3 เม.ย. 2021 เวลา 05:29 • การเมือง
ทำไมกว่า 4 ทศวรรษความรุนแรงในเมียนมาร์ไม่จบสิ้นเสียที ประชาธิปไตยต้องแลกมาด้วยเลือดหรือ?? หรืออัตลักษณ์ของเมียนมาร์คือทหาร??
3
⭕เมียนมาร์มองว่าประชาธิปไตย มีโอกาศเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาไม่แน่นอน อีกทั้งจีนต้องการให้เมียนมาร์มีเสถียรภาพและมั่นคง
I❤️Coffee ขอรวบรวมเรื่องราวที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้....
⭕เมื่อสหรัฐฯ ต้องการแยกพม่าออกจากจีน แต่จีนยังพึ่งผลประโยชน์จากเมียนมาร์ และรัฐบาลทหารเมียนมาร์กลัวจีนสนับสนุนชนกลุ่มน้อย เรื่องวุ่นๆ ก็เกิดขึ้น....
⭕สถานการณ์ในแผ่นดินเมียนมาร์ ร้อนระอุและวิกฤติหนักขึ้นอีกครั้ง จนทูตพิเศษของ UN ประจำเมียนมาร์ ได้ร้องขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC
ให้เข้าช่วยเหลือและแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า สนับสนุนประชาธิปไตยในเมียนมาร์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา
cr:https://www.aa.com.tr
ที่วิกฤตในเมียนมาร์ กำลังลุกลามบานปลายและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมออกเตือนถึงความเสี่ยงของสงครามกลางเมืองที่เกิดการนองเลือด ในขณะที่คณะรัฐประหารยังคงใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วงฝักใฝ่ประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องที่ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆ
⭕กับจุดยืนของ รัสเซีย-จีน-อินเดีย-ญี่ปุ่น
1. รัสเซีย : ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสมาชิกถาวร ไม่สนับสนุนการออกแถลงการณ์ โดยนายดมิทรี โพลีอันสกี อัครราชทูตรัสเซียประจำ UN กล่าวว่า ได้มีการปรึกษาหารือกับรัฐบาลที่กรุงมอสโก
และได้รับคำตอบว่า สถานการณ์ในเมียนมาร์นั้นซับซ้อนและเปราะบาง เนื้อหาในแถลงการณ์ ต้องใช้เวลาทบทวนและพิจารณามากกว่านี้
2. จีน : ซึ่งเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของ UNSC ปฏิเสธสนับสนุนการออกแถลงการณ์ประณามกองทัพเมียนมาร์ หลังไม่มีมติเป็นเอกฉันท์ โดยอ้างว่าต้องการเวลา ในการพิจารณา
3. เนื้อหาที่ของร่างคำแถลงการณ์ที่ จีนและรัสเซียมีการขวาง UN ก็เป็นข้อความเกี่ยวกับการประณามของรัฐประหารครั้งนี้ โดยได้การเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาร์ เคารพหลักนิติธรรม และสิทธิมนุษยชน และการเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือตัวนางออง ซาน ซูจี
4. สื่อของจีนพยายามประโคมข่าวระบุถึงเหตุการณ์ทำรัฐประหารในเมียนมาร์เป็นเพียงการสับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี โดยสำนักข่าว AFP ได้มีการรายงานในช่วงเวลานั้นว่าจีนพยายามใช้ถ้อยคำที่สละสลวย
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเรียกการทำรัฐประหารในเมียนมาร์ โดยมีการระบุว่า การยึดอำนาจทางทหารในเมียนมาร์และการควบคุมตัวนางออง ซาน ซูจี ถือเป็นการสับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่
5. ในขณะที่ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยทั่วโลก ได้มีการโจมตีกองทัพเมียนมาร์ แต่ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ใช้แนวทางที่นุ่มนวล โดยมีการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในเมียนมาร์แก้ปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ
6. ส่วนมุมมองของญี่ปุ่นที่มีต่อสถานการณ์ครั้งนี้ ได้มีการเตือนว่าการทำรัฐประหารในเมียนมาร์ อาจจะสร้างโอกาสให้กับจีน โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นได้ให้ความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมืองในเมียนมาร์ครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง มิเช่นนั้นจะมีประโยชน์กับจีน
โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รมช.กลาโหมของญี่ปุ่น ได้กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในเมียนมาร์ รัฐบาลโตเกียวยังคงจับตาความเคลื่อนไหวในเมียนมาร์อย่างใกล้ชิด และวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยความละเอียดถี่ถ้วน รวมถึงการต้องหารือเชิงยุทธศาสตร์กับบรรดาพันธมิตร
1
ญี่ปุ่นไม่ควรระงับความร่วมมือกับเมียนมาร์ โดยเฉพาะความร่วมมือทางทหาร มิเช่นนั้นจะกลายเป็น การสร้างโอกาส ให้กับจีนทันที ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านความมั่นคงในภูมิภาคด้วย แต่จะยิ่งผลักให้เมียนมาร์ใกล้ชิดกับจีนมากยิ่งขึ้น
7. สื่ออินเดียได้มีการรายงาน โดยอ้างแหล่งข่าวว่าการทำรัฐประหารในเมียนมาร์อาจเกี่ยวข้องกับประเทศจีน ที่เข้ามาใกล้ชิดเมียนมาร์ในช่วงปี 1990 - ปี 2000 ช่วงที่เมียนมาร์อยู่ภายใต้การปกครองโดยรัฐบาลทหารก็ได้รับการสนับสนุนโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ในช่วงที่ผ่านมาเมียนมาร์ได้เปลี่ยนมาปกครองแบบประชาธิปไตย
ในปี 2020 โฆษกกองทัพเมียนมาร์ได้ออกมากล่าวว่ามีประเทศหนึ่งอยู่เบื้องหลังกองกำลังอาระกัน หลังที่พบอาวุธที่ทันสมัยในรัฐยะไข ในประเด็นนี้สื่อประเทศได้ชี้ไปที่จีนโดยเฉพาะสื่อของอินเดีย
โดยเจ้าหน้าที่ของอินเดียที่มีการเผยว่า จีนมีการหนุนหลังกลุ่มกำลังติดอาวุธในเมียนมาร์ ที่เคลื่อนไหวแถบชายแดน อินเดีย-เมียนมาร์ โดยกองทัพอาระกันเป็นตัวกลางในการนำอาวุธจากจีน ไปแจกจ่ายกลุ่มติดอาวุธเหล่านั้น ดังนั้นจีนไม่ใช่แค่ฉวยโอกาสจากการทำรัฐประหารในเมียนมาร์เท่านั้น
โดยที่จีนจะเป็นผู้ที่มีส่วนชี้ชะตาเมียนมาร์ว่าจะมีสันติภาพระหว่างกองทัพเมียนมาร์กับชนกลุ่มน้อยได้เลยทีเดียว จึงไม่แปลกเลยว่าทำไม นายพลมินอ่องลาย จะมองว่าจีนเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
1
ยิ่งหากชาติตะวันตกคว่ำบาตรเมียนมาร์ด้วยแล้ว เมียนมาร์จะมีหุ้นสวนที่แข็งแกร่งที่สุดคือจีนเท่านั้น ดังนั้นสิ่งเดียวที่จีนต้องทำก็คือ ทำให้กลุ่มติดอาวุธเหล่านั้น ภายใต้อิทธิพลของจีนต้องร่วมมือเพื่อรักษาผลประโยชน์ของจีนในเมียนมาร์ภายใต้การปกครองในยุคเผด็จการทหารครั้งใหม่นี้
เหตุการณ์ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองภายในเมียนมาร์เสียแล้ว โดยที่นักวิเคราะห์ได้มีการมองว่า อาจจะเป็นเรื่องในระดับภูมิภาค เนื่องจากทางจีนต้องการเส้นทางออกทางทะเลที่จะออกมาสู่มหาสมุทรอินเดีย
โดยมาช่วงอ่าวเบงกอล ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมหาสมุทรอินเดีย เพื่อวางกำลังหรือทำการค้าไปยังตะวันออกกลาง โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกาซึ่งเป็นช่องแคบที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐอเมริกา
1
จีนจึงจำเป็นต้องการที่จะใช้ช่องทางลัด ดังนั้นเหตุการณ์การเมืองภายในเมียนมาร์จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา การที่สหรัฐอเมริกาจะเข้ามาคว่ำบาตรแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเหมือนอย่างประเทศอื่นคงทำได้ยากขึ้น
สร้อยไข่มุกจีน ในพม่า cr:https://www.quora.com
โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ส่งสัญญาณออกมาแล้วว่า จะไม่ระงับความร่วมมือทางด้านการทหารกับเมียนมาร์ เพราะจะเป็นการผลักดันให้เมียนมาร์ไปสู่จีนได้เร็วขึ้น ถึงแม้ว่าเมียนมาร์จะเข้าข้างจีนอยู่แล้วก็ตาม
ซึ่งเมียนมาร์ต้องการให้จีนมาสร้างความสงบไม่ไปสนับสนุนชนกลุ่มน้อยมาต่อสู้กับกองทัพเมียนมาร์ ในขณะเดียวกันกองทัพเมียนมาร์ก็ต้องการพลังอำนาจ และครองอำนาจที่ยาวนาน
ไม่เหมือนกับประชาธิปไตย ที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมา ไม่แน่นอน จีนก็เลยต้องการให้พม่ามีเสถียรภาพและมั่นคง เพื่อที่จะทำประโยชน์ให้แก่จีนได้อย่างยั่งยืน
⭕และอีกทั้ง .... การลงทุนด้านน้ำมันและก๊าซจากตะวันออกกลางไปยังจีนผ่านเมียนมาร์
1
น้ำมันและก๊าซจากตะวันออกกลางไปยังจีนผ่านเมียนมาร์ cr:https://www.researchgate.net/
⭕โครงการความร่วมมือ จีน-เมียนมาร์ ระเบียงเศรษฐกิจ BCIM ที่มุ่งสู่ทะเลเบงกอล
cr:https://www.researchgate.net/
⭕อย่าลืมว่ากองทัพเมียนมาร์ครองอำนาจมายาวนาน หลายยุคนับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 1962 โดยนายพลเนวีน เป็นการวางรากฐานให้คณะทหารได้อยู่นาน เคยปิดประเทศนานถึง 50 ปี
1
⭕ครอบครองผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอันมหาศาล วางรากฐานอํานาจทางการเมืองของตนไว้อย่างรัดกุม
⭕ในขณะเดียวกัน ก็อาศัยอํานาจทางการเมืองในการเข้าควบคุมเศรษฐกิจของพม่า และได้ผูกขาดธุรกิจการค้าทั้งในฐานะสถาบันกองทัพและส่วนบุคคล
⭕โดยกองทัพเป็นสถาบันอิสระปราศจากการควบคุมหรือตรวจสอบจากอำนาจฝ่ายพลเรือน
⭕ภายใต้กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ 2 แห่ง โดยใช้อภิสิทธิ์ของกองทัพในการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ เพื่อประกอบธุรกิจ ซึ่งกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 แห่งนั้นครอบครองบริษัทไม่น้อยกว่า 106 แห่งในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ
- Ep2 จบลงแล้วครับ-
Ep1 จะตามมาเร็วๆนี้
เพราะนี่คือการถอยหลัง....
ขอสันติจงอยู่คู่ชาวโลก อยู่ในความคิดของมนุษย์ต่อไป
1
reference :
วารสารการเมืองการปกครอง
ปีที่ 10 ฉบับที่ 3 ประจ าเดือนกันยายน – ธันวาคม 2563
"ธุรกิจของกองทัพแห่งชาติพม่า.." โดย เอนกชัย เรืองรัตนากร

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา