8 มิ.ย. 2021 เวลา 07:00 • ประวัติศาสตร์
NBA 104 - ประวัติย่อของทีม NBA ตอนที่ 20 - New York Knicks
ประวัติทีม New York Knicks
ฝั่งที่สังกัด - ฝั่งตะวันออก Atlantic Division
ปีที่ก่อตั้ง - 1946
ชื่อเดิม -
New York Knicks (1946-ปัจจุบัน)
สถานที่ตั้ง - เมือง New York City รัฐ New York
ชื่อสนามเหย้า - Madison Square Garden
เจ้าของทีม - Madison Square Garden Sports
CEO - James L. Dolan
GM (General Manager) - Scott Perry
HC (Head Coach) - Tom Thibodeau
ทีมสังกัดใน G-League - Westchester Knicks
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ลีก - 2 (1970, 1973)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ฝั่งทวีป - 4 (1972-1974, 1999)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ Division - 8 (1953, 1954, 1970, 1971, 1989, 1993, 1994, 2013)
จำนวนเบอร์เสื้อที่ทำการ Retired - 9 (10, 12, 15 (สองสิทธิ์), 19, 22, 24, 33, 613)
ประวัติทีมโดยสังเขป
ทีมได้ก่อตั้งขึ้นมาในปี 1946 โดยเริ่มแรกอยู่ภายใต้สังกัดของลีก BAA (Basketball Association of America)
Knicks 1946 Logo
ผลงานในปีแรกก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี หลังจากที่เข้ารอบ Playoffs ได้ตั้งแต่ปีเปิดตัว แถมยังไปได้ถึงรอบสองอีกต่างหาก ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Philadelphia Warriors ในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ดี ทีมไม่สามารถไปได้ไกลกว่านั้นเลยในช่วงแรก จนกระทั่งฤดูกาล 1949/50 ที่ลีก BAA ได้รวมเข้ากับ NBA จากผลพวงดังกล่าวทำให้ Knicks กลายเป็นทีมที่มีผลงานที่ดีกว่าเดิม สามารถไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สายก่อนที่จะพลาดท่าให้กับ Syracuse Nationals (Sixers ในปัจจุบัน)
จึงทำให้ในปีถัดมา ทีมได้ตัดสินใจเซ็นสัญญาผู้เล่นเชื้อสายแอฟริกันคนแรกของทีม (และของลีก) อย่าง Nathaniel Clifton เข้าสู่ทีม
Nathaniel Clifton
การมาของเขากลายเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญ ที่ทำให้ทีมสามารถไปได้ไกลถึงรอบชิงแชมป์ลีกได้ถึงสามฤดูกาลติดต่อกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกแบบสมหวังได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว พลาดท่าให้กับ Rochester Royals (Kings ในปัจจุบัน) และ Lakers ทั้งสองครั้ง
น่าเสียดายที่หลังจากนั้น ผลงานของทีมกลับไม่เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก หลังจากที่ไม่สามารถทำผลงานใน Playoffs ได้ดีเหมือนเดิมอีก โค้ชที่อยู่กับทีมมานานอย่าง Joe Lapchick กลับต้องยุติบทบาทลงหลังจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ส่วนโค้ชที่มาแทนก็ไม่สามารถทำผลงานได้ตามความคาดหวังของทีมเช่นเดิม
ทีมต้องรอจนถึงฤดูกาล 1958/59 ก่อนที่จะทำผลงานเข้าตาจนเข้ารอบ Playoffs ไปได้อีกครั้ง แต่ก็สิ้นสุดเส้นทางเพียงแค่รอบสอง ก่อนที่จะเปิดฤดูกาล 1959/60 ด้วยผลงานที่ย่ำแย่ ทำให้โค้ชตัดสินใจลาออกและเป็น Carl Braun ที่มารับหน้าที่ต่อ ทำให้เขากลายเป็นโค้ชควบผู้เล่นคนแรกของประวัติศาสตร์ทีมอีกด้วย
Carl Braun (ใส่สูท) กับการควบบทบาททั้งผู้เล่นและโค้ช
แต่ผลงานตลอด 3 ฤดูกาลภายใต้การคุมทีมของ Braun ก็เรียกได้ว่าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ จนถึงปี 1961 ทีมจึงตัดสินใจจ้าง Eddie Donovan มาคุมทีมแทน แต่ผลงานก็ไม่กระเตื้องขึ้นเท่าไหร่นัก แถมช่วงนี้ยังโดนเกมประวัติศาสตร์ที่ทีมถูก Wilt Chamberlain จาก Warriors ทำไปคนเดียว 100 คะแนนในเกมที่แพ้ไป 169-147 อีกด้วย
จนกระทั่งปี 1964 หลังจากที่ทีมได้ว่าที่สุดยอดผู้เล่นอย่าง Willis Reed เข้าสู่ทีม เส้นทางของทีมก็เริ่มกลับมาเข้ารูปเข้ารอยได้อีกครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมจนสามารถคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีไปครองได้สำเร็จ
Willis Reed
แต่หลังจากการที่ทีมมีช่วงเปิดฤดูกาล 1965/66 ย่ำแย่ ทีมจึงมีการเปลี่ยนโครงสร้างบริหารใหม่ทั้ง Head Coach และ GM ของทีม ซึ่งทั้งคู่มีส่วนในการบริหารทีมที่ทำให้ทีมสามารถผ่านเข้ารอบ Playoffs ได้สมดังใจหวัง ถึงแม้ว่าจะจอดป้ายแค่เพียงรอบสองก็ตามที
เข้าสู่ยุคแห่งการไล่ล่าแชมป์ลีก
ในฤดูกาล 1967/68 ทีมได้สองดาวรุ่งที่จะกลายมาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมในอนาคตอย่าง Phil Jackson และ Walt Frazier แถม Reed ยังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมจนติดทีม All-Star ได้อีกด้วย น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถผ่าน Playoffs รอบสองไปได้เหมือนกับฤดูกาลที่แล้ว
ฤดูกาลถัดมา ทีมได้ทำการเสริมทัพโดยนำผู้เล่นมากฝีมืออย่าง Dave DeBusschere เข้าสู่ทีม และเขากลายเป็นฟันเฟืองหลักให้ทีมมีผลงานที่ดีมากๆ จบฤดูกาลด้วยสถิติ 54-28 และไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สาย แต่ต้องถูก Celtics ขัดขวางจนไม่สามารถเข้าสู่รอบชิงแชมป์ได้เป็นหนที่สอง
Dave DeBusschere
แต่แล้วในที่สุดความพยายามมาตลอดหลายปีก็ประสบผลสำเร็จ ในฤดูกาล 1969/70 ทีมได้สร้างสถิติใหม่ทั้งจากในฤดูกาลปกติที่จบด้วยสถิติ 60-22 และสามารถก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ลีกได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ หลังจากที่เอาชนะ Lakers ไปได้ในเกมที่ 7 ของรอบชิงแชมป์ไปอย่างยิ่งใหญ่
การคว้าแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทีม
หลังจากนั้นทีมก็ทำผลงานได้สุดยอดอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าปี 1971 จะไปได้แค่รอบชิงแชมป์สายก็ตาม แต่ในอีกสองฤดูกาลถัดมาก็สามารถไปถึงรอบชิงแชมป์ลีกได้อีกครั้ง และยังสามารถคว้าแชมป์หนที่สองได้สำเร็จในปี 1973 อีกด้วย ก่อนที่ในปี 1974 จะไปสุดได้แค่รอบชิงแชมป์สาย และหนึ่งในแกนหลักอย่าง Reed ก็ประกาศเลิกเล่นหลังจากฤดูกาลดังกล่าวได้จบลง หลังจากนั้นมาผลงานของทีมก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ผลงานที่ดรอปลงหลังการจากไปของ Reed
ฤดูกาล 1974/75 ทีมทำผลงานได้แค่ 40-42 ถึงจะยังเข้ารอบ Playoffs ได้ แต่ก็ต้องตกรอบไปตั้งแต่รอบแรกอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากนั้นทีมก็ไม่สามารถเข้ารอบ Playoffs ไปได้อีกสองฤดูกาล จนกระทั่ง Reed กลับมาอีกครั้งในฐานะโค้ช แถมผลงานในปีแรกที่กลับมาคุมทีมก็ทำได้ดี ทีมเข้ารอบ Playoffs ได้ในฤดูกาล 1977/78 จากสถิติ 43-39 และไต่ไปได้ถึงรอบสอง
แต่จากนั้นมาผลงานของทีมก็ดรอปลงไปอีกครั้ง ทีมจึงเกิดการเปลี่ยน Head Coach อีกครั้งเป็น Red Holzman ที่เคยคุมทีมมานานกว่าสิบปี ผลงานของทีมเริ่มกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง จนกระทั่งในฤดูกาล 1980/81 ทีมสามารถจบด้วยสถิติ 50-32 แต่กลับโดน Bulls เขี่ยตกรอบ Playoffs เพียงแค่รอบแรกเท่านั้น
ทีมได้มีการเปลี่ยนโค้ชอีกครั้งเป็น Hubie Brown แถมผลงานในปีแรกถือว่าทำได้ดี ทีมจบฤดูกาล 1982/83 ด้วยสถิติ 44-38 และเข้ารอบไปได้ถึงรอบสอง
ในปีต่อมาทีมได้ผู้เล่นมากฝีมืออย่าง Bernard King มาร่วมทีม และเขาก็กลายเป็นแกนหลักของทีมอย่างรวดเร็ว ทำให้ทีมมีสถิติที่ดีขึ้นเป็น 47-35 แต่ก็ยังไม่สามารถผ่าน Celtics ใน Playoffs รอบสองไปได้
Bernard King
จากนั้นอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงของ King ก็ส่งผลให้ผลงานของทีมในฤดูกาล 1984/85 ดรอปลงไปอย่างมากจนจบแค่สถิติ 24-58 เพียงเท่านั้น
การมาของ Patrick Ewing
จากสถิติที่ย่ำแย่ในฤดูกาลก่อน ส่งผลให้การ Draft ปี 1985 ทีมได้สิทธิ์การ Draft เป็นอันดับ 1 และทีมก็ไม่รอช้า เลือกดึงว่าที่ตำนานของทีมอย่าง Patrick Ewing เข้าสู่ทีม
Patrick Ewing
เจ้าตัวตอบแทนทีมด้วยการทำผลงานระดับเฉลี่ย 20 แต้ม 9 Rebounds ต่อเกม พร้อมคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมไปได้แบบไร้คู่ต่อกรไปในทันที แต่ผลงานรวมของทีมก็ยังไม่ดีนัก มีสถิติแค่ 23-59 เท่านั้น ในปีถัดมาทีมก็ยังไม่สามารถทำผลงานที่ดีได้เช่นเดิม
ในฤดูกาล 1987/88 ทีมจึงมีการเปลี่ยน Head Coach เป็น Rick Pitino ที่มีชื่อมาจากการคุมทีมระดับมหาวิทยาลัยใน NCAA เข้าถึงรอบสี่ทีมสุดท้ายได้ ให้ขึ้นมาทำทีมในระดับ NBA แทน
ซึ่งผลงานปีแรกของเขาก็ออกมาไม่เลวนัก นอกจากทีมจะได้ดาวรุ่งมากฝีมืออย่าง Mark Jackson มาช่วยทีมแล้ว ทีมยังสามารถจบด้วยสถิติ 38-44 จนติดโผเข้ารอบ Playoffs ได้ แต่ก็ไม่ผ่านรอบแรกตามความคาดหมายเช่นกัน
แต่เมื่อทีมเริ่มเล็งเห็นถึงจุดที่ขาดหายไป ในฤดูกาล 1989/90 ทีมจึงตัดสินใจ Trade ผู้เล่นวงในอีกคนอย่าง Charles Oakley มาจาก Bulls เพื่อนำมาผนึกกำลังกับ Ewing และ Jackson เกิดเป็นสามประสานเล็กๆ ขึ้น
Charles Oakley (Cr. Gettyimages)
ทำให้ผลงานในฤดูกาล 1988/89 ของทีมนั้นดีขึ้นกว่าเดิมมาก ทีมจบด้วยสถิติ 52-30 พร้อมกับการคว้าตำแหน่งแชมป์ DIvision อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้สัมผัสมานานถึง 18 ปีเต็ม ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Bulls ในรอบสอง จบเส้นทางแต่เพียงเท่านี้
แต่แล้ว Surprise ก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ Pitino ก็ขอลาออกเพื่อกลับไปคุมทีมในลีกมหาวิทยาลัยอีกครั้งก่อนที่ฤดูกาล 1989/90 จะเริ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ผู้ช่วยอย่าง Stu Jackson ต้องรับบทบาทเป็น HC ขัดตาทัพไปก่อน และทำให้เจ้าตัวกลายเป็นโค้ชทีมลีก NBA ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกอีกด้วย (อายุ 32)
อย่างไรก็ดี ในฤดูกาลดังกล่าวทีมยังทำสถิติได้ที่ 45-37 แต่ก็ไม่สามารถผ่าน Playoffs รอบสองได้เช่นเคย แถมในปีถัดมาจะมีการเปลี่ยนโค้ชอีกคำรบ แต่ก็ทำได้แค่ Playoffs รอบแรกเท่านั้น
ทีมจึงหันไปทาบทาม Pat Riley ที่มีประวัติการคุมทีม Lakers จนประสบความสำเร็จมากมาย แต่ได้ไปรับบทบาทอื่นแทนแล้วตั้งแต่ปี 1990 ให้กลับมาหวนคุมทีมใน NBA อีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็ตกลงยอมรับบทบาทดังกล่าวเสียด้วย นอกจากนั้นไม่พอ ทีมยังสามารถคว้าตัวผู้เล่นมากฝีมืออย่าง John Starks เข้าทีมมาได้อีกต่างหาก
John Starks
การมาของ Riley และ Starks สร้างแรงกระตุ้นให้ทีมได้เป็นอย่างดี ทีมจบฤดูกาล 1991/92 ด้วยสถิติ 51-31 แต่กลับถูก Bulls เขี่ยตกรอบสองไปอีกครั้ง
กระนั้นทีมก็ยังไม่ยอมแพ้ เดินหน้าสร้างสถิติอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการปรับขุมกำลังด้วยการส่ง Jackson ไปให้ Clippers เพื่อแลกกับผู้เล่นถึงสามคน ในฤดูกาล 1992/93 ทีมได้ทำสถิติดีขึ้นกว่าเดิมที่ 60-22 และไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สายอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้สัมผัสมานาน แต่ก็ต้องโดน Bulls มาย้ำแค้นเขี่ยตกรอบเช่นเคย
เพียงแต่ทีมเล็งเห็นโอกาสหลังจากที่จบฤดูกาลดังกล่าว สุดยอดผู้เล่นตลอดกาลอย่าง Michael Jordan ได้ประกาศเลิกเล่น (รอบแรก) ไปแล้ว ทีมจึงทุ่มสุดฝีมือและหมายมั่นจะคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งที่สามให้จงได้ ทีมคว้าแชมป์ DIvision ได้อีกรอบในฤดูกาล 1993/94 ด้วยสถิติ 57-25 และไปได้ถึงรอบชิงแชมป์ลีกเสียที หลังจากที่ไม่มีใครขวางทางพวกเขาได้อีกต่อไป
แต่จนแล้วจนรอดทีมก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ หลังจากพลาดท่าให้กับ Rockets ไปในเกมตัดสินแชมป์หรือเกมที่ 7 อย่างน่าเสียดายสุดๆ
ปีถัดมาทีมยังทำผลงานในฤดูกาลปกติได้อย่างยอดเยี่ยม จบด้วยสถิติ 55-27 แต่ผลงานใน Playoffs กลับทำได้เพียงแค่รอบสองเท่านั้น ซึ่งหลังจากฤดูกาลนี้จบลง Riley จึงได้ทำการประกาศขอลาออกในที่สุด ปิดฉากยุคของเขากับทีมไว้แต่เพียงเท่านี้
การลาออกของ Riley ส่งผลกระทบต่อทีมพอสมควร หลังจากที่โค้ชคนใหม่ทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจนัก กลางฤดูกาล 1995/96 ทีมจึงเดิมพันจ้าง Jeff Van Gundy ที่ในขณะนั้นถือเป็น Head Coach หน้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนมาคุมทีม แม้จะมีประสบการณ์ในการเป็นผู้ช่วยโค้ชมาหลายปีแล้วก็ตาม
Jeff Van Gundy
ผลงานในการคุมทีมช่วงกลางฤดูกาลถือว่าทำได้ดี ทีมจบด้วยสถิติ 47-35 และไปได้ถึง Playoffs รอบสอง ถือว่ายังรักษามาตรฐานระดับสูงเอาไว้ได้
ทำให้ในฤดูกาลที่ 1996/97 ทีมพยายามทุ่มไปกับการปรับปรุงขุมกำลัง ด้วยการนำผู้เล่นอย่าง Larry Johnson และ Allan Houston เข้ามาสู่ทีม และทั้งสองคนมีส่วนช่วยให้ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 57-25 น่าเสียดายที่ใน Playoffs รอบสองที่เจอกับ Heat ทั้งสองทีมดันไปมีเรื่องทะเลาะถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายเกมที่ 5 ทำให้ทั้งสองทีมต่างก็โดนแบน แต่ทาง Knicks เสียหายหนักกว่าเพราะเป็นตัวหลักๆ ทั้งนั้นที่โดน สุดท้ายแล้วจึงตกรอบไปในที่สุด
โชคร้ายที่ฤดูกาล 1997/98 Ewing ได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือจนไม่สามารถลงเล่นได้ตลอดช่วงฤดูกาลปกติทั้งปี แต่ทีมก็ยังประคองเข้ารอบมาได้ด้วยสถิติ 43-39 แต่ก็ต้องตกรอบ Playoffs เพียงแค่รอบสองเฉกเช่นฤดูกาลที่ผ่านมา
แต่ในที่สุด ฤดูกาล 1998/99 ทีมก็สามารถกลับเข้าสู่รอบชิงแชมป์ได้อีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บของ Ewing ที่ทำให้ไม่สามารถช่วยทีมได้ในรอบชิงแชมป์ จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทีมไม่สามารถต้านทาน Spurs ไหว แพ้ไปเพียงแค่ในเกมที่ 5 ชวดแชมป์ลีกไปอย่างน่าเสียดาย
และหลังจากที่ทีมแพ้ให้กับ Pacers ในฤดูกาล 1999/00 ใน Playoffs รอบชิงสาย ทีมจึงได้ตัดสินใจปล่อย Ewing ที่อายุมากและฟอร์มเริ่มดรอปแล้วออกจากทีม ถ้าผนวกกับการปล่อยแกนหลักคนอื่นในช่วงก่อนหน้าด้วยแล้ว เท่ากับว่าทีมได้จบยุคของเขาลงโดยปริยาย
อย่างไรก็ดี ทีมยังพอจะประคองได้ในฤดูกาล 2000/01 ภายใต้การนำทีมของ Houston และ Latrell Sprewell ทำให้ทีมยังเก็บสถิติได้ที่ 48-34 เพียงแต่ต้องตกรอบแรกไปตั้งแต่ไก่โห่เลยทีเดียว
หลังจากจบฤดูกาล Van Gundy ก็ตัดสินใจลาออกจากการเป็น Head Coach ตามไปด้วยอีกคน ทำให้สุดท้ายแล้วผลงานต่อจากนั้นก็ย่ำแย่ลงจนไม่สามารถเข้ารอบ Playoffs ได้อีกสองฤดูกาลถัดจากนั้นเป็นต้นมา
เข้าสู่ยุคตกต่ำของทีม
ในฤดูกาล 2003/04 ทีมได้ว่าจ้าง Isiah Thomas เพื่อให้มายกเครื่องและปรับทีมสู่ยุคใหม่ในตำแหน่งประธานฝ่ายปฏิบัติการของทีม (President of Basketball Operations) ควบกับตำแหน่ง GM ของทีม แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ทีมได้กลับมานั้นตรงกันข้ามกับความคาดหวังอย่างสิ้นเชิง
Isiah Thomas
ในช่วงยุคแรกของเขายังถือว่าทำผลงานได้ไม่แย่นัก เริ่มจากการ Trade ผู้เล่นอย่าง Stephon Marbury เข้าสู่ทีมได้สำเร็จ และจบฤดูกาล 2003/04 ด้วยสถิติ 39-43 แต่ก็ตกรอบ Playoffs เพียงแค่รอบแรกไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ในปีถัดมาเขากลับมีปัญหากับ HC อย่าง Lenny Wilkens จนฝ่ายหลังยอมลาออกในช่วงกลางฤดูกาล 2004/05 ถึงแม้ทีมจะได้ Herb Williams มาคุมทีมแทนแบบขัดตาทัพ แต่ทีมก็ทำผลงานได้เพียง 33-49 อดเข้ารอบไปตามระเบียบ
ในปีถัดมาทีมทุ่มทุนว่าจ้าง Larry Brown และจากขุมกำลังที่พยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น ทำให้ทีมมีเพดานค่าเหนื่อยที่สูงที่สุดในลีกประจำฤดูกาล 2005/06 แต่ผลงานกลับตรงกันข้าม ทำสถิติได้เพียง 23-59 เท่านั้น เรียกว่าย่ำแย่มากที่สุดตั้งแต่สร้างทีมมาเลยก็เป็นได้
Thomas จึงถือโอกาสหลังจากที่ Brown ถูกไล่ออกไป ขอเข้ามาคุมทีมด้วยตัวเอง แต่ผลงานโดยรวมก็ไม่ดีขึ้นเลย ถึงแม้ว่าปีแรกหรือฤดูกาล 2006/07 ทีมจะทำผลงานได้ดีขึ้นเป็น 33-49 ก็ตาม แต่ฤดูกาลถัดมา จากปัญหาทั้งในและนอกสนาม ก็ส่งผลให้บรรดาแฟนกีฬาต่างก็เรียกร้องให้มีการเอาเขาออกไปจากทีมเสียที ดังนั้นหลังจากที่ฤดูกาล 2007/08 จบลงด้วยผลงาน 23-59 เขาก็ถูกปลดออกสมใจ
หลังจากที่ Thomas ออกไปแล้ว ทีมได้ว่าจ้าง Donnie Walsh ให้เป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการของทีมคนใหม่มาแทนที่ โดยจุดประสงค์หลักคือการลดเพดานค่าเหนื่อยให้ต่ำกว่าเกณฑ์และทำให้ทีมกลับมาไล่ล่าอันดับเข้ารอบ Playoffs ได้อีกครั้ง
จากนั้นจึงได้ว่าจ้าง Mike D'Antoni ให้เป็น Head Coach คนใหม่ของทีม พร้อมกับการเลือกดาวรุ่งอย่าง Danilo Gallinari เข้าสู่ทีมในที่สุด
หลังจากที่ทีมได้พิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแล้ว สุดท้ายจึงตัดสินใจเข้าสู่โหมดการสร้างทีมใหม่ โดยปล่อยแกนหลักทั้ง Jamal Crawford, Zach Randolph และ Marbury ออกจากทีม เพื่อเปิดทางให้ผู้เล่นอายุน้อยและบรรดาดาวรุ่งในทีมได้ใช้เวลาในการสั่งสมประสบการณ์และพัฒนาฟอร์มได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ฤดูกาลนี้จบด้วยสถิติ 32-50 เรียกได้ว่าดีขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่น่าเชื่อ
น่าเสียดายที่ฟอร์มของดาวรุ่งกลับไม่แน่นอนเท่าไหร ทำให้ผลงานในฤดูกาลถัดมาได้ย่ำแย่ลง จนทีมต้องหาทางปรับปรุงขุมกำลังด้วยการปล่อยผู้เล่นบางคนออกจากทีม แต่ก็ไม่ทำให้ผลงานของทีมดีขึ้น จบลงด้วยสถิติ 29-53 ย่ำแย่กว่าฤดูกาลที่แล้วเสียอีก ถึงจะยังไม่ตกต่ำเท่ายุคของ Thomas ก็ตาม
ยุคของ Carmelo Anthony
จนกระทั่งเข้าสู่ฤดูกาล 2010/11 ทีมได้เซ็นสัญญา Amar'e Stoudemire ที่ถือเป็นเครื่องจักรทำแต้มชั้นดีมาจาก Suns ได้ ซึ่งถือว่าเจ้าตัวก็ได้ผนึกกำลังกับผู้เล่นอายุน้อยในทีมอย่าง Gallinari และ Wilson Chandler ได้เป็นอย่างดี ทำให้ทีมสามารถประคองผลงานได้ 28-26 ก่อนเข้าช่วง All-Star ได้สำเร็จ
Amar'e Stoudemire
แต่แล้วจิ๊กซอว์ตัวสำคัญก็ได้มาถึง ทีมได้ทำการคว้าตัว Carmelo Anthony มาจาก Nuggets ผ่านการ Trade แลกตัวแบบชุดใหญ่
ทำให้ทีมกลายเป็นมีผู้เล่นที่เป็นแกนหลักถึงสองคนในทีมอย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้ทีมผ่านเข้ารอบ Playoffs ได้สำเร็จนับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา น่าเสียดายที่โดน Celtics กวาดตกรอบแรกไปแบบสู้ไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยทีมก็เริ่มกลับมาสู่ในจุดที่ตั้งใจไว้แล้ว
หลังจากจบฤดูกาล Walsh เลยตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เพื่อหลีกทางให้ทีมได้หาประธานคนอื่นที่สามารถนำทีมไปได้ไกลกว่านี้เข้ามาบริหารแทน
Carmelo Anthony
หลังจากนั้นในฤดูกาล 2011/12 ทีมได้คว้าตัวผู้เล่นที่เด่นด้านเกมรับอย่าง Tyson Chandler มาเสริมขุมกำลังได้อีกคน
แต่คนที่ทำผลงานได้เด่นจริงๆ กลับไม่ใช่ทั้งสามคนนี้ ที่ต่างก็มีช่วงที่บาดเจ็บและฟอร์มตกไปตามๆ กัน จนทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่กลับผู้เล่นสำรองอย่าง Jeremy Lin ที่ระเบิดฟอร์มสุดยอดออกมาจนมีฉายาในขณะนั้นว่า "Linsanity" กันเลยทีเดียว
Jeremy Lin
กระนั้นผลงานโดยรวมของทีมก็ยังไม่ได้ดีขึ้นมากนัก จนโค้ชอย่าง D'Antoni ตัดสินใจลาออกในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ทีมรีบแต่งตั้งผู้ช่วยอย่าง Mike Woodson ขึ้นมาคุมทีมเป็นการชั่วคราวแทนไปก่อน
เพียงแต่ผลงานกลับดีกว่าที่คาด ทีมเร่งเครื่องทำสถิติได้ดีถึง 18-6 ในช่วงท้าย ทำให้สามารถพลิกเข้ารอบเป็นอันดับ 7 ในฝั่งตะวันออกได้สำเร็จ จากผลงานนี้ทำให้ Woodson ได้ทำหน้าที่เป็น HC ถาวรแทนหลังจากจบฤดูกาลนั่นเอง
เมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2012/13 ทีมจึงคิดการใหญ่อีกครั้งด้วยการดึงผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง Jason Kidd เข้ามาคุมจังหวะของทีม น่าเสียดายที่ Lin และ Landry Fields ต้องถูก Trade ออกไปให้กับ Rockets และ Raptors ทั้งที่เป็นผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในฤดูกาลที่ผ่านมาเนื่องจากปัญหาทางด้านเพดานค่าเหนื่อย จึงไม่สามารถสู้ข้อเสนอจากทีมดังกล่าวที่ยื่นสัญญามาให้ได้นั่นเอง
ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 54-28 พร้อมกับการคว้าแชมป์ Division ได้สำเร็จในช่วงเวลาที่ห่างกันถึงเกือบ 20 ปี แต่ผลงานใน Playoffs กลับถูก Pacers เขี่ยตกรอบไปเพียงแค่รอบสองเท่านั้นเอง
การมาของ Phil Jackson
ในปี 2013 ทีมได้ตัดสินใจเปลี่ยนทีมบริหารใหม่อีกครั้ง ด้วยการแต่งตั้งอดีตโค้ชมากฝีมืออย่าง Phil Jackson ให้เป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการแทน ด้วยความหวังว่าจากผลงานที่ผ่านมาน่าจะช่วยยกระดับให้ทีมดีกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างแน่นอน
Phil Jackson
เจ้าตัวเริ่มจากการสั่งปลด Woodson จากการเป็น HC ของทีม และแทนที่ด้วยอดีตลูกหม้อในสังกัดอย่าง Derek Fisher ด้วยความหวังว่าการที่อยู่ด้วยกันมานาน จะทำให้เขาสามารถซึมซับระบบ Triangle Offense ที่สร้างชื่อให้กับเจ้าตัวเอาไปใช้กับทีมนี้ได้ในอนาคต
ผลจากระบบดังกล่าว ถึงแม้ว่าทีมจะจบสถิติได้เพียง 37-45 และไม่ได้เข้ารอบ Playoffs แต่กลับเป็นฤดูกาลที่ Anthony เล่นดีที่สุดในอาชีพไปด้วย รวมไปถึงการทำสถิติ 62 แต้ม 13 Rebounds ในเกมที่เอาชนะ Bobcats (Hornets ในปัจจุบัน) ลงได้ หลายฝ่ายจึงมองว่าถ้าปรับอีกนิดหน่อย ระบบนี้อาจจะไปได้สวยเลยทีเดียว
น่าเสียดายที่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ในฤดูกาล 2014/15 ทีมทำสถิติแพ้ต่อเนื่องกันถึง 16 นัด และจบฤดูกาลด้วยสถิติ 17-65 ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งทีมมา แถมหลังจากนั้นทีมยังตัดสินใจยกเลิกสัญญา (Buyout) Stoudemire เสียเงินก้อนโตไปอีกต่างหาก
อย่างไรก็ดี ในฤดูกาล 2015/16 ทีมได้ตัวที่น่าจะเป็นความหวังของทีมได้อย่าง Kristaps Porziņģis เข้าสู่ทีม การยกเลิกสัญญา Stoudemire ก็อาจจะเพื่อให้เวลาเจ้าตัวได้แสดงฟอร์มและพัฒนาฝีมือได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
Kristaps Porziņģis
ผลงานของทีมในฤดูกาล 2015/16 เหมือนจะกระเตื้องขึ้นบ้างกับการมาของ Porzingis หลังจากจบฤดูกาลด้วยสถิติ 32-50
ทีมจึงพยายามปรับปรุงขุมกำลังของทีมให้ดูดีขึ้น เริ่มจากการเปลี่ยน HC เป็น Jeff Hornacek รวมไปถึงการคว้าอดีต MVP อย่าง Derrick Rose มาจาก Bulls และยอดฝีมืออย่าง Joakim Noah กับ Brandon Jennings มาร่วมทีมเพิ่มเติมอีกต่างหาก
แต่จนแล้วจนรอดผลงานในฤดูกาล 2016/17 กลับจบด้วยสถิติ 31-51 เท่านั้น สร้างความผิดหวังให้ทุกฝ่ายเป็นอย่างมาก และจากการใช้เงินทุ่มทุนไปเป็นจำนวนมากแต่ผลงานกลับตรงกันข้าม สุดท้ายแล้ว Jackson จึงถูกปลดออกจากตำแหน่งประธานลงในที่สุด
เข้าสู่ยุคปัจจุบัน
หลังจากที่ Jackson ได้ออกจากทีมไปเรียบร้อย คณะบริหารชุดใหม่ที่นำโดย Scott Perry ในบทบาทของ GM และ Steve Mills ในบทบาทของประธานฝ่ายปฏิบัติการ ได้ทำการรื้อโครงสร้างทีมยกใหญ่เพื่อลดระดับค่าเหนื่อยของทีมตัวเองให้เหมาะสมที่สุด โดยหวังให้ Porzingis ได้เป็นแกนหลักยุคใหม่ของทีมในระยะยาวต่อไป
เริ่มจากการ Trade Anthony ออกไปให้กับ Thunder ถึงแม้จะมีปัญหาในช่วงแรกก็ตาม (เนื่องจากมีการระบุ No-Trade Clause ไว้ในสัญญาของเจ้าตัวในยุคของ Jackson ด้วย ก่อนที่จะยินยอมให้มีการปรับแก้ในภายหลัง) จากนั้นจึงทำการทยอยปรับเปลี่ยนผู้เล่นอีกหลายคน แต่ส่วนมากจะเป็นแค่ผู้เล่นระดับกลางเป็นหลัก เพราะทรัพยากรของทีมที่พอจะเอาไปสร้างทีมใหม่ได้นั้นมีน้อยเหลือเกิน
สุดท้ายแล้วทีมจึงจบฤดูกาล 2017/18 ด้วยสถิติ 29-53 ทีมจึงตัดสินใจแยกทางกับ Hornacek หลังจากฤดูกาลสิ้นสุดลง และไปว่าจ้าง David Fizdale อดีตโค้ชของ Grizzlies เข้ามาคุมทีมแทน
อย่างไรก็ดี Porzingis กลับมีการเรียกร้องที่จะขอ Trade ออกจากทีม เนื่องจากขุมกำลังชุดนี้น่าจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น ทีมทำการยื้ออยู่นานแต่ก็ไม่ประสบผล สุดท้ายจึงจำต้องปล่อยไปให้กับ Mavericks พร้อมกับผู้เล่นอีกชุดหนึ่ง
ข้อดีของการ Trade นี้ คือทำให้ทีมมี Cap Space เพดานค่าเหนื่อยมากถึง 74 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนที่ฤดูกาล 2019/20 จะเริ่มขึ้น และจากการที่ทีมมีผลงานไม่ดีในฤดูกาล 2018/19 ทำให้ทีมได้อันดับ 3 ในการ Draft อีกด้วย ซึ่งทีมได้ตัดสินใจเลือก RJ Barrett เข้าสู่ทีมนั่นเอง
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ทีมค่อนข้างล้มเหลวในตลาด Free Agent ในปีนี้ ทำให้ทีมตัดสินใจเซ็นสัญญาระยะสั้นกับผู้เล่นระดับกลางๆ หลายคนด้วยกัน เพื่อเฝ้ารอเวลาที่เหมาะสมในการหาผู้เล่นระดับชั้นนำเข้าสู่ทีมต่อไปในอนาคต
สุดท้ายแล้วทีมก็ได้ผู้เล่นที่พัฒนาฝีมือเป็นอย่างมากในฤดูกาลล่าสุด กับ Julius Randle ที่โชว์ฝีมือได้สุดยอดจนติดทีม All-Star ในปีล่าสุดได้สำเร็จ ผนวกกับการได้ผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง Rose กลับเข้าสู่ทีมอีกครั้ง และบรรดาผู้เล่นอายุน้อยที่เริ่มฉายแวว ทำให้ทีมกลับมาเข้ารอบ Playoffs อีกครั้งในปีนี้แบบหักปากกาเซียนไปตามๆ กันเลยทีเดียว
Julius Randle
ถึงแม้ว่าจะต้องตกรอบแรกจากการที่แพ้ Hawks ไปอย่างรวดเร็ว และ Randle ที่เป็นถึงมือหนึ่งของทีมแต่กลับโชว์ฟอร์มไม่ออกเลยใน Series แต่เชื่อเหลือเกินว่าประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้น่าจะทำให้ผลงานของทีมโดยรวมดีขึ้นได้อีกในฤดูกาลถัดไป
ถ้าชอบก็ฝาก Share และกดติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา