เรื่องสั้น : อีกหนึ่งความเหงาบนดาวเคราะห์นี้
เสียงบรรยายกับอากาศเย็น ๆ ในห้องที่มืดแบบนี้ อาจพาลทำเอาหลายคนเผลอหลับไปได้ง่าย ๆ แต่ไม่ใช่สำหรับผม แผนผังหมู่ดาว ดาราจักรที่ถูกเรียงร้อยกันเป็นกลุ่ม มีชื่อเรียกไปตามจินตนาการของมนุษย์จะคิดไป ช่างสวยงามและดึงดูดผมจนมิอาจละสายตาไปจากห้วงท้องฟ้าที่ประดับไปด้วยดาวพราวพร่างแบบนี้ได้เลย
"ทางท้องฟ้าจำลองต้องขอขอบคุณและกล่าวสวัสดีทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ"
สิ้นเสียงบรรยายไฟในห้องแสดงท้องฟ้าจำลองก็ถูกเปิดขึ้น มีผู้เข้าชมการแสดงแทบไม่ถึงครึ่งของที่นั่งทั้งหมดด้วยซ้ำ ท้องฟ้าจำลองไม่ใช่ที่เที่ยวยอดนิยมอีกต่อแล้ว ผู้คนเสาะหาความสบาย ที่กินเล่นและเดินเที่ยว โรงภาพยนต์ที่ให้ความบันเทิงได้มากกว่าเป็นไหน ๆ ที่นั่งว่างโล่งของท้องฟ้าจำลองสะท้อนให้เห็นได้ชัดเจน
ถ้าจะเหลือคนที่รักท้องฟ้าจำลอง ผมคงนับได้เป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านมา ผมยังคิดถึงและเลือกที่นี่เป็นที่เที่ยวสุดโปรดเสมอไม่เคยเปลี่ยน
"แม่ นั่นดาวอะไรครับ"
"จุ๊ ๆ พูดเบา ๆ นะครับ ต้น ฟังที่คุณลุงเขาเล่าให้ฟังนะลูก เดี๋ยวดูจบแล้ว ค่อยคุยกันนะครับ เสียงเราจะรบกวนคนอื่นเขานะครับ" แม่กระซิบบอกผมเบา ๆ พลางเอามือลูบหัวผมอย่างเบามือ ผมผยักหน้ารับและนั่งมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวนับหมื่นอย่างเพลิดเพลิน
ความทรงจำของท้องฟ้าจำลองจึงเป็นเหมือนที่พักใจที่สวยงามเสมอไม่ว่าเวลาทุกข์หรือสุขของผม
"แม่ครับ แม่อยู่ตรงไหน บนท้องฟ้าตอนนี้เหรอครับ" ผมมองดาวที่เคลื่อนที่ไปช้า ๆ ตามที่กล้องจำลองภาพกำลังหมุนไป น้ำตาของผมเอ่อล้นเมื่อนึกถึงอดีตที่เคยมีตรงนี้ ผมรบเร้าแม่ให้พามาท้องฟ้าจำลองเสมอในวันที่ท่านยังอยู่ และผมกลับมาเยี่ยมท่านเสมอแม้ว่าท่านจะจากไป แต่ผมรู้ว้าเราเชื่อมโยงกันผ่านท้องฟ้าที่ถูกจำลองขึ้นมานี้ได้ เพราะเมืองหลวงที่จอแจและไม่เคยหลับ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวใหญ่น้อยคือสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมานานแล้วบนท้องฟ้ามหานครแห่งนี้
"ไปท้องฟ้าจำลองอีกละ งั้นต้นไปเองเหอะ กิ๊บจะไปเที่ยวห้างดีกว่า ช่วงนี้มีลดราคาหลายแบรนด์เลย ท้องฟ้าจำลองก็เหมือนเดิมทุกที น่าเบื่อจะตาย" สุดท้ายเธอก็ขึ้นรถไฟฟ้าและแยกทางกันไปคนละทิศ เหมือนความสัมพันธ์ของเราที่สุดท้ายก็เดินสวนทางกันไม่ผิด ผมอาจผิดเองที่ชอบในสิ่งล้าสมัยที่ใครก็เบ้ปากใส่
แต่ถ้าคุณผูกพันกับบางสิ่งมากพอ คุณคงพอเข้าใจผมได้ ดวงดาวบนอวกาศบ้างดวงมันดูใกล้กันมาก แต่ความจริงมันอาจอยู่ไกลกันหลายล้านปีแสงก็ได้ แถมมันอาจค่อย ๆ ขยายตัวและระเบิดออกกลายเป็นเศษฝุ่นไปแล้วก็ได้ เพียงแค่แสงที่เราเห็นวิบวาวนั่นเดินทางมาไกลหลายล้านปี เราเพิ่งเห็นแค่ปลายทางของการเดินทางอันยาวไกลแค่นั้นเอง
บางทีมันก็น่าเศร้าที่รู้แบบนั้น ดาวข้าง ๆ คงเหงาน่าดูถ้าวันที่รู้ว่าแสงข้าง ๆ นั้นดับวูบหายไปจากท้องฟ้าเสียแล้ว มันคงเหงาเหมือนผมในตอนนี้ไม่แพ้กัน
"ประชาสัมพันธ์นิทรรศการ ดาวอังคารกับความหวังการบุกเบิกเอกภพนะคะ ท้องฟ้าลองจะมีการแสดงใหม่ช่วงเดือนหน้าค่ะ" เจ้าหน้าที่เสียงเจื้อยแจ้วกำลังเดินแจกแผ่นผับและประชาสัมพันธ์งานนิทรรศการอยู่ข้างหน้า
ผู้คนบางตา บ้างก็เดินผ่านไป บ้างก็รับแผ่นผับไปอ่านเดี๋ยวเดียวก็พับใส่กระเป๋า บางคนเดินเอาไปทิ้งถังขยะข้างหน้าก็มี
"ดูรายละเอียดในแผ่นพับ หรือทางเพจเฟสบุ๊คของท้องฟ้าจำลองกรุงเทพได้นะคะ" เธอยังคงยิ้มและแจกแผ่นพับอย่างไม่ย่อท้อ
"ขอชุดนึงครับ" ผมยื่นมือไปขอแผ่นพับจากเธอ
"นี่ค่ะ ถ้าสนใจจะจองบัตรล่วงหน้าที่จุดจำหน่ายตั๋วได้เลยนะคะ มีของที่ระลึกแจกให้สำหรับห้าร้อยท่านแรกด้วยค่ะ เป็นโปสเตอร์รูปดาวอังคารจากยานเพอร์เซเวียแรนส์ด้วยนะคะ" เธอยิ้มให้ก่อนยื่นแผ่นพับให้ผม
"อ้าว นิว" ผมเผลออุทานขึ้นเมื่อมองดูหน้าเธอใกล้ ๆ
"ต้น ต้นเหรอ" เธอคงตกใจไม่แพ้กัน จนเผลออุทานออกไมค์จนคนหันมามองกันเป็นตาเดียว
"ต้องขอโทษด้วยค่ะ" เธออายจนหน้าแดง พลางหมุนตัวยกมือไหว้ไปรอบ ๆ ส่วนผมที่ยืนอยู่ด้วยก็อดไม่ได้ที่จะก้มหัวเบา ๆ ไปรอบ ๆ ด้วยเช่นกัน
เธอเลยปิดไมค์แล้ววางของเก็บไว้แล้วเดินมาคุยกับผม
"ต้น มาทำอะไรที่นี่" นิว เธอคือเพื่อนสมัยมอปลายของผม เธอเรียนสายศิลป์ภาษฝรั่งเศส ส่วนผมเป็นเด็กห้องวิทย์คณิตฯ แต่เราเจอกันรู้จักกันเพราะชมรมดาราศาสตร์ของโรงเรียน จะว่าไปเธอเป็นเด็กสายศิลป์คนเดียวกระมังที่มาเลือกมาเข้าชมรมนี้
"มาเที่ยวดิ ที่โปรดเราเลย ท้องฟ้าจำลองเนี่ย" ผมยิ้มเขินจนเผลอเอามือเกาหัวไม่รู้ตัวจนผมยุ่งไปหมด
"แล้วนิวมาทำอะไร ทำงานที่นี่เหรอ" ผมมองไปรอบ ๆ แก้เก้อ
"อืมม เริ่มทำเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์น่ะ เพิ่งลาออกจากที่ทำงานเดิม ห้างก็พยายามลดคนลง เราเลยตัดสินใจหางานใหม่เลย ไม่อยากรอให้เขาต้องบีบออก" เธอมีสีหน้าสลดไปเลยทีเดียว
"ดีแล้ว ยังดีที่ได้งานนะ สมัยนี้งานไม่ได้หาง่ายเลย เรายังต้องทำงานครึ่งเดือน หยุดครึ่งเดือน จ่ายเงินเดือนครึ่งเดียว แต่ทำไงได้เนอะ ยุคโรคระบาดก็ต้องทำใจ มีงานทำก็นับว่าโชคดีแล้ว" ผมยิ้มแห้ง ๆ เพราะแอบนึกในใจว่า เธอจะคิดว่าตลกไหมที่ว่างงานจนว่างมาเที่ยวท้องฟ้าจำลอง
"ไม่เป็นไรนะต้น เดี๋ยวอะไรต่อมิอะไรคงค่อย ๆ ดีขึ้นเนอะ มาเที่ยวที่นี่ได้ความรู้ด้วย เข้าใจเลือกนะเนี่ย" แล้วเธอก็ยิ้มแก้มป่อง จนผมอดหัวเราะขำไม่ได้แล้วเราก็หัวเราะร่วนกันสองคน
"ที่จริงเราก็ชอบดาราศาสตร์นะ จำตอนเรียนชมรมเดียวกันได้ใช่ไหม ประจวบเหมาะที่นี่เปิดรับสมัครพอดี เราเลยตัดสินใจลาออกมาสมัครมี่นี่เลย โชคดีเขารับด้วย ดีใจมาก ๆ เลยนะ" นิวเผลอเอามือจับผมคล้องหู เป็นท่าที่ชวนเอาใจผมละลายได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว
"อิจฉาเลย เราก็ชอบที่นี่มาก เรามาเที่ยวเกือบทุกเดือนเลยนะนิวรู้ไหม เหมือนบ้านหลังที่สองเลยล่ะ" ผมหันไปมองอาคารจัดแสดงท้องฟ้าจำลองที่ดูคุ้นตา
"งั้นคราวหน้าถ้าจะมา บอกเราได้นะ เดี๋ยวดูแลให้เองเลย" เธอยังคงเป็นมิตรและร่าเริงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
"เดี๋ยวเราต้องไปทำงานแล้วนะต้น" เธอลุกขึ้นจากม้านั่ง สำรวจเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนกลับไปทำงานต่อ
"นิว มีไลน์ไหม แอดไว้ก่อนได้ไหม ว่าจะชวนไปลองชาไข่มุกร้านแถวที่ทำงาน อร่อยมากเลยนะ" ผมพยายามเก็บอาการหน้าแดงใจสั่นไว้ให้มิดก่อนจะพูดออกไป
"ได้สิ รู้ได้ไงว่าของโปรดเราเป็นชานมไข่มุกอ่ะ โอย จะหาว่านิวเป็นคนเห็นแก่กินไหมเนี่ย ชวนไปไหนก็ไป" เธอหัวเราคิก แล้วยื่นคิวอาร์โค้ดให้ผมเพื่อเพิ่มรายชื่อเพื่อน
"ได้ละ แล้วคุยกันนะ นิว ทำงานเหอะ รบกวนเวลาแล้วนะขอโทษด้วย" ผมก้มหัวหงึก ๆ
"ไม่เป็นไร แปปเดียว หัวหน้าเราใจดี ดีใจที่ได้เจอต้นนะ" เธอยิ้มพลางโบกมือให้เบา ๆ ก่อนเดินจากไป
ผมโบกมือลาเธอ ในหัวใจเต้นโครมคราม เธอจะรู้ไหมหนอว่าอันที่จริง ผมก็รู้สึกดีกับเธอตั้งแต่สมัยเรียนชมรมเดียวกันแล้ว แต่ตอนนั้นคิดว่าตัวเองไม่คู่ควร เธอเป็นสาวน้อยห้องศิลป์ภาษาน่ารักอับดับท้อปของรุ่น ส่วนผมเป็นเด็กเรียนแว่นหนาที่คงไม่มีใครสนใจ
แต่ตอนนี้ดวงดาวพาเราโคจรมาพบกันอีกครั้งแล้ว ไม่แน่ใจว่าเธอคบใครอยู่หรือเปล่า ซึ่งถ้าไม่ ผมจะไม่ปล่อยโกาสนี้ให้ผ่านไปเฉย ๆ เหมือนสมัยมอปลายอีกครั้งแน่
"เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับแม่" ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้าง เมฆก้อนเล็กเป็นปุยขาวลอยตัดท้องฟ้าคราม แดดจ้าจนผมต้องหรี่ตามอง
เราอาจไม่เห็นดวงดาวเพราะแสงสว่างจ้านั้นบดบัง แต่ผมรู้ว่ามันอยู่ที่นั่นเสมอ ดวงดาวของเราทุกคน เหมือนความรักที่รายล้อมตัวเรา เราอาจคิดว่าเราโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา แต่ถ้าลองเปิดใจแล้ว เราอาจพบว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยวและอยู่เพียงลำพังก็เป็นได้