24 มี.ค. 2021 เวลา 10:30 • ประวัติศาสตร์
“วีนัส” ในงานศิลปะ คุณแม่แห่งความงาม ความรัก และหญิงงามเมือง
2
เทพีวีนัส เป็นเทพีในเทพปกรณัมโรมัน ชาวโรมันซึ่งมีจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่ 500 ปีก่อนคริสตศักราชได้ยืมไอเดียของเทพี Aphrodite เทพปกรณัมกรีกซึ่งมีอายุเป็นพันปีก่อนคริสตศักราชมาอีกที
ต้องขอทำความเข้าใจกันก่อน เพราะชื่อเทพเจ้าของกรีกและโรมันนั้น โดยทั่วไปจะใช้กันคนละชื่อแม้จะเป็นเทพองค์เดียวกันก็ตาม กล่าวคือ ถ้าชื่อเทพเจ้าเป็นชื่อดวงดาวก็แปลว่าเป็นชื่อที่คนโรมันเรียก เช่น Zeus ของกรีก โรมันจะเรียกว่า Jupiter / Ares เทพเจ้าแห่งสงครามของกรีก ในเวอร์ชั่นโรมันก็จะชื่อว่า Mars / Hades เทพเจ้าแห่งโลกความตาย ในเวอร์ชั่นโรมันจะเรียกว่า Pluto เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป บางทีก็ไม่ใช่อย่างนั้น เช่น Athena เทพีแห่งปัญญาและชัยชนะ ในเทพปกรณัมโรมันจะมีชื่อว่า Minerva หรือ Diana เทพีแห่งสัตว์ป่าและการล่า ในเทพปกรณัมกรีก จะมีชื่อว่า Artemis
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง
บัญชีกสิกรไทย 0193426433 บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
โดยในบทความนี้จะมีการเอ่ยถึงสลับไปสลับมาตามความสะดวกและบริบทต่างๆ เพราะจะเน้นเรื่องของศิลปะเป็นหลักมากกว่านิทานตำนานเทพ
เทพีวีนัสเป็นเรื่องที่ฮิตมาก ๆ ในวงศิลปะตะวันตก ภาพวาดเทพีวีนัสที่ดังที่สุดในสามโลก นั่นก็คือ The Birth of Venus ของ Sandro Botticelli เป็นภาพเขียนสีน้ำของเทพีวีนัสซึ่งกำเนิดจากฟองคลื่นเคลื่อนตัวมาที่ชายฝั่งบนเปลือกหอยขนาดใหญ่ ทางซ้ายของภาพคือ Zephyr เทพแห่งลมตะวันตกพร้อมกับ Aura ภรรยา พัดเทพีวีนัสมาขึ้นฝั่ง ทางด้านขวา คือ Spring หรือ ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกสาวของเทพ Zeus มารอรับเทพีกำเนิดใหม่
3
ภาพนี้มีสัญลักษณ์ของ “ความอุดมสมบูรณ์” หรือ การกำเนิดชีวิตใหม่ หรือเอาง่าย ๆ คือการสืบพันธุ์นั่นแหละ ซึ่งเยอะมาก เริ่มจากเปลือกหอยขนาดใหญ่นั่นก็คือสัญลักษณ์ของหอย เพราะในสังคมโบราณความสามารถในการสืบพันธุ์ ความสามารถในการตั้งท้อง การมีลูกมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก นี่คือเหตุที่เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์จึงต้องเป็นเพศหญิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อมาก็คือ เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ หรือ Spring ซึ่งในสังคมที่มีสี่ฤดู ฤดูใบไม้ผลิคือฤดูแห่งการกำเนิดใหม่ ฤดูแห่งชีวิตใหม่ หลังผ่านฤดูหนาวอันแสนโหดซึ่งใบไม้ทิ้งใบทั้งหมดเหลือแต่กิ่งก้านโกร๋น ๆ พื้นดินก็แข็งโป๊กน้ำแข็งเกาะ ปลูกอะไรก็ไม่ได้ สัตว์ต่าง ๆ พากันจำศีล เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ เริ่มเห็นตุ่มเขียว ๆ ดันตัวออกมาจากกิ่งไม้ หิมะเริ่มละลาย สัตว์ต่าง ๆ เริ่มออกมาจากรังเพื่อหาอาหารและแน่นอน หาคู่ด้วย ก็นี่ล่ะ ฤดูใบไม้ผลิจึงเป็นฤดูแห่งการสืบพันธุ์และการกำเนิดของชีวิตใหม่
นอกจากเทพี Spring แล้ว ผ้าคลุมผืนสีชมพูที่มีลายดอกไม้นั้นก็เป็นสัญลักษณ์ของความ “อุดมสมบูรณ์” เช่นเดียวกัน และถ้าอยากจะคิดลึกกันเข้าไปอีก ให้มองไปที่หญ้าก้านธูปที่มุมซ้ายล่าง นั่นก็ถือเป็น phallic symbol หรือ สัญลักษณ์ของอวัยวะเพศชาย อย่างแน่นอน อะไรที่เป็นแท่ง ๆ ตั้ง ๆ มันใช่ทั้งนั้น
ย้อนกลับไปตรงกำเนิดที่แท้จริงของเทพีวีนัสซึ่งหลายคนอาจจะไม่เคยทราบ บางตำราว่าเทพีวีนัสกำเนิดมาจากฟองคลื่นในทะเลซึ่งฟังดูนุ่มนวลและโรแมนติก แต่เทพปกรณัมกรีก ไม่ใช่นิทานไว้เล่าให้เด็กฟังก่อนนอน เพราะเอาเข้าจริง Greek Mythology นี่โหดมาก คือ โหดในระดับที่ต้องร้องว่า คิดได้ไงอ่ะ ?? เทพีวีนัสเกิดจากฟองคลื่นก็จริง แต่ฟองคลื่นในเทพปกรณัมกรีกเกิดจากอะไร ? ตามตำนานเมื่อก่อนนี้ทะเลจะยังไม่มีคลื่น และคลื่นในทะเลเกิดจากการที่เทพโครโนส ตัดอวัยวะเพศของพ่อ คือเทพยูเรนัส แล้วโยนลงทะเล ทะเลซึ่งไม่เคยมีฟองคลื่นก็เกิดฟองขึ้นมา ฟองนี้เกิดจากเลือดและน้ำกามของเทพยูเรนัสผู้เป็นพ่อนั่นเอง ส่วนคำถามว่าไปตัดปู๋พ่อเธอทำไม ? คำตอบก็คือ เทพยูเรนัสนั้นเป็นพ่อที่ไม่ไว้ใจลูก มีลูกชายออกมากี่คนก็จับไปขังหมดเพราะกลัวลูกชิงบัลลังก์ สุดท้ายลูกก็เลยสมคบกับแม่จัดการพ่อซะเลย ก็ที่บอก ตำนานเทพปกรณัมไม่ใช่นิทานใส ๆ ที่เอาไว้เล่าก่อนนอนให้เด็กฟัง
นั่นล่ะ! พอเทพโครโนสจัดการเทพยูเรนัสเสร็จแล้ว จากฟองคลื่นที่เกิดจากเลือดและน้ำกามนั้น ก็กำเนิดเทพีวีนัส เทพีแห่งความรัก ความงาม ความอุดมสมบูรณ์ ความเป็นแม่ และ นางคณิกาขึ้นมา
ภาพ The Birth of Venus ของ Sandro Botticelli เป็นหนึ่งในภาพวาดที่น่าจะเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกค่ะ อยู่ในสมาคมเดียวกันกับ โมนาลิซ่า และ รูปปั้นเดวิดอย่างแน่นอน ภาพนี้มีขนาดใหญ่มาก สูง 1.7 เมตร และ กว้างเกือบ ๆ 3 เมตร จัดแสดงอยู่ที่แกลเลอรี่อูฟฟิซี่ ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง
บัญชีกสิกรไทย 0193426433 บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
ภาพนี้วาดในช่วงชีวิตของ Botticelli ในศตวรรษที่ 15 ส่วนตัววีนัสนี้ น่าจะเป็นตัวแทนของความงามในอุดมคติของยุคเรอเนสซองส์ในอิตาลี บางสำนักก็ว่านางแบบของ Botticelli ก็คือผู้หญิงที่สวยที่สุดแห่งยุคตอนนั้น ซึ่งก็ได้แก่ Semonetta Vespucci ลูกหลานขุนนางแห่งเมืองเจอนัวที่มาแต่งงานกับลูกหลานขุนนางแห่งเมืองฟลอเรนส์ เรื่องที่เทพีวีนัสของ Botticelli คือคุณ Semonetta Vespucci หรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องหนึ่งนะคะ แต่ที่แน่ ๆ ผู้หญิงหลายคนที่ Botticelli วาดก็หน้าบล็อกเดียวกันกับคุณ Semonetta นี่แหละ
เทพีวีนัสในงานศิลปะอีกชิ้นหนึ่งที่ดังมากกกกกก แต่จะบอกว่าไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือวีนัสเดียวกันกับวีนัสบนชายหาดของ Botticelli คือ เหมือนผู้หญิงคนละคน คนละอารมณ์ คนละแนว นั้นก็คือ รูปปั้น Venus de Milo ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์นั่นเอง
2
วีนัสแบบกรีกกับวีนัสแบบเรอเนสซองส์ต่างกันจนต้องถามว่า นี่คนเดียวกันแน่หรอ? เป็นความงามในอุดมคติของสังคมต่างยุคกันนะคะ เทพีวีนัสของกรีกและโรมัน (ซึ่งโรมันก๊อปกรีกแบบเป๊ะ) จะดูแข็งแรง ความเหลี่ยม ความแน่น อาจจะพูดว่ามีความหุ่นนักกีฬากว่าเทพีวีนัสแบบ Botticelli ที่ดูนุ่มนิ่ม ละมุนตุ้น เส้นขอบไม่ค่อยชัด หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับรูปปั้น วีนัสเดอมิโล จาก “สมุดศิลปะ” สมัยเด็กนะคะ ใครไม่เข้าใจก็ข้ามไป ใครเข้าใจก็นั่นล่ะ เรามันรุ่นเดียวกัน
รูปปั้นเทพีวีนัสที่ดังที่สุดและถูกก๊อปปี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ คือ Venus de Medici ค่ะ เป็นรูปปั้นเทพีวีนัสที่สร้างขึ้นในคริสตศักราช 1 ที่เอเธนส์ ปัจจุบันอยู่ที่แกลเลอรี่อูฟฟิซี่ที่เมืองฟลอเรนส์ ต้องบอกกันก่อนว่าในอารยธรรมกรีกโรมันนั้น ขั้นตอนการผลิตงานประติมากรรมทำโดยการสร้างชิ้นต้นแบบเป็นสัมฤทธิ์แล้วจึงผลิตซ้ำด้วยหินอ่อนหรือหินประเภทอื่น ๆ นี่คือเหตุผลที่เราจะได้เห็นประติมากรรมเทพีวีนัสจำนวนมากที่ดูเหมือน ๆ กัน ตามพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ
คำถามต่อมาคือ แล้วอันไหนคือของแท้ล่ะ ? ก็ต้องตอบว่า ถ้าเราจะบอกว่าอันแรกสุดคือของแท้ ก็ต้องบอกว่าเป็นรูปปั้นที่ทำจากสัมฤทธิ์ถูกไหม แต่เรื่องของเรื่องก็คือ สัมฤทธิ์ หรือ Bronze เป็นโลหะที่มีค่า สามารถเอาไปทำอย่างอื่นที่ใช้ประโยชน์ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ หรือแม้แต่อาวุธยุทธภัณฑ์ ดังนั้น งานศิลปะต่าง ๆ ที่เป็นสัมฤทธิ์สุดท้ายมักจะถูกนำไปหลอมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ดังนั้น งานประติมากรรมกรีกและโรมันโบราณถ้าเป็นหินก็ถือว่าเป็นชิ้นก็อปปี้ทั้งหมด แต่การก็อปปี้ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน ก็ยังต้องถือว่าเป็นงานที่มีคุณค่าอย่างมหาศาลในทางโบราณคดีอยู่ดีนั่นแหละ
1
Venus de Medici ก็เป็นก็อปปี้จากอีกวีนัสหนึ่ง คือ Aphrodites of Knidos ซึ่งไม่มีอยู่แล้ว แต่ก็มีการก๊อปปี้กันไว้หลายเวอร์ชั่นมาก สำหรับ Aphrodites of Knidos นี้ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งตรงที่ เป็นประติมากรรมนู้ดเพศหญิงชิ้นแรกในอารยธรรมกรีก สร้างขึ้น 400 ปีก่อนคริสตกาลโดยประติมากรที่โด่งดังที่สุดของอารยธรรมกรีกโบราณ Praxiteles คือ ก่อนหน้านั้นประติมากรรมนู้ดของกรีกจะมีแต่เพศชายเท่านั้น ผ่านไปตั้ง 300 ปีจึงมีคนคิดว่า ทำรูปปั้นนู้ดผู้หญิงมั่งดีกว่า ก็ออกมาเป็น Aphrodites of Knidos นี่แหละ ซึ่งก็คือ เทพี Aphrodites หรือ วีนัส กำลังจะอาบน้ำ เป็นประติมากรรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ชื่นชมความงามได้จากทุกมุม ถ้าคุณไปเห็นประติมากรรมนี้ตามพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ก็จะได้อ๋อกันว่า ทำไมวีนัสในโพสแบบนี้จึงมีความสำคัญ
สำหรับ Venus de Medici ที่เรียกว่า Venus de Medici ก็เพราะตระกูลเมดิชี่แห่งฟลอเรนซ์ไปได้มาแล้วก็มาเก็บไว้ที่บ้านของตระกูลในกรุงโรมตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 15 ต่อมาโป๊ปสั่งให้เอาไปเก็บไว้ที่ฟลอเรนซ์เพราะรู้สึกว่ามันจะส่งผลให้คน “ประพฤติไม่เหมาะสม” ต่อมาเมื่อนโปเลียนบุกยึดยุโรปก็ได้ปล้นเอา Venus de Medici กลับไปไว้ที่ปารีส จนนโปเลียนหมดอำนาจ Venus de Medici จึงได้ถูกส่งคืนด้วยความไม่ค่อยเต็มใจนักของรัฐบาลฝรั่งเศส นี่คือเหตุที่ฝรั่งเศสต้องไปเสาะหาวีนัสใหม่มาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์แทนวีนัสเดอเมดิชี่ ในที่สุดก็ไปได้ วีนัส เดอ มิโล มาแทนและโปรโมทหนักมากจนติดอันดับสิ่งที่ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองที่ลูฟร์จนถึงปัจจุบัน
Aphrodites of Fréjus ประติมากรรมวีนัสที่ถือว่าเป็นประติมากรรมหินอ่อนยุคโรมันที่ก็อปปี้ประติมากรรมบรอนซ์ของกรีกได้เป๊ะและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งรูปแบบ การโพส และการทิ้งตัวของผ้าก็เป็นที่นิยมมากจนวีนัสในรูปแบบนี้ได้ถูกนำมาก้อปปี้เป็น Venus Genetrix หรือ วีนัสในปางที่เป็นมารดาของรัฐโรมัน โดย จูเลียส ซีซาร์ นักรบและนักการเมืองโรมันผู้ยิ่งใหญ่ได้สั่งให้สร้างขึ้นเพราะแกเคลมว่า เทพีวีนัสคือบรรพบุรุษของครอบครัวแกเอง ดังนั้น เทพีวีนัสก็จะต้องเป็นมารดาของอาณาจักรโรมันโดยตำแหน่ง
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง
บัญชีกสิกรไทย 0193426433 บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
ทั้ง Aphrodites และ Venus ล้วนเป็นเทพีแห่งความงาม ความรัก ความเป็นแม่ และยังเป็นเทพีแห่งหญิงคณิกาอีกด้วย เรียกว่า ทั้งในสมัยกรีก และ โรมัน ในโบสถ์ของเทพีจะมีนักบวชหญิงที่มีหน้าที่มี sex กับชายที่เข้ามาสักการะ แนว ๆ ว่าเป็นการมี sex เพื่อสักการะเทพีวีนัส ซึ่งก็น่าสนใจมาก ๆ เลย เรื่องของเทพเจ้าหญิงในอารยธรรมต่าง ๆ ที่มีบทบาทเป็นเทพผู้ปกปักรักษาโสเภณีในหลาย ๆ อารยธรรมที่เก่าแก่กว่ากรีกและโรมันก็มีแทบจะเป็นแพทเทิร์นเดียวกันหมด เราอาจจะพูดได้ว่า เทพีวีนัส ก็คือเทพหญิงสัญลักษณ์ของความงาม ความรัก sex การสืบพันธุ์ การมี sex เพื่อสันทนาการ และ อาชีพขาย sex ที่อยู่กับมนุษยชาติมาเนิ่นนานเท่าที่เราสืบค้นกันได้ ไม่ว่าจะเป็น เทพี Astarte ในอารยธรรม Phoenicia / Ishtar ในอารยธรรมบาบิโลเนียน และ Innanna ในอารยธรรม สุเมเรียน ซึ่งก็ดูมีเหตุมีผลดีนะคะ เพราะถ้าเราจะมีเทพเจ้า เทพเจ้าแห่งความรัก ความอุดมสมบูรณ์และ sex ก็น่าจะอยู่ในบัญชีรายชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันดับต้น ๆ เลยล่ะ
คำถามที่ถามกันบ่อย ๆ คือ Aphrodites ของกรีก กับ Venus ของโรมัน มีความแตกต่างกันมั้ย หรือก็แค่เรียกด้วยคนละชื่อ เอาจริง ๆ ก็มีคำอธิบายขยายความอยู่พอสมควร เท่าที่สืบค้นมาเราก็พบว่า เทพในสกุลของกรีกจะมีอารมณ์เหวี่ยงเยอะกว่าเทพสไตล์ชาวโรมัน คือเทพปกรณัมกรีกจะไม่ได้เป็น เทพ เพราะมีความเหนือกว่าทางศีลธรรม มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องทางจิตใจ หรือเป็นผู้ตั้งมาตรฐานทางความดีความชั่วในแบบของ “พระเจ้า” ในศาสนาสมัยใหม่เช่นคริสตศาสนาหรือศาสนาอิสลาม แต่เทพเจ้ากรีกเป็นเทพเจ้าเพราะเกิดมาเป็นแบบนั้น มีอำนาจด้วยอิทธิฤทธิ์ที่เหนือกว่ามนุษย์ เทพจะปกครองมนุษย์และธรรมชาติ ไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นบรรทัดฐานทางศีลธรรมใด ๆ ดังนั้น เทพปกรณัมกรีกจึงเต็มไปด้วยการใช้พลังอำนาจตามใจชอบของเทพเจ้า ไม่ว่าจะให้คุณหรือให้โทษกับมนุษย์ เทพเจ้าทะเลาะกันแล้วไปซวยที่มนุษย์ก็เยอะแยะ
เทพเจ้าอย่าง Zeus ราชาแห่งเหล่าเทพนี่ก็ชอบมี sex เรี่ยราดไปทั่ว ทั้งกับเทพ มนุษย์ และสัตว์ เทพีเฮร่า ราชินีแห่งภูเขาโอลิมปัส ซึ่งเป็นภรรยาก็ต้องตามหึงตามอาละวาดตลอด หรือ แม้แต่สงครามแห่งกรุงทรอย ที่ยาวนานถึง 10 ปีและมีคนตายเยอะมากกกก
ตามเทพปกรณัมกรีกเอาเข้าจริงก็เกิดจากการทะเลาะกันระหว่าง เฮร่า อาธีน่า และ อาโฟรไดตี้ ว่าใครงามเลิศที่สุด สามนางนี้ทะเลาะกัน Zeus ผู้ซึ่งไม่อยากจะมีเรื่องอ่ะนะ ก็โยนค่ะ บอกว่าอย่ามาถามชั้น ให้ไปถามเจ้าชาย Paris แห่งทรอยโน่น เทพีทั้งสามก็เลยแล่นไปหา Paris และไม่ได้ไปให้ตัดสินเปล่า ๆ นะ ต่างคนก็ต่างพยายามติดสินบนกรรมการ Hera บอกว่าจะยกทวีปเอเชียให้เจ้าชายเป็นผู้ปกครอง Athena บอกว่าจะบันดาลให้เจ้าชายเป็นนักรบที่มีสติปัญญาและรบเก่งที่สุด ส่วน Aphrodites บอกว่า จะให้ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก คือ Helen แห่ง Sparta ตกหลุมรักเจ้าชาย Paris (ทั้ง ๆ เค้ามีผัวแล้วนั่นแหละ) แล้วคิดว่าเจ้าชาย Paris รับสินบนของใครล่ะ ?
สรุปว่า เทพี Aphrodites ได้รับการรับรอง (ด้วยวิธีการติดสินบนกรรมการ) ให้เป็นเทพีที่สวยที่สุด เทพีก็เลยดลบันดาลให้ Helen ซึ่งเป็นราชินีแห่ง Sparta ตกหลุมรักเจ้าชาย Paris แห่งกรุงทรอย แล้วก็หนีตาม Paris ไป สามีเค้าก็ต้องไปเอาคืนอ่ะสิ กลายเป็นสงครามกรุงทรอยซึ่งเรียกได้ว่าเป็นมหาภารตะเวอร์ชั่นกรีกก็ว่าได้
อย่างที่บอก เทพเจ้ากรีกไม่ได้มีไว้เอาเป็นตัวอย่างทางศีลธรรม เทพเจ้ากรีกมีไว้เพื่อเความบันเทิงและต่อรองขอนั่นขอนี่มากกว่า
เมื่อ Aphrodites เป็นเทพีที่มีคนรักมากมาย และมีลูกจากผู้ชายหลายคนทั้งที่เป็นเทพและเป็นมนุษย์นะคะ เธอมีลูกกับทุกคนยกเว้นสามีตัวเอง เพราะไม่มีความสุขในชีวิตสมรส คือมีความรักมากมาย เป็นคนสวยที่สุด มีลูกน่ารักที่สุด แต่กับผัวตัวจริงคือไม่โอเค
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง
บัญชีกสิกรไทย 0193426433 บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
ดังนั้น เมื่อเข้าสู่ยุคโรมัน ชาวโรมันยังคงบูชาเทพีวีนัสเพื่อขอพรต่าง ๆ อันเกี่ยวเนื่องกับความรัก ขอให้เค้ารักเรา ขอให้ความรักสมหวัง ขอให้มีลูก ขอให้โชคดี ขอได้หลายอย่าง แต่ ถ้าจะขอพรเกี่ยวกับชีวิตสมรส เรื่องความสุขในชีวิตของความเป็นผัวเมีย ความสงบสุขในบ้าน ให้ไปขอเทพีจูโน่ ซึ่งก็คือชื่อโรมันของเทพีเฮร่า เมียหลวงในตำนานของเรานี่เอง เทพีจูโน่คือเทพีผู้พิทักษ์เมียแต่งหรือเมียหลวง นอกจากนี้ยังเป็นผู้พิทักษ์ผู้หญิงท้องและการคลอดลูก Juno ในสไตล์โรมันจะดูดุ ๆ ไม่ได้ฟรุ้งฟริ้งนุ่งผ้าทิ้ง ๆ บาง ๆ เซ็กซี่แบบเทพีวีนัส เทพี Juno ในคติโรมันมักจะห่มหนังแพะ ซึ่งแพะเป็นสัญลักษณ์แห่งการมีลูกเยอะ และจูโน่จะถือหอกและโล่ด้วย
1
เทพเจ้าค่อนข้างมีความหลากหลาย มีวาไรตี้และมีความโดดเด่นในเรื่องที่แตกต่างกัน นอกจากนี้การมีเทพเจ้ามาก ๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เราก็มีเทพเจ้าที่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้เราได้ กรีกและโรมันมีเทพเจ้าสำหรับทุกอย่างจริงๆ
คราวนี้เรามาดูงานจิตรกรรมภาพเทพีวีนัสที่โด่งดังสุดขีดอีกภาพหนึ่งดีกว่า นั่นคือ Rokeby Venus โดย Diago Velázgez หนึ่งในศิลปินตัวพ่อของยุคบาโร๊ก ภาพนู้ดโดย Velázgez เท่าที่นักประวัติศาสตร์สืบค้นได้ก็มีภาพนี้ภาพเดียวค่ะ ทั้งคนที่วาด คนสั่งให้วาด ก็รอดจากการลงโทษของศาลศาสนาไปอย่างฉิวเฉียด เพราะในศตวรรษที่ 17 ศาสนจักรคาธอลิกในสเปนนั้นมีอำนาจอย่างมากและศาสนาก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกำจัดศัตรูทางการเมืองอีกด้วย การกล่าวหาว่าใครกระทำการอันเป็นการดูหมิ่นศาสนา หรือ ขัดต่อศีลธรรมอันดีก็มีสิทธิจะโดนศาลศาสนาลงโทษได้ การล่าแม่มดและจับผู้หญิงเป็นจำนวนมากเผาทั้งเป็นก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมของศาลศาสนาทั่วยุโรปและอเมริกาเหนืออยู่หลายร้อยปี
1
ภาพ Rokeby Venus แสดงอยู่ที่ National Gallery ที่ลอนดอนมาตั้งแต่ปี 1906 และเป็นหนึ่งในภาพที่ดังที่สุดที่นั่นเลย เราอาจจะพอเดาได้ว่านี่คือเทพีวีนัสเนื่องจากเด็กที่ถือกระจกให้นั้นมีปีก ซึ่งเด็กชายมีปีกก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเทพคิวปิด ซึ่งตามเทพปกรณัมก็คือบุตรชายของวีนัสนั่นเอง น่าสนใจมาก ๆ ที่วีนัสในภาพนี้ มีรูปร่างรูปทรงยังกะนางแบบในยุคปัจจุบัน คือโดยสัดส่วนแล้ว ผู้หญิงในภาพดูเป็นผู้หญิงที่มีเรือนร่างเพอร์เฟ็คต์ตามอุดมคติของยุคนี้เฉยเลย การใช้แสงและสีเรียกว่าเป็นฝีมือชั้นครูจริง ๆ สมแล้วที่เป็น Velázgez สีผิวของวีนัสเหมือนจะมีแสงส่องออกมาจะภายใน มีบางคนบอกว่า โอ้โห สะโพกและบั้นท้ายนั้น แทบจะดูเป็น สามมิติกันเลยทีเดียว
ในปี 1914 ภาพนี้ถูกนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิการเลือกตั้งของผู้หญิง หรือ suffragette ชื่อ แมรี่ ริชาร์ดสัน เอามีดทำครัวเฉือนลงที่กลางภาพจนฉีกขาด 5 จุด เพื่อประท้วงที่รัฐบาลอังกฤษจับเอมมาลีน แพรงก์เฮิร์สต์ ผู้นำกลุ่มเข้าคุก เธอบอกว่าเธอเอือมกับการที่ผู้ชายมายืนน้ำลายยืดดูภาพนี้กันอย่างหน้าไม่อาย ซึ่งก็พอเข้าใจ เอาจริง ๆ คือ ใจคอจะให้ผู้หญิงเป็นได้แค่วัตถุทางเพศให้ผู้ชายมาชื่นชมความงามความโป๊อย่างเดียวจริงๆ เหรอ ? ให้มีรูปผู้หญิงโป๊ขนาดนี้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติได้แต่ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในการตัดสินใจโชคชะตาของตัวเอง มันดูถูกดูแคลนกันมากไปหน่อยหรือเปล่า ? อย่างไรก็ตาม แมรี่ ริชาร์ดสันก็ถูกตัดสินจำคุกไป 6 เดือน ซึ่งคือโทษสูงสุดที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษได้ในกรณีทำลายงานศิลปะนะคะ และ Rokeby Venus ก็ได้รับการซ่อมแซมจนกลับมาสวยงามเหมือนเดิมในเวลาต่อมา
ภาพเทพีวีนัสที่มีรูปแบบนี้ คือ เป็นวีนัสส่องกระจกอยู่และมีคิวปิดอยู่ใกล้ ๆ นี้ก็ไม่ใช่ว่า Velázgez คิดขึ้นมาเอง เพราะอีกสองรูปที่มาก่อน คือ Venus of The Mirror โดย Peter Paul Rubens จิตรกรและนักการทูตชาวดัตช์ รูเบนส์ ถือเป็นศิลปินบาโร๊กระดับมาสเตอร์ และมีผลงานให้เราได้ศึกษากันอยู่มาก จะเห็นได้ว่า ผู้หญิงในอุดมคติของรูเบนส์ จะไม่ผอมแต่ออกแนวเจ้าเนื้อหน่อย ด้วยความที่ Rubens เป็นศิลปินที่มีงานออกมาเยอะมาก ความงามในอุดมคติแบบผู้หญิงของ Rubens จึงแพร่หลายมากจนคำว่า Rubenesque Beauty จึงหมายถึงงามอย่างผู้หญิงอวบ นอกจากนี้วีนัสของรูเบนส์ก็เป็นสาวผมทอง ไม่ได้ผมสีน้ำตาลบรูเน็ตแบบของ Velágez
อีกภาพหนึ่งคือ ภาพจากยุคเดียวกัน และศิลปินระดับตำนานเช่นเดียวกับรูเบนส์ คือ Titian ซึ่งเป็นศิลปินอิตาเลียน ภาพ Venus with the Mirror ก็มาแบบเดียวกันกับของ Rubens คือเป็นวีนัสในสไตล์สาวอวบและผมบลอนด์ตามมาตรฐานความงามแห่งยุค Titian เป็นศิลปินที่เรียกว่าประสบความสำเร็จแทบจะในทุกด้าน คือมีพรสวรรค์สูงมาก ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย มีงานออกมาค่อนข้างมาก ลูกค้าระดับราชวงศ์และเศรษฐีทั้งยุโรปแถมอายุยืนอีกต่างหาก เขามีอายุถึง 80 ปลาย ๆ เลย คือเกิดก่อน และตายทีหลัง Rubens อีก แต่ Rubens ก็ไม่ได้อายุสั้น เขาเสียชีวิตด้วยโรคเกาต์ในวัย 62 ปี ในคริสตศตวรรษที่ 17 ซึ่งก็ถือว่าอายุยืนใช้ได้เลยทีเดียว
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง
บัญชีกสิกรไทย 0193426433 บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
ปัจจุบันภาพ Venus with the Mirror ของ Titian อยู่ที่ National Gallery of Art ที่วอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา เรื่องของเทพีวีนัสในงานศิลปะตะวันตกยังมีอีกเยอะมากๆ ใครสนใจก็สามารถไปค้นหาศึกษากันต่อได้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา