4 พ.ค. 2021 เวลา 13:12 • การเกษตร
ข้อดีและข้อเสียของการปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรพอนิกส์
การปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรพอนิกส์
เป็นการปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหารพืช (Water Culture หรือ Hydroponics) เป็นการปลูกพืชโดยให้รากแช่ในสารละลายธาตุอาหารพืช และบางส่วนสัมผัสอากาศ (Aeroponics) หรือ เป็นการปลูกพืชบนวัสดุที่ไม่ใช่ดินและรดด้วยสารละลายธาตุอาหารพืชหรือน้ำปุ๋ย (Substrats)
ข้อดีและข้อเสียของการปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรพอนิกส์
ข้อดี
1. สามารถปลูกพืชในพื้นที่ที่การเกษตรแบบธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้
เพราะมีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ เช่น พื้นที่ที่เป็นหิน ภูเขาสูงชัน หรือเป็นทะเลทราย หรือที่ดินเพาะปลูกมีปัญหา เช่น ดินเค็มจัด เปรี้ยวจัด หรือเป็นที่สะสมของโรคพืช และแมลงศัตรูพืช
2. ใช้น้ำน้อย ปุ๋ยน้อย กว่าการปลูกพืชในดิน
เพราะน้ำและปุ๋ยไม่สูญเสียจากการไหลทิ้ง การซึมลึก และการแก่งแย่งจากวัชพืช นอกจากนี้ เทคนิคส่วนใหญ่สามารถนำปุ๋ยกลับมาใช้หมุนเวียนได้อีก
3. ใช้แรงงานน้อยกว่าการเพาะปลูกแบบธรรมดา
1
ไม่ว่าจะเป็นการเพาะเมล็ด การเก็บเกี่ยว การกำจัดวัชพืช การจัดเตรียมแปลงปลูก
4. สามารถปลูกพืชในปริมาณที่มีความหนาแน่นสูงกว่าการเพาะปลูกแบบธรรมดา
เพราะมีการให้สารละลายธาตุอาหารที่เพียงพอ พืชไม่ต้องแย่งน้ำและธาตุอาหาร การปลูกพืชสามารถกระทำได้ทันทีหลังเก็บเกี่ยว โดยไม่ต้องรอการเตรียมแปลงปลูก หรือการตากดิน
5. สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมของราก
1
เช่น อุณหภูมิ ความเป็นกรดเป็นด่าง ความเข้มข้นของสารละลายธาตุอาหารพืชได้ดีกว่าการปลูกในดิน พืชจะสามารถดูดกินธาตุอาหารในรูปไอออน หรือโมเลกุลเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้พืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
ข้อเสีย
1. การลงทุนจะสูงกว่าการปลูกพืชในดิน
เพราะต้องใช้เทคโนโลยีสูง ต้องใช้น้ำที่สะอาดและมีความบริสุทธิ์สูงกว่า และใช้โรงเรือนที่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้ จึงจะให้ผลดี โดยเฉพาะในการปลูกพืชปลอดสารพิษ
2. ต้องใช้ประสบการณ์ การดูแลเอาใจ
โดยเฉพาะเทคนิคการปลูกพืชในน้ำ ที่เป็นระบบปิด (closed system) ซึ่งน้ำมีการไหลหมุนเวียน ถึงแม้จะมีการควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติทุกขั้นตอนก็ตาม
3. การชำรุดของเครื่องมืออุปกรณ์ไฟฟ้า
หากแก้ไขไม่ทัน ก็จะมีผลต่อการเจริญเติบโต และการตายของพืชได้
4. มีความเสี่ยงต่อโรคในน้ำค่อนข้างมาก
เพราะน้ำนำพาการกระจายของโรคพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกิดกับรากซึ่งยากต่อการรักษา
5. ไม่สามารถใช้ปุ๋ยอินทรีย์ได้
1
#สาระจี๊ดจี๊ด
ไฮโดรโปนิกส์ แบบ ระบบ NFT (Nutrient Film Technique) เป็นระบบที่เหมาะสมสำหรับมือใหม่ และ เป็นที่นิยมมากที่สุด เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหาร โดยสารอาหารจะไหลเป็นแผ่นฟิลม์บาง ๆ หนา 1 - 3 มิลลิเมตร และสารละลายธาตุอาหารจะมีการไหลหมุนเวียนกลับมาใช้อีกครั้ง
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ!
"เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
แหล่งที่มา / แหล่งอ้างอิง
#สาระจี๊ดจี๊ด #Wasabi #ความรู้ขึ้นสมอง
โฆษณา