Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Coffee Talk
•
ติดตาม
5 เม.ย. 2021 เวลา 06:38 • อาหาร
นี่เรากำลังกินน้ำเปล่าในราคาหรูอยู่หรือนี่!! "วิตามินซี" มันจะไม่หายไปไหนใช่มั้ย?? ขวดประเภทไหนยังคงรักษา"วิตามินซี" มาให้เราดื่มได้
2
ในยุคนี้เครื่องดื่มหลายๆ ยี้ห้อ นอกจากจะเราได้ดื่มแก้กระหายน้ำหรือการสูญเสียเกลือแร่แล้ว ผู้ผลิตหลายๆเจ้ายังได้เพิ่มวิตามินต่างๆ เข้าไปน้ำเหล่านั้นด้วย
1
แหม่ดีจังดื่มน้ำ+วิตามิน ครบครัน 2+ in 1 ครบเซ็ต สะดวกสบาย วิตามิน มาเสิร์ฟถึงปากแล้วววว
ด้วยเหตุที่ว่าการจะได้รับวิตามินซีจากธรรมชาติ ให้ได้ปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องของร่างกายในทุกๆ วันนั้นค่อนข้างยาก....
I❤️Coffee งานนี้ก็ไม่พลาด ซื้อน้ำดื่มวิตามินซีเจ้าหนึ่งมาเป็นลังๆ ดื่มได้วันละขวด สะดวกในการดื่ม แค่แช่ตู้เย็นไว้ เอาออกมาเปิดฝา ดื่มเมื่อไหร่ก็ได้ทันที วิตามินซีมาเต็มแน่
⭕พอมาช่วงปลายปี 63 มีข่าวจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้เผยผลทดสอบ ปริมาณวิตามินซีในเครื่องดื่มผสมวิตามินซี จำนวน 47 ตัวอย่าง ที่วางขายกันอยู่นั้น ⭕พบมีปริมาณวิตามินซีไม่ตรงตามที่แจ้งบนฉลากสินค้า และที่อึ้งคือ........
ซูมๆ กันดูครับผม ....cr:ฉลาดซื้อ
⭕"มีถึง 8 แบรนด์ดังที่ไม่พบปริมาณวิตามินซี" 🤣"ไม่พบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ "🤣 คำนี้ปวดใจยิ่งนัก นี่เรากำลังกินน้ำเปล่าในราคาหรูอยู่หรือนี่!!
2
⭕"วิตามินซี" มันจะหายไปได้อย่างไร??
ก็ได้ค้นหาข้อมูลพบว่า มีข้อมูลทางการแพทย์ระบุเรื่องการจัดเก็บรักษาวิตามินซี ไว้ชัดเจนว่า ควรเก็บไว้ในในที่ที่มีอากาศเย็น ควรเก็บในที่แห้ง ให้พ้นจากแสงโดยอยู่ในภาชนะบรรจุที่ทึบและปิดสนิทมิดชิด (ซึ่งจริงๆ แล้วการจัดเก็บรักษา ก็มีผลกับ
ยา หรืออาหารหลายประเภทด้วยเช่นกัน)
1
1
สิ่งที่จะเป็นตัวทำลายวิตามินซี ในธรรมชาติแวดล้อมก็มีมาก ไม่ว่าจะเป็นแสง ออกซิเจน ความร้อน เพียงแค่เราปอกผลไม้เพื่อรับประทาน
หรือปอกทิ้งไว้ยังไม่ทาน วิตามินซีในผลไม้ก็จะสลายตัวไปเรื่อยๆ
เนื่องจากถูกแสง และอากาศจากรอบ
และล่าสุดพบข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่ว่า เรากำลังกินน้ำเปล่า หรือกินน้ำที่มีวิตามินผสมอยู่...
⭕เมื่ออาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ "ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มวิตามิน" ไว้ว่า..
มีผลการทดสอบของ นวัตกรรมขวดใสป้องกันแสงใน "ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มวิตามิน" จะมีผลต่อการป้องกันรังสียูวีเป็นอย่างมาก
พวกขวดแก้วสีเขียวเข้มที่เราคุ้นเคยกันนั้น มักจะลดได้แค่แสงที่ตามองเห็น ซึ่งมีความยาวคลื่นสูงขึ้นไป ที่เป็นคลื่นแสงพลังงานต่ำ และแน่นอนไม่ได้มีผลต่อการทำลายโครงสร้างวิตามินซี
1
cr:https://www.sheenlandglass.com/
⭕แต่แสงที่มาพร้อมรังสียูวี (UV หรือ Ultraviole)หรือรังสีเหนือม่วง เป็นคลื่นแสงที่ต่ำกว่าแสงที่มองเห็นด้วยตาของมนุษย์ คือคลื่นแสงช่วง 100-400 นาโนเมตร นี่สิ ตัวการสำคัญ
1
โดยผลการทดสอบระบุว่า นวัตกรรมขวดใสป้องกันแสงนี้ สามารถลดรังสี UV ที่ช่วงความยาวคลื่น 360 และ 380 นาโนเมตร
⭕"ซึ่งเป็นช่วงที่สามารถสลายวิตามินซีได้อย่างรวดเร็ว"
2
แล้วขวดประเภทไหนละ ที่จะสามารถลดรังสี UV (ที่ช่วงความยาวคลื่น 360 และ 380 นาโนเมตร) ไม่ให้เข้าไปสลายวิตามินซีได้
⭕ถ้าเรียงลำดับคุณภาพขวด ที่สามารถลดการสลายตัวของวิตามินซีจากรังสียูวี จะได้ดังนี้
1. นวัตกรรมขวดใสป้องกันแสง >> สามารถป้องกันการสลายตัวของวิตามินซีในขวดได้ดีที่สุด
2. ขวดสีเขียว >> ป้องกันสลายตัวของวิตามินซีได้ระดับกลาง (โดยป้องกันช่วงแสง 400 นาโนเมตรขึ้นไป)
3. ขวดใสธรรมดา >> ป้องกันการสลายตัวของวิตามินซีได้น้อยที่สุด
ดังนั้น สำหรับท่านที่ชอบดื่มเครื่องดื่มวิตามินซี การเลือกดื่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ขวดป้องกันแสง ก็จะช่วยทำให้ท่านยังคงได้รับวิตามินซีมากที่สุดตามที่ต้องการ และเป็นวิธีการเลือกบริโภคที่ทำให้มั่นใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้น
ประเภทของขวดน้ำและช่วงของคลื่นแสง
⭕ดังนั้นใครที่ชอบดื่มเครื่องดื่มวิตามินซี ก็ต้องผลิตภัณฑ์ที่ใช้ "ขวดป้องกันแสง" ก็จะทำให้เรายังคงได้รับวิตามินซีมากที่สุดตามที่ต้องการ
⭕ส่วนที่สาเหตุที่ยังคงใช้แก้วใสบรรจุเครื่องดื่มวิตามินซีอยู่นั้น ก็เพื่อทำให้เห็นสีสันของเครื่องดื่มได้ตามต้องการเหมือนเดิม แต่ลดปริมาณของรังสียูวีที่จะมาทำลายวิตามินซีในขวดให้ได้มากที่สุด
⭕และนอกจากนั้น เครื่องดื่มบางประเภทยังมีการเติม "ก๊าซไนโตรเจน" แทนออกซิเจนเพื่อป้องกันวิตามินซีไปทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ (Oxidation) หรือ ก๊าซไนโตรเจนจะไม่ทำให้วิตามินซีเสียคุณค่านั่นเอง
❤️อีกอย่างครับอย่าลืม ...ร่างกายคนเราต้องการปริมาณวิตามินซี 60-90 mg ต่อวัน และสูงสุดที่สามารถรับประทานโดยไม่เกิดอาการพิษคือ 2000 mg
ซึ่งผลเสียที่เกิดจากการได้รับมากเกินไป ได้แก่ แสบท้อง ปัสสาวะบ่อย ท้องเดิน ปวดตามข้อ หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดนิ่ว (cr: สสส)
1
🍋มะนาวมีวิตามินซี อยู่ที่ 29.1 mg ต่อปริมาณ 100 g
🍏และฝรั่งมีวิตามินซี อยู่ที่ 228.3 mg ต่อปริมาณ 100 g
1
❤️วิตามินซีจะถูกขับออกจากร่างกายภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน ขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารในกระเพาะ
❤️หากรับประทานวิตามินซี 1,000 mg ภายในครั้งเดียว ร่างกายจะดูดซึมวิตามินซีไปเพียง 43.5% และขับออกทางปัสสาวะอีก 25% I❤️Coffee เลยหักครึ่งเป็น 500 mg แบ่งทานเป็นมื้อเช้า-มื้อเย็นกระจายการดูดซึมได้ทั้งวันจะดีกว่า
1
ด้วยเหตุที่ปริมาณวิตามินซีในเลือดที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึง 1,000 mg นั่นหมายถึงว่า ร่างกายจะนำไปใช้ได้เพียงประมาณ 25% เท่านั้น 😅😅 ..ไม่ต้องรีบอัดเข้าไปครับ น้อยๆ เอาแต่พอดีๆ
❤️ควรรับประทาน วิตามินซี พร้อมอาหารมื้อเช้าและเย็น เพื่อการรักษาระดับของวิตามินซีในเลือดให้สูงอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพ
reference :
https://th.wikipedia.org/wiki/วิตามินซี
https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/?ref=page_internal
7 บันทึก
22
26
11
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เพิ่งรู้นะนี่
7
22
26
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย