ชอบที่สุดคือการเล่าทฤษฎีผ่านเคสจริงที่เกิดขึ้นใน Netflix ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้อ่านสนุก แม้จะไม่มันส์เท่า The Hard Thing About Hard Things แต่ก็ยังอ่านเพลินมาก ส่วนตัวชอบหนังสือธุรกิจและการบริหารที่เล่าจากเคสจริงแน่นๆ แบบนี้ เพราะนอกจากจะสนุกแล้วยังเห็นภาพชัดเข้าใจทฤษฎีได้ง่ายขึ้นด้วย อาจเป็นเพราะส่วนตัวชอบดูพวกสารคดีอยู่แล้ว เวลาอ่านหนังสือที่ใช้วิธีเล่าแบบนี้มันถึงถูกจริตมากๆ บทแรกอาจจะน่าเบื่อหน่อย ติดอยู่สักพักเลย แต่พอเข้าบทสองปุ๊บ อ่านรวดยาวๆ ไปเลย
อีกตัวอย่างคือเรื่องการใช้เงินบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทำงานต่างๆ (travel and expense) ไม่มีการกำหนดว่าตำแหน่งไหน หน้าที่ไหนสามารถเบิกได้เท่าไหร่ เพียงทุกคนต้อง “act in Netflix’s best interest” ฝ่ายการเงินจะไม่ตรวจสอบรายการที่พนักงานเบิกเลย เป็นหน้าที่ของ manager ที่ต้องคอยตรวจสอบเองว่าการเบิกต่างๆ เหมาะสมหรือไม่ ถ้าเจอคนที่ไม่ “act in Netflix’s best interest” สามารถเชิญออกได้ทันที
อีกเรื่องที่พูดถึงกันเยอะคือ Pay top of the market และเปรียบเทียบกับการเป็นทีมกีฬาซึ่งมาพร้อมกับความท้าทายที่ต้อง perform ในระดับสูงสุดตลอด เวลา ใครที่ไม่ perform จะโดนถอดออกจากทีมได้เลย (adequate performance gets a generous severance package) หรืออย่างเรื่อง “Keeper Test” ที่พูดถึงกันเยอะ