23 เม.ย. 2021 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
“The Blair Witch Project” ภาพยนตร์ที่เป็น Vlog และกลายเป็นไวรัลเรื่องแรกๆ ของโลก
“The Blair Witch Project” เป็นภาพยนตร์นอกสายตาที่ออกฉายในปีค.ศ.1999 (พ.ศ.2542) และทำรายได้ไปถึง 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,500 ล้านบาท) จากทุนสร้างเพียงน้อยนิด
1
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็น “Vlog” แรกของโลกที่กลายเป็น “ไวรัล”
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เกิดขึ้นมาจาก “Daniel Myrick” และ “Eduardo Sanchez” สองนักศึกษาภาพยนตร์ชาวอเมริกัน โดยในปีค.ศ.1993 (พ.ศ.2536) ทั้งคู่ได้เริ่มไอเดียสำหรับภาพยนตร์สยองขวัญ
ทั้งสองเห็นตรงกันว่า หลายครั้งที่ชมภาพยนตร์ ภาพยนตร์สารคดีจะรู้สึกหลอน น่ากลัวกว่าภาพยนตร์จริงๆ เนื่องจากมีความสมจริง ให้ความรู้สึกว่าเป็นของจริง
Myrick และ Sanchez
ทั้งคู่พร้อมจะลงมือถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1997 (พ.ศ.2540) และได้ลงโฆษณาในนิตยสาร รับสมัครนักแสดง โดยทั้งคู่ได้นักแสดงโนเนมมาสามคน นั่นคือ “Michael Williams” “Heather Donahue” และ “Joshua Leonard” โดยบทที่ทั้งสามได้ คือการแสดงเป็น “ตนเอง” อีกทั้งสามนักแสดงยังสามารถสร้างบทเองได้อีกด้วย
นักแสดงทั้งสาม
ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ทุนสร้างเพียงประมาณ 60,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) โดยถ่ายทำในป่าในแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา
ในการถ่ายทำ ทั้งนักแสดง ผู้กำกับ และทีมงาน ต้องปักหลักถ่ายทำในป่าเป็นเวลาแปดวัน และได้ฟุตเทจมาถึง 20 ชั่วโมง และหลังจากใช้เวลาตัดต่อเป็นเวลาแปดเดือน ก็ได้ภาพยนตร์ความยาวหนึ่งชั่วโมงครึ่งออกมา
The Blair Witch Project นับว่าสร้างความแปลกใหม่ โดยภาพยนตร์ทั้งเรื่องถ่ายทำในลักษณะของกล้องวีดีโอที่มีผู้ถือ กล้อง ภาพก็ออกมาสั่นๆ เหมือนคนถ่ายเป็นเพียงมือสมัครเล่น นักแสดงทั้งสามก็แสดงเป็นนักศึกษาภาพยนตร์ที่กำลังสืบเรื่องราวของตำนานท้องถิ่น
1
ภาพจากภาพยนตร์
ในทุกวันนี้ ภาพยนตร์ลักษณะของ The Blair Witch Project ไม่นับเป็นสิ่งแปลกใหม่ มีทั้ง Youtuber ทั้ง Vlogger หลายรายที่ถ่ายทำกิจวัตรประจำวัน บันทึกเรื่องราวต่างๆ ผ่านกล้อง แต่ในยุคนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นเรื่องแรกๆ ที่ทำในสิ่งที่ Youtuber และ Vlogger หลายรายทำในปัจจุบัน
1
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีการบอกผู้ชมว่าฟุตเทจที่พบนี้ ถูกพบหลังจากที่ตัวละครทั้งสามคนนี้หายสาปสูญ ซึ่งสร้างความสนใจให้ผู้ชมมากยิ่งขึ้น อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครทั้งสาม
ความแปลกใหม่อีกอย่างก็คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ต ทั้งๆ ที่ในปีค.ศ.1999 (พ.ศ.2542) ชาวอเมริกันจำนวนมากยังไม่ได้มีอินเตอร์เน็ตในบ้าน
โฆษณาภาพยนตร์
ที่เป็นอย่างนี้ก็เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้มีงบจำกัด ทีมงานไม่มีทุนมากพอที่จะลงโฆษณาในสื่ออื่นๆ จึงต้องใช้อินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์
1
ทีมงานได้สร้างเว็บไซต์สำหรับบอกเล่าเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ บอกเล่าถึงตำนานที่แต่งขึ้นมา เกี่ยวกับแม่มดที่ออกไล่ฆ่าผู้คนในป่าของแมรีแลนด์เป็นเวลานานนับร้อยปี
นอกจากนั้น ทีมงานยังสร้างเรื่องราวผ่านอินเตอร์เน็ต รายงานว่าตัวละครทั้งสามนั้นหายตัวไปจริงๆ และผู้คนจำนวนมากก็เชื่อ
อีกเรื่องที่เป็นความแปลกใหม่ก็คือ ด้วยความที่ภาพยนตร์มีทุนสร้างที่น้อยมาก จึงไม่สามารถสร้างสเปเชียลเอฟเฟกท์ล้ำๆ เหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ทีมงานจึงไม่ทำตามขนบของหนังสยองขวัญอื่นๆ คือแทนที่จะไปเล่นกับสิ่งที่ตาเห็น ทำให้มีผีออกมาเหมือนหนังสยองขวัญอื่นๆ ทีมงานกลับไปเน้นที่ “เสียง” แทน
ภาพจากภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้เน้นไปที่เสียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากการหักกิ่งไม้ เสียงฝีเท้า เสียงลมหายใจ รวมทั้งบทสนทนาของตัวละคร ทำให้ผู้ชมรู้สึกกดดันและรู้สึกถึงความลี้ลับ
บางฉาก ไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงความมืด แต่ผู้ชมจะได้ยินเสียงที่ตัวละครได้ยิน และรู้สึกถึงความหวาดกลัวของตัวละคร
เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย ก็สร้างกระแสได้ในทันที
ในเวลานั้น ยังไม่มี Youtube หรือโซเชียลมีเดีย หากแต่แฟนภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้มีการพูดคุย ตั้งกระทู้เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้บนอินเตอร์เน็ตมากมาย มีการถกกันว่าเรื่องราวในภาพยนตร์เป็นเรื่องจริงหรือไม่ รวมทั้งฟุตเทจที่พบเป็นของจริงหรือทีมงานสร้าง
ด้วยความที่เกิดกระแสเป็นวงกว้าง ผู้คนก็ถกเถียงเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เกิดกระแสบอกต่อ ต้องดูภาพยนตร์เรื่องนี้ และทำให้ภาพยนตร์ที่มีทุนสร้างเพียง 60,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) เรื่องนี้ ทำเงินไปถึง 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,500 ล้านบาท)
2
โฆษณาภาพยนตร์
ในทุกวันนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการโฆษณาภาพยนตร์ผ่านอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย หากแต่อาจจะเรียกได้ว่า The Blair Witch Project เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อหลักในการโฆษณา อีกทั้งยังถ่ายทำในลักษณะเป็น Vlog และก่อให้เกิดไวรัลเป็นเรื่องแรกก็ว่าได้
หากอยากรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นอย่างที่ผมเขียนไว้มั้ย คุณผู้อ่านสามารถพิสูจน์ได้ด้วยการหาภาพยนตร์เรื่องนี้มาชมดูนะครับ
โฆษณา