7 ก.ย. 2021 เวลา 07:00 • ประวัติศาสตร์
NBA 104 - ประวัติย่อของทีม NBA ตอนที่ 22 - Orlando Magic
ประวัติทีม Orlando Magic
ฝั่งที่สังกัด - ฝั่งตะวันออก Southeast Division
ปีที่ก่อตั้ง - 1989
ชื่อเดิม -
Orlando Magic (1989-ปัจจุบัน)
สถานที่ตั้ง - เมือง Orlando รัฐ Florida
ชื่อสนามเหย้า - Amway Center
เจ้าของทีม - RDV Sports, Inc.
CEO - Alex Martins
GM (General Manager) – John Hammond
HC (Head Coach) - Jamahl Mosley
ทีมสังกัดใน G-League - Lakeland Magic
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ลีก - 0
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ฝั่งทวีป - 2 (1995, 2009)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ Division - 6 (1995, 1996, 2008-2010, 2019)
จำนวนเบอร์เสื้อที่ทำการ Retired - 1 (6)
ประวัติทีมโดยสังเขป
ทีมได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1989 ซึ่งถือว่าเป็นทีมกีฬาประจำเมือง Orlando อย่างเป็นทางการทีมแรกก่อนกีฬาชนิดอื่นอีกด้วย
Magic 1989 Logo
พร้อมกับการคว้าตัว Nick Anderson เป็นดาวรุ่งคนแรกของทีม ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นแกนหลักให้กับทีมไปอีกหลายปีนับจากนี้เลยทีเดียว ถึงแม้ว่าในฤดูกาลเปิดตัวทีมจะทำได้แค่สถิติ 18-64 ก็ตาม
Nick Anderson
จากนั้นในปี 1990 ทีมได้ Draft ดาวรุ่งอย่าง Dennis Scott เข้าสู่ทีม และเขาก็ได้ทำสถิติ 30 Assists ในเกมเดียวที่พบกับ Nuggets จนสามารถทำลายสถิติเดิมที่ถูกบันทึกไว้ที่ 29 ครั้งลงได้ และเขาก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมมีผลงานที่ดีขึ้นเป็น 31-51 ถือว่าเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว
แต่ฤดูกาล 1991/92 จากการที่อาการบาดเจ็บเล่นงานทั้ง Andersen และ Scott ทำให้ผลงานของทีมดรอปลงเหลือแค่ 21-61 เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนเจ้าของทีมเป็นตระกูล DeVos ผู้ก่อตั้ง Amway ในปีนี้
สามประสาน O'neal, Hardaway และ Grant
ในการ Draft ปี 1992 ทีมได้ใช้สิทธิ์ Draft อันดับ 1 ที่มีอยู่ในการเลือกว่าที่สุดยอดผู้เล่นคนหนึ่งของลีกอย่าง Shaquille O'Neal เข้าสู่ทีม
Shaquille O'Neal (Cr. Gettyimages)
การมาของเขาสามารถยกระดับให้ทีมได้ทันที กับผลงานเฉลี่ย 23.4 แต้ม 13.9 Rebounds และ 3.5 Blocks ต่อเกม ทำให้เขาคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมไปได้แบบไร้คู่ต่อกร และทำให้ทีมจบด้วยสถิติ 41-41 ซึ่งถือว่าก้าวกระโดดจากฤดูกาลก่อนเป็นอย่างมาก ถึงจะยังไม่สามารถเข้ารอบ Playoffs ได้ก็ตาม
ในฤดูกาล 1993/94 ทีมส้มหล่นสุดๆ จากการที่ได้ Draft อันดับ 1 ทั้งๆ ที่เป็นทีมที่มีลำดับเปอร์เซ็นต์น้อยที่สุดที่จะจับสลากได้ ทีมจึงใช้สิทธิ์ในการเลือก Chris Webber ก่อนที่จะส่งไปให้กับ Warriors เพื่อแลกกับ Draft อันดับ 3 อย่าง Penny Hardaway และสิทธิ์การ Draft ในอนาคตอีกสามสิทธิ์ เรียกได้ว่าเกินคุ้มเลยทีเดียว
Penny Hardaway
ทั้งเขาและ O'Neal กลายเป็นคู่หูที่เขย่าวงการ NBA ในปีนั้นอย่างแท้จริง ทั้งคู่พาทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 50-32 เข้ารอบ Playoffs ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะโดน Pacers กวาดตกรอบแรกไปอย่างรวดเร็วสุดๆ เช่นกัน
ในฤดูกาล 1994/95 ทีมได้ผู้เล่นระดับ All-Star อย่าง Horace Grant ที่หมดสัญญากับ Bulls มาผนึกกำลังเป็นแกนหลักของทีมได้อีกคน ทำให้ทีมในตอนนี้ดูแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว แถมยังทำผลงานได้ถึง 57-25 พร้อมกับคว้าแชมป์ DIvision ได้เป็นครั้งแรกอีกต่างหาก
Horace Grant
แถมทีมยังโชว์ฟอร์มที่ดีมากๆ ในรอบ Playoffs ด้วยการผนึกกำลังทะลุไปถึงรอบชิงแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าพัฒนาการก้าวกระโดดมากๆ หากเทียบกับฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Rockets แบบขาดลอย 4-0 เกม ชวดแชมป์ลีกไปอย่างน่าเสียดาย
ฤดูกาล 1995/96 ทีมยังไม่ลดความพยายามที่จะคว้าแชมป์ลีกให้ได้ หลังจากทำผลงาในฤดูกาลปกติได้อย่างสุดยอดที่ 60-22 พร้อมการคว้าแชมป์ Division ได้เป็นหนที่สองติดต่อกัน แต่น่าเสียดายที่ทีมดันไปอยู่ยุคเดียวกันกับสุดยอดทีมอย่าง Bulls ที่นอกจากจะเป็นฤดูกาลแห่งตำนาน 72-10 แล้ว ทีมนี้ยังเป็นทีมที่ปราบ Magic ลงในรอบชิงแชมป์สายตะวันออกอีกต่างหาก
น่าเสียดายที่หลังจากจบฤดูกาล O'Neal ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาและย้ายไปอยู่กับ Lakers แทน ทำให้แกนหลักเหลือเพียง 2 คนแล้วในตอนนี้
การจากไปของ O'Neal ส่งผลกระทบต่อทีมพอสมควร ฤดูกาล 1996/97 ทีมทำสถิติได้เพียงแค่ 45-37 ก่อนที่จะถูก Heat เขี่ยตก Playoffs รอบแรกอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าหมดลายอดีตทีมระดับลุ้นแชมป์กันเลยก็ว่าได้
หลังจากนั้นทีมก็ไม่เคยกลับไปอยู่จุดเดิมได้อีกเลย ถึงแม้ว่าจะพยายามปรับปรุงทั้งโค้ชและขุมกำลังผู้เล่นที่มีอยู่ก็ตาม แต่ก็ทำได้ดีที่สุดแค่ Playoffs รอบแรกในฤดูกาล 1998/99 เท่านั้น จนสุดท้ายอีกสองคนที่เหลือก็ต้องออกจากทีมไปในที่สุด
ยุคของ Tracy McGrady
เวลาล่วงเลยมาจนถึงปี 2000 หลังจากที่ทีมได้ทำการเคลียร์เพดานค่าจ้างได้อย่างมหาศาล ทีมจึงตัดสินใจเดินหน้าเพื่อควานหาผู้เล่นระดับ Top เข้าสู่ทีม และทีมก็ได้ทั้ง Grant Hill และ Tracy McGrady ที่เรียกได้ว่าเป็นคู่หูแกนหลักของทีมชุดใหม่นี้ได้เลย
น่าเสียดายที่ในปีแรก Hill กลับต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนลงเล่นได้แค่ 4 เกมเท่านั้น ส่งผลให้ McGrady ต้องกลายเป็นแกนหลักของทีมเพียงคนเดียว แต่ก็ยังพอทำผลงานได้ดีสมราคา หลังจากที่พาทีมจบด้วยสถิติ 43-39 และเข้ารอบ Playoffs ได้สำเร็จ แถมเจ้าตัวยังติดทีม All-Star ในปีนี้อีกด้วย
Tracy McGrady
ในฤดูกาล 2001/02 Hill ก็ยังไม่สามารถกลับมาเล่นได้เกือบตลอดทั้งฤดูกาลจากอาการบาดเจ็บที่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ทำให้ McGrady ยังคงเป็นแกนหลัก แต่ภาพซ้ำตอนฤดูกาลที่แล้วก็ย้อนรอยกลับมาอีกครั้ง ทีมจบด้วยสถิติ 44-38 และตก Playoffs รอบแรกเช่นเดิม
เช่นเดียวกันกับ 2002/03 ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าทีมจะมีการเปลี่ยนแปลงขุมกำลังสำรองบ้างเล็กน้อย แต่ทีมก็ยังไม่สามารถผ่านเข้า Playoffs รอบสองได้อยู่ดี ถึงแม้ว่ารอบนี้จะใกล้เคียงขนาดที่ต้องตัดสินกันถึงเกมที่ 7 ก็ตาม
แต่แล้วความฝันของทีมก็ต้องดับลง หลังจากที่ฤดูกาล 2003/04 ฟอร์มโดยรวมของทีมกลับดรอปลงอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่า McGrady จะโชว์ฟอร์มดีจนติดทีม All-Star ได้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน แต่ทีมกลับจบฤดูกาลด้วยสถิติแค่ 21-61 เท่านั้น เรียกได้ว่าย่ำแย่เอามากๆ จนกระทั่งสุดท้าย McGrady ก็ตัดสินใจอำลาทีมไปหลังจบฤดูกาลนี้
ยุคของ Dwight Howard
หลังจากที่ทีมตัดสินใจสร้างขุมกำลังชุดใหม่ ด้วยการ Trade McGrady ออกพร้อมทั้งผู้เล่นอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อแลกกับ Steve Francis, Hedo Turkoglu สองผู้เล่นมากฝีมือ และทีมได้ทำการ Draft ว่าที่สุดยอดผู้เล่นอีกคนของทีมในอนาคตอย่าง Dwight Howard เข้าสู่ทีม
Dwight Howard
หลังจากที่ Hill ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถลงเล่นได้เต็มที่ถึง 3 ปี แต่ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาและมีส่วนสำคัญสำหรับทีมชุดนี้ รวมไปถึง Howard ที่กลายเป็นดาวรุ่งคนแรกของลีกที่ลงเล่นเป็นตัวจริงครบทุกนัดในฤดูกาลเดียว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมมาครองก็ตาม น่าเสียดายที่ทีมจบฤดูกาลแค่สถิติ 36-46 ทำให้ยังไม่ดีพอที่จะเข้ารอบ Playoffs ได้
ในฤดูกาล 2005/06 Howard และ Jameer Nelson ต่างก็โชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดีทั้งสามคน โดยเฉพาะรายหลังที่ต้องบอกว่าพัฒนาฝีมือขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก จนสามารถกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญชุดนี้ได้ ในขณะที่ Hill กลับได้รับบาดเจ็บอีกครั้งในช่วงกลางฤดูกาล แต่ยังดีที่ Turkoglu กลับมาช่วยทีมได้ ทำให้ทีมได้มีลุ้นทำอันดับจนถึงช่วงท้ายฤดูกาลอีกครั้ง แต่ก็น่าเสียดายที่ทีมจบด้วยสถิติเดิม 36-46 และไม่ได้เข้ารอบติดต่อกันเป็นปีที่สอง
อย่างไรก็ดี ในฤดูกาล 2006/07 ทีมได้ผู้เล่นดาวรุ่งมากฝีมืออย่าง JJ Redick เข้าสู่ทีม ทำให้ทีมสามารถทำผลงานได้อย่างสวยหรูตั้งแต่ต้นฤดูกาลเลยทีเดียว ถึงจะมีสะดุดบ้างในช่วงกลางและท้ายฤดูกาล แต่สุดท้ายแล้วทีมก็กลับมาเข้ารอบ Playoffs ได้สำเร็จจากสถิติ 40-42 แต่ก็โดน Pistons เขี่ยตกรอบแรกไปตามระเบียบ
JJ Redick
ต่อมาในฤดูกาล 2007/08 ทีมเริ่มต้นฤดูกาลด้วยสถิติ 16-4 นับว่าดูดีเอามากๆ และสุดท้ายทีมก็จบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์ DIvision ที่ไม่ได้สัมผัสมานานมาก พร้อมกับสถิติ 52-30 แถมยังผ่านเข้ารอบ Playoffs รอบแรกได้เสียทีหลังจากพยายามมานาน ถึงจะถูก Pistons เขี่ยตกรอบสองไปอีกครั้งก็ตาม
จากนั้นในฤดูกาล 2008/09 ถึงแม้ว่าทีมจะอดใช้งาน Nelson เนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่ทีมก็ยังได้ Rafer Alston เข้ามาเสริมทีมในช่วงกลางฤดูกาล และกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมมีผลงานถึง 59-23 เรียกได้ว่าดีที่สุดในรอบหลายปี ไม่เพียงแค่นั้น ทีมยังสามารถทะลุไปได้ถึงรอบชิงแชมป์ลีกได้อีกครั้งตั้งแต่ปี 1995 เลยทีเดียว แต่นาเสียดายที่ยังไม่สามารถเอาชนะ Lakers เพื่อคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกได้สำเร็จ
ในฤดูกาล 2009/10 ทีมยังคงหาทางที่จะปรับปรุงทีมอย่างต่อเนื่องด้วยการ Trade ผู้เล่นอายุมากบางคนออกจากทีมเพื่อเติมพลังหนุ่มเข้ามาให้มากขึ้น ทีมยังทำผลงานในช่วงฤดูกาลปกติได้ดี จบด้วยสถิติ 59-23 เท่ากับปีที่แล้ว และได้สร้างสถิติกลายเป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์ของลีกที่สามารถเอาชนะทีมอื่นได้ครบทุกทีม (29 ทีม) ภายในฤดูกาลเดียวกันอีกด้วย ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Celtics ลงในรอบชิงแชมป์สายตะวันออกในที่สุด
ปีต่อมา ทีมได้ตัดสินใจทำการ Trade ครั้งใหญ่แบบสามทีม ระหว่าง Magic, Suns และ Wizards ผลคือทีมได้ Turkoglu กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง พร้อมกับ Jason Richardson ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงที่ Suns เรียกได้ว่าเป็นการเสริมขุมกำลังที่ดีพอสมควร แต่น่าเสียดายที่ผลการแข่งกลับไม่เป็นใจนัก ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 52-30 แต่ทำได้แค่ตกรอบแรก Playoffs เพียงเท่านั้น
แล้วในที่สุด Howard ที่อยู่กับทีมมานานก็เริ่มที่จะไม่ทนอีกต่อไป หลังจากที่เริ่มมองเห็นว่าทีมคงไม่สามารถไปได้ไกลกว่านี้แล้ว จึงเริ่มเจรจากับทีมเพื่อหาทางที่จะถูก Trade ออกไปทีมอื่นเพื่อโอกาสในการไล่ล่าหาความสำเร็จที่มากขึ้น และนั่นก็ส่งผลกระทบกับทีมพอสมควรเมื่อต้องเริ่มมองหาแกนหลักในการสร้างทีมใหม่นั่นเอง
เข้าสู่ยุคตกต่ำของทีม
หลังจากที่ทีมจบฤดูกาล 2011/12 ด้วยการตก Playoffs รอบแรก ทีมได้มีการเปลี่ยนโครงสร้างเป็นอย่างมาก เริ่มจากการที่ GM อย่าง Otis Smith และ HC ที่คุมทีมมาอย่างยาวนาน Stan Van Gundy ตัดสินใจลาออกจากทีมทั้งสองคน
และหลังจากที่ทีมแต่งตั้ง Rob Hannigan เป็น GM คนใหม่ การผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นโดยทันที ด้วยการเอาผู้เล่นที่ไม่คิดจะปักหลักกับทีมในระยะยาวออกไปเป็นส่วนใหญ่ ทั้ง Ryan Anderson, Howard และได้ผู้เล่นอย่าง Nikola Vucevic จาก Sixers พร้อมทั้งสิทธิ์ Draft ในอนาคตอีกเป็นจำนวนมากมาทดแทน ผ่านการ Trade แบบ 4 ทีม ที่ถือว่าฮือฮามากที่สุดในตลาดผู้เล่นปีนั้นเลยก็ว่าได้
Nikola Vucevic
นอกจากนั้นในช่วงท้ายฤดูกาล 2012/13 ทีมยัง Trade ผู้เล่นออกอีกหลายคน รวมไปถึงอีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญอย่า Redick ด้วย ส่งผลให้ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติแค่ 20-62 เท่านั้น เรียกได้ว่าดรอปลงจากฤดูกาลก่อนหน้าเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ทีมพยายามสร้างขุมกำลังชุดใหม่ นอกจาก Vucevic แล้ว ทีมยังมองหาดาวรุ่งฝีมือดีเข้าสู่ทีม ด้วยการคว้า Victor Oladipo มาในการ Draft ปี 2013 นั่นเอง แต่จนแล้วจนรอดผลงานของทีมก็ยังดีขึ้นไม่มาก จบด้วยสถิติเพียง 23-59 เท่านั้น
Victor Oladipo
ทีมยังไม่ละความพยายามในการมองหาดาวรุ่งฝีมือดีอย่างต่อเนื่อง ในฤดูกาล 2014/15 ทีมได้เลือกดาวรุ่งอย่าง Aaron Gordon เข้าสู่ทีม แต่ผลงานโดยรวมของทีมก็แทบไม่ต่างจากเดิม ฤดูกาลนี้ทีมมีสถิติเพียง 25-57 เท่านั้น
หลังจากนั้นจากการที่ผลงานของทีมยังย่ำแย่ติดต่อกันจนถึงฤดูกาล 2016/17 ทีมจึงได้มองหาโค้ชฝีมือดีมาคุมทัพแทน และในที่สุดก็ได้ Frank Vogel ที่เคยทำผลงานที่ดีกับ Pacers เข้ามาคุมทีมในที่สุด
แต่ในฤดูกาลแรกของโค้ชคนใหม่ดูจะไม่สวยหรูนัก ทีมพยายามปรับขุมกำลังด้วยการ Trade เติมเต็มผู้เล่นที่อายุยังไม่มากเข้าสู่ทีม แต่ก็ต้องแลกกับการเสีย Oladipo ไปให้กับ Thunder พร้อมทั้งจบฤดูกาลด้วยสถิติ 29-53
เข้าสู่ยุคปัจจุบัน
หลังจากที่ไม่สามารถทำให้ทีมมีผลงานที่ดีพอจะจับต้องได้ Hennigan จึงตัดสินใจยุติบทบาทการเป็น GM ของทีม โดยให้ Jeff Weltman ดำรงตำแหน่งแทน พร้อมกับการเปลี่ยนขุุมกำลังผู้เล่นอีกชุดใหญ่ รวมไปถึงอดีตผู้เล่นอันดับหนึ่งของทีมอย่าง McGrady ที่กลับมาอีกครั้งในฐานะผู้ช่วย CEO อีกด้วย
อย่างไรก็ดี หลังจากทีมจบผลงานด้วยสถิติ 25-57 ในฤดูกาล 2017/18 ทำให้ Vogel โดนไล่ออกจากการเป็นโค้ช โดยได้แต่งตั้ง Steve Clifford ขึ้นมาคุมทีมแทนในภายหลัง
ในฤดูกาล 2018/19 ทีมสามารถเร่งผลงานจนจบด้วยสถิติ 42-40 พร้อมทั้งกลับมาเข้ารอบ Playoffs ได้เป็นครั้งแรกหลังจากยุค Howard เลยก็ว่าได้ แต่ก็ต้องตกรอบแรกไปอย่างรวดเร็วเช่นเดิม
ฤดูกาล 2019/20 ทีมก็ยังทำผลงานได้ไม่หวือหวานัก แต่ก็ยังดีที่สามารถประคองตัวไปสู่การเข้ารอบ Playoffs ได้ในอันดับสุดท้าย ก่อนที่จะโดน Bucks เขี่ยตกรอบแบบสู้ไม่ได้เลยในที่สุด
หลังจากที่ผลงานในฤดูกาล 2020/21 ที่ผ่านมาก็ยังคงทำได้ไม่ดีนักในช่วงแรก ทางทีมจึงตัดสินใจปล่อยผู้เล่นหลักออกไปหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Nikola Vucevic, Aaron Gordon หรือ Evan Fournier เพื่อแลกกับสิทธิ์ Draft ไว้เป็นทุนสำหรับการสร้างทีมใหม่ในอนาคตต่อไป รวมไปถึงมีการเปลี่ยนแปลง HC กลายเป็น Jamahl Mosley อีกด้วย
ถ้าชอบก็ฝาก Share และกดติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา