2 พ.ค. 2021 เวลา 03:40 • ประวัติศาสตร์
[[ 时 มันใหญ่ เลยเรียก 小时 ให้เล็กๆ | ประวัติการนับเวลาแบบจีนๆ 时辰和小时 ]]
#สาระไม่จำเป็นต้องรู้ #เวลาภาษาจีน #ชั่วโมงทำไมเรียกว่า小时
เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมคำว่า "ชั่วโมง" ในภาษาจีนถึงเรียกว่า 小时 (xiǎoshí) หากจะแปลตรงตัว 小 เนี่ยก็สามารถแปลว่าเล็กได้ 时 ก็สามารถแปลว่าช่วงเวลา ชั่วโมง หรือ ชั่วยามก็ได้ ถ้ามอลงดูความหมายในเชิงนี้ก็คงงงว่าทำไมต้องมีคำว่าเล็กอยู่ด้วย ทำไมไม่เรียก 时 เฉยๆ สร้างภาพเล่าเรื่อง 图图是道 จะมาสรุปให้อ่านกัน อย่าชักช้า เข้าเรื่องเลยละกัน
##สั้นๆ เผื่อรีบแชร์##
เดิมจีนมีการแบ่งเวลาเป็น 12 ส่วน เรียกว่า 时辰 (shíchén) ต่อมาได้มีการแบ่งครึ่งอีกในช่วงปลายราชวงศ์ถังต้นราชวงศ์ซ่ง(末唐初宋)และเรียกส่วนที่แบ่งแต่ละส่วนว่า 小时 ( xiǎoshí | ชั่วโมง) พอได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตก เลยเอาคำนี้มาใช้เลย
แต่ถ้าอยากรู้ที่มีที่ไปมากกว่านี้ต้องอ่านต่อแล้วล่ะ
[ เดิมจีนแบ่ง 1 วันเป็น 12 时辰 ]
แรกเริ่มเดิมที่จีนมีระบบการนับเวลาเป็นของตัวเองมาตั้งแต่โบราณ ในบันทึกชื่อ 左传 [1] (Zuǒ zhuàn) ช่วงสมัยชุนชิว (春秋战国 | Chūnqiū Zhànguó) ได้มีการกล่าวถึงการแบ่งเวลาของจีนในสมัยนั้น โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 12 ส่วน เรียกว่า 时辰 (shíchén) ในหนังจีนที่มาฉายในไทยมักจะใช้คำว่า ชั่วยาม หากเราเทียบกับเวลาปัจจุบัน 1 时辰 จะประมาณ 2 ชั่วโมง โดยการนับเวลาแบบนี้มักดูด้วยนาฬิกาแดดและนาฬิกาด้วยธูป
แต่ละช่วงเวลานี้ก็มีชื่อเรียก ในช่วงแรกๆ จะเรียกแต่ละช่วงตามเหตุการณ์ที่จะเกิด จนต่อมา ได้เปลี่ยนมาใช้ 地支 [2] (dìzhī) ก้านดิน มาเรียกเวลาต่างๆแทน เพื่อให้เป็นระบบเดียวกันกับการนับปฎิทิน วัน เดือน ปี ด้วย 天干地支 (tiāngāndìzhī) ดังนี้
- คนจีนนับช่วงแรกของวันเริ่มที่ 23:00 - 01:00 เดิมเรียก 夜半 ( bànyè | ป้านเยี่ย | แปลว่าเที่ยงคืน) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 子时 (zǐshí | ยามจื่อ)
- 01:00 - 03:00 เดิมเรียก 鸡鸣 (jīmíng | ไก่ขัน) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 丑时 (chǒushí | ยามโฉ่ว )
- 03:00 - 05:00 เดิมเรียก 平旦 (píngdàn | เช้ามืดก่อนอาทิตย์ขึ้น) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 寅时 (yǐn shí | ยามหยิ่น )
- 05:00 - 07:00 เดิมเรียก 日出 (rìchū | ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น) ต่อมาเปลี่ยนเป็น (卯时 mǎoshí | ยามเหม่า )
- 07:00 - 09:00 เดิมเรียก 食时 (shíshí | ช่วงทานข้าว (รอบแรกของวัน)) คนจีนโบราณโดยเฉพาะระดับคนทั่วไป จะทาน 2 มื้อต่อวัน ต่อมาเปลี่ยนเป็น 辰时 (chénshí | ยามเฉิน )
- 09:00 - 11:00 เดิมเรียก 隅中 (yúzhōng | ใกล้เที่ยง) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 巳时 (sìshí | ยามซื่อ)
- 11:00 - 13:00 เดิมเรียก 日中 (rìzhōng | เที่ยงวัน) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 午时 (wǔshí | ยามหวู่)
- 13:00 - 15:00 เดิมเรียก 日昳 (rìdié | แดดคล้อย) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 未时 (wèishí | ยามเว่ย)
- 15:00 - 17:00 เดิมเรียก 晡时 (būshí | เวลาอาหารเย็น) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 申时 (shēnshí | ยาม`เซิน)
- 17:00 - 19:00 เดิมเรียก 日入 (rìrù | พระอาทิตย์ตก) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 酉时 (yǒushí | ยาวโหย่ว)
- 19:00 - 21:00 เดิมเรียก 黄昏 (huánghūn | พลบค่ำ) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 戌时 (xūshí | ยามซวี)
- 21:00 - 23:00 เดิมเรียก 人定 (réndìng | คนนิ่ง) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 亥时 (haìshí | ยามฮ่าย)
ในช่วงราชวงศ์ซ่งมีการแก้ไขเวลาโดยเลือกถอยหลังมาหนึ่งชัวโมง 子时 จะกลายเป็น 00:00 - 02:00 ไล่ไปเรื่อยๆ ครับ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับปฎิทินจีน
[ 刻 ระบบคู่ 时辰 ช่วยนับเวลาละเอียดขึ้น]
การนับเวลาของจีนนอกจาก 12 时辰 แล้ว ยังมีอีกระบบที่ต้องใช้ควบคู่กันมาตลอด นั่นคือระบบ 刻 (kè) คือระบบที่แบ่งวันออกเป็น 100 ส่วน ในตอนเริ่ม แต่ก็เป็นหนึ่งในระบบที่มีการปรับเปลี่ยนขึ้นลงมาตลอดประวัติศาสตร์ของประเทศจีน เนื่องจากหารไม่ลงตัวกับ 12 时辰 สักที จนมาจบที่ช่วงราชวงศ์ชิงที่กำหนดให้ 1 วัน มีทั้งหมด 96 刻 ซึ่งทำให้ 1 刻 จะเท่ากับ 15 นาทีโดยประมาณ นาฬิกาที่นิยมใช้กับระบบนี้คือ นาฬิกาน้ำ และ นาฬิกาแดด
การบอกเวลาโดยใช้บอกเวลาด้วย 时辰 และ 刻 นั้นจะใช้คู่กัน 1 时辰 จะเท่ากับ 8 刻 โดยประมาณ การอ่านให้บอก 时辰 ก่อนแล้วตามด้วยว่ากี่ 刻 แล้ว เช่น 亥三刻 (hàisānkè)
ระบบการนับเวลาของจีนโบราณ ยังมีอีกระบบใหญ่ที่นับควบคู่ซ้อนทับกันอีกระบบคือ 更点( gēng diǎn) นิยมใช้นับช่วงกลางคืนเพื่อบอกการเปลี่ยนเวรยามของทหาร โดย 更 จะใช้ 天干 [2] ( tiāngān) กิ่งสวรรค์ ในการแบ่งวันออกเป็น 10 ส่วน กลางคืน 5 ส่วน กลางวัน 5 ส่วน และ 点 ใช้แบ่งวันออกเป็น 60 ส่วน ใช้บอกคู่กัน
ระบบการนับเวลาใช้มาอย่างยาวนานและมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนเรื่อยๆ จนถึงราชวงศ์ชิง และแทนที่ด้วยระบบของตะวันตกในภายหลัง
天干 ปัจจุบันก็ใช้นับอย่างอื่นเหมือนกัน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
[ 时辰 มันใหญ่ไป แบ่งให้เล็กๆ เรียก 小时 แล้วกัน ]
ในเมื่อจีนแต่เดิมก็ใช้ระบบ 时辰 ซึ่งมีแค่ 12 ส่วน แล้วมาเป็น 24 ส่วน แบบตะวันตกได้ยังไง เรื่องนี้จริงๆ ก็มีมาตั้งแต่ปลายราชวงศ์ถังต้นราชวงศ์ซ่ง(末唐初宋)การแบ่ง 时辰 นั้นยังยาวไป ได้ถูกแบ่งครึ่งอีก จะเรียกส่วนแรกว่า 初 (chū )และเรียกส่วนหลังว่า 正 (zhèng) คนจึงเริ่มเรียกการแบ่งครึ่งแบบนี้ว่า 小时 ( xiǎoshí | ชั่วโมง) เพื่อไม่ให้สับสนกับ 时辰
ประกอบกับเทคโนโลยีการทำนาฬิกาแบบตะวันตกเริ่มเข้ามาสู่จีน ช่วงปี ค.ศ. 1583 หนึ่งในคนที่นำเข้ามาคือ บาทหลวงชาวอิตาลีเมทเทโอ ริชชี่ (Matteo Ricci) ได้นำนาฬิกามาดัดแปลงให้เข้ากับระบบของจีน และให้เป็นของขวัญแก่เจ้าเมืองผู้ปกครองกว่างตง(广东 Guǎngdōng)ในช่วงเวลานั้น นาฬิการูปแบบนี้เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูง และเริ่มมีการใช้ตามรูปแบบของตะวันตกมากขึ้น
บาทหลวงชาวอิตาลีเมทเทโอ ริชชี่ (Matteo Ricci) ยังเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เขียนตำราการเทียบเสียงภาษาจีนด้วย อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ปี ค.ศ. 1809 徐朝俊 (Xú Cháojùn | ) ช่างนาฬิกาชื่อดังสมัยราชวงศ์ชิง ได้เขียนหนังสือ 《自鸣钟表图法》(zì míng zhōng biǎo tú fǎ | แผนภาพนาฬิการ้องเอง) สรุปเทคโนโลยีการสร้างนาฬิกาแบบต่างๆ ช่วงปลายหมิงต้นชิง ในหนังสือพูดถึงการแบ่งเวลาออกเป็น 24 ชั่วโมง และเริ่มแพร่หลาย ประกอบกับการพัฒนาทางสังคมและวิทยาการในรูปแบบสมัยใหม่ ซึ่งมีเทคโนโลยีจากชาติตะวันตกเป็นฐาน ทั้งระบบการศึกษา ธนาคาร และสิ่งต่างๆ จนระบบการนับเวลาแบบตะวันตกเข้ามาแทนที่ในที่สุด และปรับเปลี่ยนให้เป็นสากลอย่างในปัจจุบัน
ผลพวงจากการนับเวลาแบบเดิมจึงต้องตั้งคำต่างๆ เพื่อป้องกันการสับสนกับระบบเดิม ตั้งแต่นั้นก็เลยเรียก 小时 เป็นต้นมา และคำอื่นๆ ที่ใช้เรียกเวลาก็ปรับเปลี่ยนมาตามนี้
- 时辰 ใช้เรียกชั่วยามแบบเดิม เท่ากับ 2 ชั่วโมง
- 刻 ใช้เรียกแทน 15 นาทีไปเลย
- 分钟 ( fēnzhōng ) เพิ่มคำว่า 钟 นาฬิกา ใช้เรียกเเทนนาที เพื่อกันการสับสน เดิมมีระบบแบ่งเหมือนกัน เรียกแค่ 分 แบ่งวันออกเป็น 6000 ส่วน
- 秒 ( miǎo ) ใช้เรียกวินาทีแทน จากเดิมใช้ซอยย่อย 分 ออกเป็นอีก 100 ส่วน
จากการเข้ามาของจักรวรรดินิยมตะวันตกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้างมาตรฐานใหม่ๆระดับสากลอยู่หลายเรื่องในจีน เรื่องของการนับเวลาก็เป็นเรื่องหนี่งเช่นกัน ปัจจุบันระบบ 时辰 ยังมีการใช้อยู่ควบคู่กับปฎิทินจีน และมักจะใช้ในทางโหราศาสตร์ดูดวงมากกว่า
ส่วนคราวหน้าจะมีต่อกันเรื่องอะไรอย่าลืมติดตามกันไว้นะ
ติดตามเรื่องราวภาษาจีนย่อยง่ายๆ ด้วยภาพ หรือมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับภาษาจีน มาคุยกันได้ที่
เพิ่มเติม
[1] 左传 (Zuǒ zhuàn) คือบันทึกที่กล่าวถึงเหตุการณ์ การเมือง การฑูต การทหารและสภาพสังคม วัฒนธรรมต่างๆ ในช่วง 春秋战国 (Chūnqiū Zhànguó) ความยาว 30 บท อ่านเพิ่มเติม https://en.wikipedia.org/wiki/Zuo_zhuan
[2] 天干地支 ( tiāngāndìzhī ) คือระบบเลขฐาน 60 ซึ่งไล่ประวัติไปได้ถึงสมัยราชวงศ์`ซาง (商代 Shāng dài) ราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่มีได้มีการบันทึกในปัจจุบัน เป็นตัวเลขอักษรจีนวนรอบ ประกอบดัวย 2 ส่วน 天干 tiāngān ภาคสวรรค์ 10 ตัวอักษร และ 地支 dìzhī ภาคปฐพี 12 ตัวอักษร ใช้ในการนับวันและปีแบบดั้งเดิม หากเคยได้ยิน ปีนักษัตรหมูทอง ก็ไล่มาจากระบบนี้ 干支 เป็นหลักสำคัญในโหราศาสตร์จีน และ ยังใช้ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกอื่นๆ ด้วยเช่นกัน อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 干支 ได้ที่: https://th.wikipedia.org/wiki/แผนภูมิสวรรค์
อ้างอิง
ภาพจาก
ติดตามเรื่องราวภาษาจีนย่อยง่ายๆ ด้วยภาพ หรือมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับภาษาจีน มาคุยกันได้ที่
โฆษณา