19 เม.ย. 2021 เวลา 06:37 • ประวัติศาสตร์
จริงหรือไม่ที่มารี อองตัวเน็ต ไล่คนไปกินเค้กแทนขนมปัง
Did Marie Antoinette really say "Let them eat cake” ?
ท่ามกลางกระแสการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1789 ประชาชนคนฝรั่งเศสได้ยินแบบนี้ก็ต้องไม่พอใจแน่ๆ หนอย ประชาชนอดอยากไม่มีแม้กระทั่งขนมปังจะกิน ดันมาประชดประชันไล่ให้ไปกินเค้ก
สะอย่างนั้น
เรื่องนี้ต้องขยาย เกร็ดจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ที่พวกเราคิดก่อน
นำมาฝากในอาทิตย์นี้ เรื่องนี้มีที่มาเป็นอย่างไร จริงเท็จแค่ไหน
มาดูกัน
1
มารี อองตัวเน็ต (Marie Antoinette) คือใคร?
พวกเราเชื่อว่าทุกคนน่าจะคุ้นชื่อพระนางกันเป็นอย่างดีจากการเป็นพระมเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ผู้ที่โดนประหารชีวิต
ด้วยเครื่องกิโยตินภายหลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789
โดยก่อนที่จะมาเป็นพระมเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
พระนางมีชื่อเต็มว่า มารี อองตัวเน็ต โจเซฟา โยฮานนา ประสูติในปี ค.ศ.1755 เป็นเจ้าหญิงแห่งออสเตรีย จากราชวงศ์ฮับส์บวร์ก
โดยพระบิดาของพระนางคือจักรพรรดิฟรันซ์ที่ 1 แห่งโรมัน
และจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา
ขณะที่มารี อองตัวเน็ต ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหญิงแห่งออสเตรีย
อยู่นั้น พระนางไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่เข้มงวดเท่าไหร่นัก กล่าวคือ
พระนางสามาถเขียนและพูดภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส และอิตาเลียนได้ แต่ก็ไม่สันทัด รวมถึงไม่ได้ถูกบังคับเข้มงวดในเรื่องจารีตประเพณีในราชสำนักมากนัก
พระนางมารี อองตัวเน็ตในวัยเยาว์ Credit: https://www.thoughtco.com/marie-antoinette-image-gallery-4122972
เมื่อได้อภิเษกกับมกุฎราชกุมารแห่งฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาก็คือ
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พระนางจึงจำต้องย้ายมาอยู่ฝรั่งเศสถาวร
แต่ด้วยขนบธรรมเนียม ประเพณีของราชสำนักฝรั่งเศสที่แตกต่างจากออสเตรียเป็นอย่างมาก พระนางจึงต้องพบกับความลำบาก ความอึดอัด และต้องเรียนรู้เรื่องต่างๆในราชสำนักฝรั่งเศสอีกมากมาย
แต่ด้วยลักษณะนิสัยของพระนางซึ่งเป็นคนที่รักอิสรภาพ และไม่ค่อยอยากจะอยู่ในขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีอันยุ่งยาก
ของราชสำนักฝรั่งเศสซักเท่าไหร่ พระนางจึงโดนครหา
เรื่องความเอาแต่ใจ มีขุนนางที่ไม่ชอบมากมาย รวมถึงชอบจัดงานปาร์ตี้รื่นเริงในพระราชวัง ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปกับการจัดงานเลี้ยง
ในวัง ไม่แคร์เสียงวิจารณ์ใดๆ
อีกทั้งพระนางยังมีรสนิยมการแต่งตัวที่หรูหรา ใช้จ่ายไปกับอาภรณ์และเครื่องประดับเป็นอย่างมาก จนถูกขนานนามให้เป็น Fashion Icon ของยุโรปในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้
ตัวอย่างแฟชั่นของพระนางมารี อองตัวเน็ต
ด้วยเหตุนี้พระนางจึงถูกวิจารณ์เรื่องการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อีกทั้งยัง
ถูกต่อต้านหนักขึ้นเรื่อยๆ เนื่องด้วยฝรั่งเศสในช่วงนั้นประสบปัญหาข้าวยากหมากแพง ประชาชนไม่มีอันจะกิน แม้กระทั่งขนมปัง
ก็ยังแพงเกินกว่าจะหามาประทังชีวิต ราชสำนักซึ่งโดนโจมตีเรื่องความฟุ่มเฟือยอยู่แล้วจึงโดนหนักเข้าไปอีก
กระทั่งในปีค.ศ. 1789 ได้มีม็อบประท้วงของกลุ่มสตรีเดินทางไปประท้วงยังพระราชวังแวร์ซาย เรียกร้องขอขนมปังและอาหาร
เพื่อบรรเทาความหิวโหยของประชาชน
ในตอนนี้เองที่พระนางมารี อองตัวเน็ต ตรัสถามคนรับใช้ว่า
ข้างนอกเกิดความวุ่นวายอะไรขึ้น คนรับใช้จึงเล่าให้ฟัง
แต่แล้วพระนางก็ตรัสว่า “งั้นก็ให้พวกเขาไปกินเค้กสะสิ”
 
นัยยะคือว่า ถ้าขนมปังมันแพง มันหายากนัก ก็ไปกินเค้กแทนละกัน
แน่นอนว่าพระนางไม่ได้พูดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งพวกเราได้ไปค้นหาในภาษาฝรั่งเศส พบว่า พระนางน่าจะพูดว่า “Qu'ils mangent de la brioche” ซึ่งถ้าจะแปลเป็นภาษาอังกฤษ น่าจะเป็น Let them eat brioche มากกว่า
Brioche , Cake , Bread มันต่างกันยังไง ?
บริยอช หรือ brioche คือขนมปังฝรั่งเศสประเภทหนึ่ง ที่มีเนยและไข่เป็นส่วนประกอบหลัก รสสัมผัสมีความนุ่มละมุนมากกว่าขนมปัง
แต่ไม่ใช่เค้ก หน้าตาและรสสัมผัสก็ไม่ใช่เค้กอย่างที่เรารู้จักกันดี โดยในปัจจุบันมีหลายรูปทรง แบบกลม แบบแถวขนมปัง และอื่นๆ
Brioche หรือ บริยอช Credit: https://www.delish.com/cooking/recipe-ideas/a28848483/brioche-bread-recipe/
เป็นไปได้ว่าพอต้องเอามาแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้เข้าใจกันอย่างแพร่หลาย เลยเลือกใช้คำว่า cake แทน เพราะรสสัมผัสของ
บริยอชจะนุมละมุน คล้ายไปทางเค้กมากกว่าขนมปัง
ผู้แปลส่วนใหญ่จึงใช้คำว่าเค้กแทนสะเลย จะได้เข้าใจตรงกัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นเค้กหรือบริยอช บริบทที่พระนางพูดออกไป
ก็เป็นไปในแง่การประชดประชันอยู่ดี
แต่มันก็ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าพระนางเคยพูดประโยคนี้จริงๆน่ะสิ
แล้วประโยคนี้มันมาจากไหนกัน ?
นักประวัติศาสตร์หลายๆท่านลงความเห็นแล้วว่ามารี อองตัวเน็ต
ไม่น่าจะเคยพูดประโยคนี้ และเรื่องนี้ก็เป็นเพียงเรื่องที่ลือกันไปก็เพียงเท่านั้น
สืบเนื่องมาจากในหนังสือ Confessions ของนักปรัชญาทางการเมืองชาวฝรั่งเศสชื่อดัง ฌ็อง-ฌาร์กส์ รุสโซ (Jean-Jacques Rousseau) เขาได้เขียนไว้ว่า เขานึกถึงคำพูดของเจ้าหญิงพระองค์หนึ่งเคยตรัสกับประชาชนผู้หิวโหย ไม่มีแม้แต่ขนมปังจะประทังชีวิต
ซึ่งประโยคนั้นก็คือ “Let them eat brioche”.
Credit: https://en.wikipedia.org/wiki/Jean-Jacques_Rousseau
แต่กระนั้นรุสโซก็ไม่ได้ระบุว่าเจ้าหญิงที่ตนกล่าวถึง คือพระองค์ไหน จนต้องย้อนกลับมาดูหนังสือ Confessions พบว่ารุสโซเขียนหนังสือเล่มนี้ในปี ค.ศ. 1767 ซึ่งขณะนั้นมารี อองตัวเน็ต พึ่งจะมีอายุได้เพียง 12 ปี และอาศัยอยู่ที่ออสเตรีย ยังไม่ได้ก้าวเท้ามาเหยียบราชสำนักฝรั่งเศสเลยด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ นักประวัติศาสตร์หลายคนต่างลงความเห็นกันว่า
ประโยค “Let them eat brioche” ไม่น่าจะหมายถึงพระนาง
มารี อองตัวเน็ต
แล้วใครกันหล่ะ ที่พูดประโยคนี้ ?
นักประวัติศาสตร์ลงความเห็นไว้ว่ามี 2 คน ที่น่าจะเป็นเจ้าของประโยคสุดฮิตนี้
คนแรก ก็คือ พระราชินีมาเรีย เทเรซา แห่งสเปน (Queen Maria-Thérèse) พระมเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louise XIV)
ซึ่งอยู่มาก่อนมารี อองตัวเน็ต กว่า 100 ปี
มีความเป็นไปได้ว่าพระนางน่าจะพูดว่า “ Let them eat crust (croute) of the pate “.
พระราชินีมาเรีย เทเรซา แห่งสเปน Credit: https://en.wikipedia.org/wiki/Maria_Theresa_of_Spain
โดยเปลี่ยนจาก cake หรือ brioche มาเป็น pâté en croûte
(ปาเตอองครูต) ซึ่งหมายถึงขนมปัง หรือพายที่มีไส้ข้างใน
ปาเตอองครูต Credit: https://www.femmeactuelle.fr/cuisine/recettes/entree/pate-en-croute-au-foie-gras-243514
โดยประโยคนี้ถูกส่งผ่านไปหลายรุ่น มีการค้นพบประโยคนี้
จากบันทึกความทรงจำของ Count of Provence ในปี ค.ศ.1823 ซึ่งกล่าวว่าการรับประทานปาเตอองครูตนี้ ทำให้เขานึกถึงประโยค
ที่พระราชินีมาเรีย เทเรซา แห่งสเปนเคยพูดไว้
คนที่สองนั้น นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าประโยคนี้แท้จริงไม่ได้มาจากไหนไกล แต่เป็นรุสโซเองที่พูดประโยคนี้ และโควทประโยคนี้ของตัวเองมาอีกที
แต่กระนั้นแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถสรุปได้แน่นอนว่าประโยคนี้
มารี อองตัวเน็ตได้พูดออกไปหรือไม่ เนื่องจากไม่มีหลักฐานบันทึกไว้อย่างแน่ชัด
อย่างไรก็ตามงานเขียนของรุสโซมีความแพร่หลาย และมีอิทธิพล
กับการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1789 ประโยคดังกล่าวอาจจะถูกหยิบยกมาระหว่างนั้นเพื่อวิจารณ์ และระบายความไม่พอใจของประชาชนต่อราชสำนักฝรั่งเศส รวมถึงการที่รุสโซไม่ได้ระบุว่า
เจ้าหญิงที่เขาหมายถึงนั้นคือใคร ทำให้ผู้อ่าน อาจจะตีความไปว่าเป็นมารี อองตัวเน็ต ซึ่งเป็นพระราชินีของฝรั่งเศสในตอนนั้น
ประโยคนี้ยังพบมากในงานเขียนวิจารณ์ หนังสือพิมพ์ ซึ่งมีหลักฐานที่พอจะเชื่อมโยงว่า มารี อองตัวเน็ตพูดประโยคดังกล่าว
เช่นใน journal ชื่อว่า Les Guêpes เขียนโดย Jean-Baptiste Alphonse Karr ในปี ค.ศ.1843 กว่า 50 ปีให้หลัง หลังจากการปฏิวัติในปี ค.ศ.1789 นักประวัติศาสตร์หลายคนมองว่า
เขาอาจจะได้ยินคนพูดวิจารณ์กันมา และนำมาเขียนทีหลังมากกว่า
Les Guêpes เขียนโดย Jean-Baptiste Alphonse Karr Credit: http://revenant-archive.blogspot.com/p/les-guepes.html
นอกจากนั้นประโยคนี้ยังถูกนำไปเชื่อมโยงกับธิดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 Madame Sophie และ Madame Victoire ว่าทั้งสอง
ก็เคยพูดประโยคในทำนองนี้เช่นกัน
จากตรงนี้ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่าอประโยคนี้มักจะถูกนำไปเชื่อมโยงในทางลบกับเหล่าราชนิกูลในราชวงศ์ฝรั่งเศส
เพื่อแสดงถึงความไม่แยแสต่อความเดือดร้อนของประชาชนผู้หิวโหย
แต่ประโยคนี้ดันส่งผลต่อพระนางมารี อองตัวเน็ต มากที่สุด
เนื่องด้วยพระนางมีชื่อเสียงที่ไม่ดีอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบ
ของประชาชน โดยมีสาเหตุมาจากความฟุ่มเฟือยส่วนพระองค์
และราชสำนัก
จนในท้ายที่สุด พระนางจำต้องกลายมาเป็นพระราชินีของราชสำนักฝรั่งเศสที่โดนประหารชีวิตโดยเครื่องกิโยติน ด้วยความโกรธแค้นของประชาชน
Credit: https://fr.m.wikipedia.org/wiki/Fichier:Marie_Antoinette_Execution1.jpg
จบกันไปแล้วสำหรับเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ จากการปฏิวัติฝรั่งเศสในตอนที่หนึ่ง
อย่าลืมกดแชร์ และกดติดตามพวกเราในทุกๆช่องทางนะคะ
แปลและเรียบเรียงเนื้อหาโดยทีมงานคิดก่อน
*ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต*

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา