27 มี.ค. 2021 เวลา 11:30 • ดนตรี เพลง
เพราะสายตาหลอกกันไม่ได้ จึงทำให้เธอยังรู้สึกดีกับปัจจุบัน - รู้จัก “อิ้งค์ วรันธร” ให้มากขึ้น
1 - บทนำ
เขาว่าสายตามันหลอกกันไม่ได้
เขาพูดกันว่าสายตามันเป็นสิ่งเดียวที่พูดเเทนหัวใจ
ฉันว่าสายตาเธอหลอกฉันไม่ได้
เธออยากจะหลอกใครก็ตามใจ
เเต่อย่ามาหลอกฉันเลย
หนึ่งในท่อนเพลงที่กำลังนิยมอยู่ตอนนี้ อย่างเพลง “สายตาหลอกกันไม่ได้” เพลงล่าสุดของ “วรันธร เปานิล” ภายใต้การควบคุมผลิตผลงานของแทน วงลิปตา ในสังกัดค่าย Boxx Music ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และคว้ายอดวิวสูงถึง 2.2 ล้านวิวส์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 วันเท่านั้น และยังติดอันดับที่ 17 ใน YouTube Thailand อีกด้วย
วันนี้ในขณะที่ผมฟังเพลงนี้ ผมจึงอยากเขียนอะไรบางอย่าง เพื่อให้คนที่เพิ่งได้ติดตาม “อิ้งค์ วรันธร” ได้รู้จักเธอได้มากขึ้นไปกว่านี้ วันนี้ผมจึงขอเขียนถึงเธอ เพื่อที่ผมและทุกคนจะได้รู้จักเธอไปพร้อมๆ กัน แล้วคุณอาจจะตกหลุมรักมากขึ้นก็เป็นไปได้
2 - จากอดีตสมาชิกกามิกาเซ่ สู่นักร้องคุณภาพ
วรันธร เปานิล เธอเกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2537 และใช่ครับ ปี 2564 เธอมีเพลงที่ออกมาตรงกับวันเกิดเธอพอดีเลย นั่นก็คือเพลง “สายตาหลอกกันไม่ได้” นั่นเอง ถ้านับๆ ดูแล้วอิ้งค์อายุก็ 27 ปีพอดีเป๊ะ เธอเริ่มเข้าสู่การเป็นนักร้องอย่างจริงจังตอนอายุ 12 ปี ภายใต้วงชิลลี่ไวท์ช็อค และเพลงที่ผมฟังแล้วเพิ่งทราบจริงๆ ว่ามีเธออยู่ด้วย คือเพลง Chatsanova ซึ่งเป็นเพลงที่ผมแอบชอบมากๆ เลยทีเดียว
อิ้งค์ทำผลงานเพลงกับกามิกาเซ่ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปี 2552 เธอก็ได้ขอลาออกจากสังกัด เพื่อไปเรียนระดับมัธยมศึกษาต่อที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เนื่องจากผลการเรียนของเธอนั้นแย่ลง ทำให้เธอไม่สามารถเลือกเรียนในเอกภาษาอังกฤษได้ แต่เธอตัดสินใจเลือกเรียนเอกดุริยงค์ในช่วงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพราะด้วยความชอบและเส้นทางความฝันของเธอที่อยากเป็นนักร้อง และหลังจากนั้นก็ได้เดินทางตามความฝันของตนเองด้วยการเรียนที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาดุริยางคศิลป์ตะวันตก เอกขับร้องคลาสสิค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแน่นอนว่าเธอเรียนได้เกียรตินิยมอันดับที่สองอีกด้วย
ซึ่งเพราะด้วยในวันที่เธอต้องสอบต่อ ม.4 เธอเห็นความล้มเหลวจากการสอบเอกภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ด้วยการที่มีคุณพ่อคอยให้คำแนะนำ ประกอบกับสนับสนุนให้เธอทำในสิ่งที่ชอบ อิ้งค์เลยใช้แรงตรงนั้นผลักดันเป็นความพยายาม จนทำให้เธอได้พบเจอกับสิ่งที่ชอบที่สุด นั่นก็คือการเป็น “นักร้อง” นั่นเอง
3 - จากการเป็นนักร้องวง สู่นักแสดง และน้องร้องเดี่ยว
จากวันนั้นที่เธอเรียนจบ เธอได้รับโอกาสอีกครั้งจาก “คงเดช จาตุรันต์รัศมี” นักร้อง นักแต่งเพลง นักเขียนบท และผู้กำกับภาพยนตร์ ให้เธอมาแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “Snap แค่...ได้คิดถึง” ซึ่งทำให้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกและเรื่องเดียวที่เธอแสดง และยังทำให้แจ้งเกิดด้วยการเข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 25 ในฐานะนักแสดงนำหญิงด้วยเช่นกัน
แต่หลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้รับเล่นภาพยนตร์เรื่องใดอีก นอกจากภาพยนตร์สั้น “สตราโตสเฟียร์” ซึ่งได้เล่นในปี 2562 และกำกับโดยคงเดชเช่นเดียวกัน เธอตัดสินใจโฟกัสกับการทำงานเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว เพื่อให้คนจำชื่อเธอในฐานะ “อิ้งค์ วรันธร” ให้ได้ และด้วยแรงกล้าหาญของเธอนี่เองที่ไปเข้าตา พล - คชภัค ผลธนโชติ (โปรดิวเซอร์ฝ่ายบริหารค่าย Boxx Music) และโอ๊บ - เพิ่มศักดิ์ พิสิษฐ์สังฆการ (ผู้บริหาร Muzik Move Records) จึงเรียกเธอไปคุยอีกครั้ง ด้วยความที่อิ้งค์สนิทกับพลในฐานะรุ่นพี่ที่ไปรับ-ส่งอยู่แล้ว รวมไปถึงสนิทกับลูกของโอ๊บ ตลอดจนเคยได้ไปร้องคอรัสในสมัยที่โอ๊บทำเพลง “ก่อนมะลิบาน” กับวง Time จึงทำให้อิ้งค์ตัดสินใจทำเพลงกับเขาทั้งสองคน
เธอเลือกแนวเพลงที่ทำจากความชอบของเธอ เธอชอบฟังเพลงแนว City Pop และโอ๊บได้ให้คำแนะนำกับอิ้งค์ว่าจะทำแนว Synth-Pop ผสมกับ City Pop เพื่อให้คนไทยฟังง่ายขึ้น เธอจึงตกลงที่จะทำ ถึงแม้บางครั้งเธอจะรู้สึกว่าในบางผลงานเธอจะมีส่วนร่วมกับเพลงน้อยไปหน่อย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอโฟกัส เธอโฟกัสที่ความสนใจในการร้องเพลงเป็นหลัก ในขณะเดียวกันเธอก็ครูพักลักจำ ฝึกฝนและขยันเรียนรู้ในสิ่งที่เธอยังไม่ได้เรียนรู้ด้วย
นั่นจึงทำให้สุดท้ายแล้ว เพลงแรกในฐานะศิลปินเดี่ยวของเธอในชื่อเพลง “เหงา เหงา” ออกมา และแน่นอนว่าด้วยเสียงดนตรี เสียงร้อง และความน่ารักของเธอ ทำให้ผลงานออกมาดีเกินคาด ส่งผลให้ยอดการรับฟังทะลุ 25 ล้านวิวส์ไปเรียบร้อย และหลังจากนั้นเธอก็มีผลงานออกมาเรื่อย ๆ ให้แฟนคลับได้ติดตาม
4 - ความกดดัน และการคิดมากไปจนรบกวนเวลาชีวิตของเธอ
อิ้งค์ประสบความสำเร็จในการทำงานเป็นอย่างมาก คว้ารางวัลมาอย่างมากมาย ทั้งรางวัล Best Asian Artist Thailand จากเวที MAMA2020, รางวัล Best Female Artist of the Year จากเวที The Guitar Mag Award 2020 หรือรางวัล Indie Song of the Year จากเวที Joox Thailand Music Award 2020 ยังไม่นับรางวัลและโอกาสอื่นๆ ที่เธอได้รับเข้ามาอย่างมากมายอีกด้วย
แต่แน่นอนว่าในโลกออนไลน์ที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ เธอจึงเป็นหนึ่งคนที่ต้องพบเจอการแสดงความคิดเห็นต่างๆ นานา ซึ่งในบางครั้งเธอก็น้อมรับฟังและนำข้อแนะนำต่างๆ มาพัฒนาตนเอง แต่ในบางครั้งก็เป็นการใช้ความรุนแรงทางคำพูด ซึ่งนั่นทำให้เธอกดดัน และเป็นการตีโบยตนเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันก็อยากพัฒนาให้ทุกคนพึงพอใจ จนสุดท้ายช่วงที่เธอปิดอัลบั้ม เธอจัดคอนเสิร์ตขึ้นมาและค้นพบว่าเธอยังมีแฟนคลับที่ชอบในตัวตนของเธออีกจำนวนมาก นั่นเป็นพลังบวกสำคัญให้เธอตั้งใจทำงานต่อไป
ในขณะเดียวกัน หลังจากงานนั้นจบลง เธอก็ตั้งใจทำงานมากขึ้น หาจุดบกพร่องเพื่อพัฒนางานให้ดีขึ้น พูดคุยและขอบคุณกับทีมงานในค่ายเสมอ และพยายามช่วยซึ่งกันและกัน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งตัวเธอและทีมงานจะได้เติบโตไปพร้อมๆ กันด้วยนั่นเอง
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอรักในอาชีพนักร้อง คือการที่เธอคิดว่าเธอสามารถทำให้ทุกคนมีความสุขได้ ทำให้คนมีความคิดในเชิงบวกได้ และเธอเองก็ชื่นชอบในการที่จะเป็นนักร้อง เธอจึงพยายามส่งมอบสิ่งดีๆ ในทุกๆ ผลงานที่ออกมา และนั่นทำให้แฟนคลับของเธอพยายามสนับสนุนเธอเรื่อยมา และแน่นอนว่าถ้ามีโอกาสเธอก็พยายามเจอแฟนคลับตามงานต่างๆ เพื่อเติมพลังกับเธอให้กลับมาพร้อมทำงานได้เช่นกัน
แน่นอนว่าอนาคตของเธอ เธอไม่ได้มองอะไรที่ใหญ่มาก แต่เธอมองจากจุดเล็กๆ เริ่มต้นจากการทำงานที่รักและออกอัลบั้มเต็มให้ได้ ตลอดจนถึงการรักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก ซึ่งเราจะพบคำนี้ตลอดในบทความนี้นั่นแหละ เพราะเธอพยายามย้ำเสมอ และนี่คือสิ่งที่สายตาเธอไม่สามารถหลอกเราได้นั่นแหละครับ
5 - เรียนรู้อะไรจากคนที่ชื่อ “อิ้งค์ วรันธร”
เท่าที่ผมได้ฟังผลงานเพลง และตามอ่านบทสัมภาษณ์ของเธอมาโดยตลอด สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้เสมอมาก็คือการตั้งใจของเธอบวกกับความรัก และความขยันพร้อมกับความซื่อสัตย์ต่อแฟนเพลง สี่สิ่งนี้ที่ทำให้เธอก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินแถวหน้าในเมืองไทยแล้วในตอนนี้ และสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่ใช้ได้กับทุกอาชีพ เริ่มต้นที่ตัวเราก่อนเลยครับ ถ้าเราซื่อสัตย์ต่อตนเอง ตั้งใจ ขยัน และรักในสิ่งที่ทำ เชื่อเถอะว่าสักวันต้องประสบความสำเร็จแน่นอน
และสำคัญ อย่าลืมติดตามอิ้งค์ต่อๆ ไปด้วยนะครับ
เขียนโดย กฤตนัน ดิษฐบรรจง
#MODERNIST - The Magazine on Life.
ติดต่อโฆษณา ad@modernistthai.com

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา