2 พ.ค. 2021 เวลา 09:49 • นิยาย เรื่องสั้น
บ้านไร้จุดจบ ตอนที่ 2
เรื่องราวของชายหนุ่มที่เข้ามายังบ้านปริศนา ตามคำแนะนำของเพื่อนเพื่อทำภารกิจพิชิตเงินรางวัล ซึ่งไม่รู้เลยว่าบ้านหลังนี้มีบางอย่างซ่อนอยู่
** ทางเพจดูก่อนนอนขอสงวนสิทธิ์ห้ามนำวีดีโอนี้ไปเผยแพร่ซ้ำหรือแก้ไขดัดแปลงเด็ดขาด หากพบเห็นจะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด **
ติดต่อ Email JJCHENNEL@gmail.com
ติดตามเวอร์ชั่นวิดีโอที่ได้
ความเดิมจากตอนที่แล้ว ดาวิดได้เข้ามาในบ้านไร้จุดจบตามคำแนะของปีเตอร์เพื่อนของเค้า ดาวิดผ่านห้องที่ 1 และห้องที่2 ไปอย่างสบายๆ ความหน้ากลัวเริ่มขึ้นตั้งแต่ห้องที่ 3 และห้องที่ 4 เป็นห้องที่ทำให้เค้าแทบเสียสติ เพราะเสียงประหลาดเสียงหนึ่ง ทำให้เค้าต้องวิ่งหนีไปยังห้องที่ 5 และเรื่องราวของตอนนี้จะเริ่มต้นในห้องที่ 5
ก่อนที่ผมจะบรรยายห้องที่ 5 คุณต้องเข้าใจบางอย่างก่อน ผมไม่ใช่พวกติดยา ไม่มีประวัติเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดหรือโรคประสาทประเภทไหนเลย ซึ่งภาพหลอนในวัยเด็กที่ผมเคยเห็นมันจะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อตอนผมเหนื่อยหรือเพิ่งตื่นนอน เพราะตอนแรกที่ผมเข้ามาในบ้านหลังนี้ผมยังรู้สึกสบายๆอยู่เลย
หลังจากล้มลงในห้องที่ 5 ผมมองจากพื้นขึ้นไปบนเพดาน สิ่งที่ผมเห็นไม่ได้ทำให้ผมตกใจ มันทำให้ฉันประหลาดใจมากกว่า เพราะมันมีต้นไม้ตั้งตระหง่านอยู่ทั่วห้องราวกับป่า เพดานในห้องนี้ดูสูงกว่าห้องอื่น ๆ ทำให้ผมคิดว่าห้องนี้น่าจะอยู่ตรงกลางบ้าน ผมลุกขึ้นจากพื้นปัดฝุ่นและมองไปรอบ ๆ มันเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดเลยเท่าที่ผ่านมา ผมมองไม่เห็นประตูจากที่ที่ผมอยู่ หญ้าและต้นไม้ต่างๆบดบังทางออกอยู่ มาถึงจุดนี้ผมคิดว่าภายในห้องจะน่ากลัวกว่านี้ แต่นี่เหมือนเป็นสวรรค์ไปเลยเมื่อเทียบกับห้องก่อนหน้า ผมคิดว่าไอ้เจ้าตัวที่อยู่ในห้องที่ 4 คงจะไม่มาที่ห้องนี้ แต่ผมคิดผิด
เมื่อเดินเข้าไปในห้องลึกขึ้นเรื่อย ๆ ผมก็เริ่มได้ยินสิ่งที่ควรจะได้ยินเวลาที่อยู่ในป่า แมลงส่งเสียงเจื้อยแจ้วและนกกระพือปีกเป็นครั้งคราว นั่นเป็นเสียงที่กวนใจผมมากที่สุด ผมได้ยินเสียงแมลงและสัตว์อื่น ๆ แต่กลับมองไม่เห็นพวกมันเลย ผมเริ่มสงสัยว่าบ้านหลังนี้มันใหญ่ขนาดไหนกันแน่ ก่อนเข้ามาในบ้านหลังนี้ มันแทบจะเหมือนบ้านทั่วๆไป แต่ห้องนี้แทบจะเต็มไปด้วยป่า มองไม่เห็นเพดานและผนังห้องเลยด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้ว่าผมยังอยู่ข้างในบ้านคือพื้นห้องที่เป็นพื้นไม้สีเข้ม
ผมเดินไปเรื่อย ๆ หวังว่าต้นไม้ต้นถัดไปที่ผมเดินผ่านไปจะเผยให้เห็นประตูของห้องถัดไป หลังจากเดินไปสักพักผมรู้สึกว่ามียุงตัวนึงบินมาเกาะที่แขน ผมปัดมันออกและเดินต่อไป วินาทีต่อมาผมรู้สึกว่าน่าจะมีอีก 10 ตัวมีเกาะที่ตัวผม ผมรู้สึกว่าพวกมันไต่ขึ้นลงบนแขนและขาของผมและมีสองสามตัวไต่อยู่ที่หน้าผม ผมสะบัดหน้าไปมาอย่างดุเดือดเพื่อไล่พวกมันทั้งหมดออกไป
แต่พวกมันก็กลับมาอีก ผมมองลงไปและส่งเสียงกรีดร้องอู้อี้ จริงๆมันเป็นเสียงครวญครางมากกว่า แต่พอผมมองดูดีๆกลับไม่เจออะไรเลย ไม่เห็นแมลงเลยสักตัว แล้วที่ผมรู้สึกว่ามีอะไรไต่อยู่ล่ะ มันคืออะไร ความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มกลับมาอีกแล้ว ผมล้มตัวลงพื้นกลิ้งตัวไปมาอย่างร้อนรน ต้องบอกก่อนว่าผมเกลียดแมลงมากโดยเฉพาะผมมองไม่เห็นพวกมัน แต่ยังรู้สึกได้ว่าพวกมันยังเกาะผมอยู่ ผมเริ่มคลานไม่ตามพื้น ผมไม่รู้ว่าผมจะไปที่ไหน ไม่มีทางเข้าที่ไหนเลยและผมก็ยังไม่เห็นทางออกด้วยซ้ำ ขณะคลานไปก็ยังรู้สึกได้ว่าพวกแมลงผีนั่นมันยังคงเกาะตามตัวผมอยู่
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมงผมก็เจอประตูสักที ผมรีบพยุงตัวขึ้นตบแขนขาตัวเอง แล้วพยายามวิ่งออกไป แต่กลับทำไม่ได้ ร่างกายของผมเหนื่อยล้าจากการคลานและจัดการกับสิ่งที่อยู่ตามตัวผม ผมเดินไปที่ประตูอย่างช้าๆ
ประตูอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง เสียงของไอ่ตัวที่อยู่ในห้องที่ 4 แต่ตอนนี้เสียงนั้นมันดังมาจากห้องถัดไป ห้องที่อยู่ข้างหน้าผมตอนนี้ เสียงนั้นดังและทุ้มขึ้นกว่าเดิมเหมือนเข้ามากระทบตัวผมอย่างจัง พอยืนอยู่หน้าประตูแมลงที่เกาะตามตัวก็ได้หายไปหมดแล้ว
ผมจับลูกบิดประตู แต่ไม่กล้าออกแรงบิดประตู ผมรู้ว่าถ้าผมหนีออกไปทางเดิมพวกแมลงก็จะกลับมาและก็ไม่มีทางออกไปจากห้องที่ 4 ได้แน่เพราะประตูมันล็อคอยู่ ผมทำได้แค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หัวก็พิงกับประตูที่มีเครื่องหมายเลข 6 มือจับลูกบิดอย่างสั่นเทา เสียงครวญครางดังมากจนผมไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินหน้าต่อไป ห้องที่ 6 อยู่ข้างข้างหน้าและห้องนั้นมันจะเป็นนรกอย่างแน่นอน
ผมตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป แล้วหลับตาลง แต่หูก็ยังได้ยินเสียงนั้น มันยังคงดังอยู่รอบๆตัวผม แต่เมื่อผมปิดประตูเสียงนั้นก็หายไป ผมลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจและประตูที่ผมเพิ่งปิดไปเมื่อกี้ก็หายไปเช่นกัน ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่กำแพง ผมมองไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ ห้องนี้เหมือนกับห้องที่ 3 มีเก้าอี้และโคมไฟตัวเดียวกัน แต่คราวนี้เงาทอดผ่านถูกที่ถูกทางแล้ว สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือไม่มีประตูทางออกและประตูที่ผมเพิ่งเข้ามาก็หายไป ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเสียสติแล้ว ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมไม่ได้กรีดร้อง ไม่ได้ส่งเสียง
ผมใช้มือข่วนกำแพงเบา เป็นกำแพงที่หนาพอสมควร ผมคิดว่ามันต้องมีประตูซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่นอน มันต้องมีอยู่แน่นอน ผมข่วนไปตรงที่เคยมีลูกบิดประตูอยู่ ผมยังคงทำแบบนั้นอยู่เรื่อยๆ ผมคุกเข่าลงเงียบ ๆ เสียงเดียวที่ได้ยินในห้องคือเสียงเล็บข่วนกับผนังไม่หยุดหย่อน ผมรู้ว่าประตูมันจะอยู่ตรงนั้น เพียงแค่ผมต้องพังผนังนี้ให้ได้
“เป็นไงบ้าง”
ผมตกใจสะดุ้งลุกขึ้นแล้วหันหลังกลับไปมองตามเสียงที่ได้ยิน จนถึงตอนนี้ผมยังรู้สึกเสียใจที่หันกลับไปอยู่เลย มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เธอสวมชุดเดรสสีขาวนุ่ม ๆ ที่ยาวลงมาถึงเข่า เธอมี ผิวขาว ดวงตาสีฟ้า เธอเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่ผมเคยเห็นและผมรู้ว่าไม่มีอะไรในชีวิตของผมที่จะน่ากลัวเท่ากับสิ่งที่ผมเห็นในตัวเธอ
ผมเห็นบางอย่าง บางอย่างที่ดูเหมือนร่างกายของผู้ชายซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าปกติและมีขนปกคลุมทั่วร่างกาย ที่ผมรู้คือไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ มันดูเหมือนปีศาจหมาป่ามากกว่า มันน่าสยดสยองมาก เหมือนกับเด็กสาวตรงหน้าผมกับปีศาจตัวนี้เป็นคนๆเดียวกัน ผมไม่สามารถบรรยายได้จริงๆ แต่ผมเห็นพวกเขาในเวลาเดียวกัน พวกเขาอยู่ในจุดเดียวกันในห้องนี้ แต่มันเหมือนกับการมองสองมิติที่แยกจากกัน เมื่อผมเห็นเด็กสาวผมก็จะเห็นปีศาจ เมื่อผมเห็นปีศาจผมก็จะเห็นเด็กสาว ผมแทบเป็นใบ้ไปเลย แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผมใช้ความคิดกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ได้เลยสักนิด ผมเคยกลัวมากที่สุดในชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับตอนนี้ ผมทำได้แค่ยืนนิ่งแล้วจ้องมองภาพตรงหน้า ผมถูกขังไว้ที่นี่กับปีศาจ
และแล้วมันก็เริ่มพูด “ดาวิด คุณต้องฟังฉัน” ผมได้ยินเป็นเสียงของเด็กสาว แต่มันเหมือนไม่ได้มาจากเสียงพูด มันเหมือนเป็นเสียงในความคิดมากกว่า แล้วก็ไม่มีประโยคไหนที่มันพูดอีกมาอีกเลย เสียงนั้นยังคงย้ำประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในคว่มคิดของผมและฉันก็เห็นด้วยกับที่มันพูด ผมต้องฟังมัน ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ผมกำลังตกอยู่ในความบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่สามารถละสายตาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ ผมล้มลงไปกองกับพื้น ผมคิดว่าตัวเองน่าจะสลบไปแล้ว แต่ก็ไม่ ผมแค่อยากให้มันจบลงสักที ผมจ้องมองที่มัน มันก็จ้องมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา
ผมเห็นหนูของเล่นกำลังวิ่งไปมาบนพื้นตรงหน้า ผมเคยเห็นมันมาแล้วในห้องที่ 2 บ้านหลังนี้กำลังเล่นสนุกกับผม แต่เมื่อผมเห็นหนูของเล่นตัวนั้น มันทำให้สติผมเริ่มกลับมาอีกครั้ง ผมเริ่มมองไปรอบๆห้อง ผมต้องออกไปจากบ้านหลังนี้และมีชีวิตรอดกลับไปให้ได้ ผมรู้ว่าห้องนี้มันคือนรกและผมยังไม่พร้อมที่จะจบลงที่นี่ ผมกวาดตามองหาผนังหรือหาอะไรก็ได้ที่จะพาผมออกไปจากห้องนี้ จริงๆแล้วห้องนี้มันก็ไม่ได้ใหญ่มาก ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานในการรู้แผนผังห้องทั้งหมด ปีศาจตัวนั้นมันยังคงจ้องมาที่ผม แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาแล้ว ผมรีบหันเข้าหาผนังห้อง สำรวจดูว่ามีกลไกอะไรสักอย่างรึเปล่า
จากนั้นผมก็แทบไม่อยากจะเชื่อ ปีศาจตัวนั้นมาอยู่ข้างหลังผม แล้วกระซิบผ่านทางความคิดว่า “นายไม่ควรมาที่นี่” ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่หลังคอ แต่ผมจะไม่ยอมหันกลับไปเด็ดขาด แต่แล้วผมก็เห็นบางอย่าง มันคือเลข 7 ตัวใหญ่ที่ฝังอยู่บนผนังห้อง ผมแน่ใจว่าข้างหลังกำแพงนี้คือห้องที่ 7 อย่างแน่นอน ผมไม่รู้ว่าผมทำได้ยังไง บางทีภายในจิตใจของผมอาจจะสร้างประตูนี้ขึ้นมาก็ได้ และแล้วผมก็พบประตูที่จะพาผมไปยังห้องถัดไป ห้องที่ 7 อยู่ใกล้แค่เอื้อม ปีศาจตัวนั้นยังอยู่ข้างหลังผม แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรมันถึงไม่มาจับตัวผม ผมใช้มือทั้งสองข้างกดลงไปที่เลข 7 จากนั้นก็ออกแรงอย่างกำลัง แล้วปีศาจก็กรีดร้องดังลั่น เหมือนมันกำลังจะบอกผมว่า ผมไม่มีทางจะออกไปจากที่นี่ได้ ที่นี่คือจุดจบสำหรับผม แต่ผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ผมออกแรงกดสุดกำลังพร้อมกับกรีดร้อง แล้วผมก็รู้สึกได้ว่าตัวผมกำลังทะลุผ่านเข้ามาในกำแพงแล้ว ผมหลับตาร้องเสียงหลง
เมื่อลืมตาขึ้น ตอนนี้เหมือนปีศาจได้หายไปแล้ว ผมถูกทิ้งไว้ความเงียบ ผมหันไปมองรอบๆห้อง แล้วสิ่งที่ผมเห็นคือ ห้องที่มีเก้าอี้กับตะเกียง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา