หลังจากนั้น เชื้อไวรัสก็ได้กลายพันธุ์อีกรอบ ส่งผลให้เกิดการระบาดระลอกที่สามขึ้นในเดือนมกราคม 1919 โดยเริ่มจากที่ประเทศออสเตรเลีย หลังจากนั้นก็ค่อยๆ กระจายไปที่ทวีปยุโรป และสหรัฐฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอีกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว การระบาดของไข้หวัดสเปนจะสิ้นสุดลงเมื่อไวรัสได้กลายพันธุ์อีกครั้งกลายไปเป็นเชื้อที่ลดความรุนแรงลง แต่วิกฤติไข้หวัดสเปนได้คร่าชีวิตคนไปรวมกันกว่า 50 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งมากยิ่งกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 เสียอีก
หันกลับมาในปัจจุบัน หลังจากทุกคนดีใจว่าจำนวนผู้ป่วยโควิดรายใหม่ได้ลดลงต่อเนื่องเป็นเวลา 6 สัปดาห์ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ จากเดิมที่เคยสูงถึง 850,000 คนต่อวัน เหลือเพียง 250,000 คนต่อวัน การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ได้เริ่มขึ้นอีกรอบ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้นมา
จากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสเช่นกัน ทั้งสายพันธุ์ที่มาจากอังกฤษ (B.1.1.7) สายพันธุ์ที่เกิดขึ้นที่บราซิล (P.1) อินเดีย (B.1.617 และ B.1.618) และ แอฟริกาใต้ (B.1.531) ซึ่งสามารถกระจายตัวอย่างรวดเร็ว มีความรุนแรงของการป่วยเพิ่มขึ้น และมีความสามารถในการต่อต้านวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ต่างจากเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ที่การระบาดระลอกสองของไข้หวัดสเปนได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นกว่ารอบแรก และส่งผลกระทบไม่เพียงแต่กลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น กลุ่มหนุ่มสาวก็ได้กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงด้วยเช่นกัน
(สามารถอ่านบทความการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสได้ที่ link ด้านล่าง)