ้น
บทวิจารณ์ : ★★★★★
Terminator 2 จัดเป็นหนังแอ็คชั่น Sci-fiระดับตำนานที่เต็มไปด้วยความสนุกพร้อมเนื้อหาที่สมเหตุสมผล การไล่ล่าต่อสู้กันของมนุษย์จักรกลรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ที่ตายยากตายเย็นนำไปสู่บทสรุปที่ลงตัวและทำให้หนังเรื่องนี้เป็นอมตะยาวนาน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเราก็ยังดูหนังเรื่องนี้สนุกเช่นเดิม
38. American History X (1998)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,032,541 คน
American History X ดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักคือ ดีเรค (เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน)เด็กวัยรุ่นที่คลั่งลัทธิชาตินิยม เขามักจะดูถูกเหยียดหยามคนผิวสีและชาวเอเชียอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเผลอไปฆ่าชายผิวสีทำให้ดีเรคต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำที่เต็มไปด้วยคนผิวสี
ที่นั่นเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ได้เห็นมิตรภาพของคนผิวสีที่ทำให้ดีเรคไม่คิดจะแบ่งแยกผู้คนอีกต่อไป เมื่อพ้นโทษออกมาดีเรคได้ปรับปรุงตัวเป็นคนดี เขาละทิ้งอุดมการณ์ของลัทธิ ในขณะที่แดนนี่ (เอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลอง)น้องชายแท้ๆของเขากำลังก้าวเข้าสู่ลัทธิตามรอยพี่ชาย ดีเรคจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงน้องชายให้ออกมาจากลัทธินี้ให้ได้
บทวิจารณ์ : ★★★★★
ผมได้ดู American History X ครั้งแรกตอนมัธยมปลาย บอกตามตรงครับตอนนั้นแทบหลับ ที่เป็นแบบนั้นเพราะผมไม่เข้าใจสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อเลย ผมไม่อินเรื่องเหยียดสีผิว นาซี ไม่รู้อะไรสักอย่าง จนกลับมาดูอีกรอบเพราะต้องทำรีวิว
ในช่วงวัยที่โตขึ้นทำให้ผมเข้าใจบริบทของหนัง จากที่เคยไม่ชอบพอมาดูตอนโตกลับชอบและอินมากๆ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตันแสดงเรื่องนี้ได้ดีและมีเสน่ห์สุดๆ ตอนที่คลั่งลัทธิก็สุดไปทางหนึ่ง พอออกจากเรือนจำก็สุดไปอีกทางหนึ่ง
การต้องแสดงเป็นตัวละครที่มีการพัฒนาทางความคิดแบบก้าวกระโดดจนเปลี่ยนตัวเองเป็นคนละขั้วได้แบบนี้ ถ้าไม่เจ๋งจริงคนดูจะไม่เชื่อ แต่เอ็ดเวิร์ด นอร์ตันแสดงได้ดีมากๆ จนเราไม่รู้สึกสงสัยเลย เขาแสดงดีจนทำให้คนดูก้าวข้ามความสงสัยต้องและตั้งคำถามต่อไปว่า อะไรที่ทำให้ดีเรคเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ?
หนังค่อยๆคลายความอยากรู้นี้ให้กับผู้ชม และในระหว่างที่เรากำลังเพลิดเพลินต่อคำตอบนั้น หนังก็พาเราไปสู่บทสรุปที่พลิกผันขึ้นไปอีกขั้น เป็นตอนจบที่ทำให้เราต้องจดจำหนังเรื่องนี้ไปอีกนาน (แนะนำอย่างแรงครับ)
39. Modern Times (1936)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 217,212 คน
Modern Times เป็นเรื่องของชายหนุ่มที่ทำงานอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการทำงานระบบสายพานที่ซ้ำซากจำเจ เวลาในแต่ละวันที่ผ่านไปหล่อหลอมให้เขาทำงานเดิมๆซ้ำๆไม่ต่างจากเครื่องจักร
ชีวิตของผู้ใช้แรงงานในยุคอุตสาหกรรมทำให้วิถีชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เขาทำงานจนสติหลุดทำให้ถูกจับมาอยู่ในคุก เมื่อออกมาจากคุกเขาก็พบกับหญิงสาวที่ต้องดิ้นรนเพื่อให้ตนเองและครอบครัวมีชีวิตรอด จากจุดเริ่มต้นนี้ความสัมพันธ์
ระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวจึงเริ่มก่อตัว ท่ามกลางสังคมอุตสาหกรรมในระบบทุนนิยมที่ผู้คนต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวเองให้รอด
บทวิจารณ์ : ★★★★★
ผลงานสุดคลาสสิคของ ชาร์ลี แชปลิน ที่ลงมือกำกับ เขียนบท แสดงนำ และแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วยตนเอง Modern Times เป็นหนังขาว-ดำ ที่เกือบจะเรียกได้ว่าหนังเงียบ แม้จะมีบทพูดบ้างแต่ก็ถือว่าน้อยมากๆ
เสน่ห์ในงานของชาร์ลี แชปลิน คือ การนำเสนอภาพที่สื่อสารให้คนดูเข้าใจเนื้อเรื่องได้แม้ไม่มีเสียงพูด หนังของเขามักจะเล่นกับความรู้สึกคนดูตลอดเวลา บทจะพลิกผันไปมายากที่จะคาดเดา
สิ่งที่ผมชอบที่สุดใน Modern Times นอกจากการสะท้อนภาพชีวิตของผู้คนในช่วงที่กำลังเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมก็คือ ความโรแมนติคของเรื่อง สำหรับผม หนังของชารืลี แชปลิน จัดเป็นหนังรักโรแมนติคที่คลาสสิคและมีอารมณ์ขันมากๆ
40. Psycho (1960)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 602,710 คน
1
หนังสยองขวัญสุดคลาสสิคในตำนาน จากผลงานกำกับของอัลเฟรด ฮิทซ์ค็อก (Alfred Hitchcock) ไม่ว่าคุณจะเป็นคอหนังสยองขวัญหรือไม่ อย่างน้อยคุณต้องคุ้นกับฉากฆาตกรรมในห้องอาบน้ำของหนังเรื่องนี้
หนังเล่าถึง แมเรี่ยน เคลน พนักงานสาวที่ขโมยเงินจากบริษัทมา 40,000 เหรียญ เพื่อนำมาให้แฟนหนุ่มที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน เนื่องจากแฟนของเธออยู่คนละเมือง ทำให้แมเรี่ยนต้องขับรถไปพบเขา
ในระหว่างที่กำลังเดินทางอยู่นั้น อยู่ดีๆฝนก็ตกลงมา ทำให้แมเรี่ยนไม่สามารถขับรถต่อไปได้ เธอจึงแวะพักที่โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง และคืนนั้นเองเธอก็ถูกฆาตกรรมและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คนรักและน้องสาวของเธอจึงออกตามหาโดยว่าจ้างนักสืบเอกชนฝีมือดีให้มาช่วยคลี่คลายคดีนี้
บทวิจารณ์ : ★★★★★
จุดเด่นที่ทำให้ Psycho ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมากก็คือ มุมกล้องที่ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจทำให้ผู้ชมรู้สึกร่วมไปกับตัวละคร โดยเฉพาะฉากฆาตกรรมในห้องน้ำที่ถือว่าสุดยอดมากๆ
1
อีกส่วนสำคัญก็คือ บทที่มีความรัดกุมจนสามารถผูงโยงเหตุการณ์ต่างๆเชื่อมหากันได้อย่างแนบเนียน มีการใส่ปูมหลังทางจิตเพื่อรองรับการกระทำของฆาตกรทำให้หนังมีความสมเหตุสมผล
Psycho ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังเขย่าขวัญสืบสวนสอบสวนในยุคหลังอีกหลายเรื่อง เป็นหนังที่ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน ก็ยังคงความสนุกและคลาสสิคอยู่เสมอ แนะนำให้ดูเลยครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา