11 พ.ค. 2021 เวลา 19:06 • ข่าว
เยรูซาเล็ม ดินแดนที่ถูกยึดครอง
ย้อนกลับไปเมื่อวันเสาร์ (8 พ.ค.) ทหารอิสราเอลได้เข้าไปปราบปรามสลายการชุมนุมชาวปาเลสไตน์ในบริเวณมัสยิดอัล-อักซอ จนทำให้ชาวปาเลสไตน์ ซึ่งกำลังรวมตัวกันปฏิบัติศาสนกิจช่วงท้ายของเดือนรอมฏอน ได้รับบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมากนับเป็นร้อย ๆ คน
จริง ๆ แล้ว การรวมตัวของชาวปาเลสไตน์จำนวนมากในค่ำคืนนั้นมิได้มีเป้าประสงค์ที่จะปฏิบัติศาสนกิจเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการรวมตัวกันประท้วงกระบวนศาลของอิสราเอลที่กำลังจะตัดสินให้บ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์บางส่วนใน เชค ญัรรอห์ (Sheikh Jarrah) กลายเป็นสิทธิของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิว ซึ่งศาลมีนัดอ่านคำพิพากษาในวันจันทร์ (10 พ.ค.)
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับเพราะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ศาลในเยรูซาเล็มก็มีคำสั่งให้ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ 6 ครอบครัว ย้ายออกจากบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่มาเกือบ 70 ปี เพื่อหลีกทางให้กับผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิว
ที่ผ่านมาชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนที่อาศัยอยู่ใน เชค ญัรรอห์ ต้องเผชิญกับกระบวนการทางศาลอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2020 มีชาวปาเลสไตน์ประมาณ 36 ครอบครัว ถูกขับออกจากบ้านที่อยู่อาศัยของพวกเขา กลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัยถึง 165 คน
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ Peace Now องค์กรที่เคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพ ออกมาอธิบายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องกฎหมาย แต่เป็นเรื่องการเมือง ศาลเป็นเพียงเครื่องมือที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวใช้ โดยได้รับความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดจากหน่วยงานของรัฐในการกระทำความผิด โดยมีเป้าหมายเพื่อแทนที่ชุมชนทั้งหมด ด้วยการตั้งถิ่นฐานของผู้ยึดครอง
พูดอีกแบบหนึ่งก็คือ อิสราเอลต้องการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไปจากเยรูซาเล็มตะวันออกทั้งหมด โดยใช้กระบวนการทางศาล เพื่อให้เยรูซาเล็มตะวันออกมีแต่ชาวยิวเท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของ
ย้อนกลับไปตอนที่ความเป็นจักรวรรดิของอังกฤษถดถอยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษจึงไม่สามารถดูแลดินแดนใต้อาณานิคมของตนเองได้ทั้งหมดอีกต่อไป
ปาเลสไตน์กลายเป็นดินแดนส่วนหนึ่งที่อยู่ใต้อาณานิคมอังกฤษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหามากที่สุด เกิดการเผชิญหน้าระหว่างชาวยิวผู้อพยพมาใหม่จากยุโรป (นำโดยกลุ่มก่อการร้ายชาวยิวตามที่อังกฤษเรียก) กับชาวปาเลสไตน์ผู้เป็นเจ้าของดินแดนเดิมมานับ 2,000 ปี
 
ปัญหาวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ทำให้อังกฤษตัดสินใจส่งมอบดินแดนปาเลสไตน์ให้ไปอยู่ภายใต้การดูแลขององค์การสหประชาชาติ จนเป็นที่มาของแผนการแบ่งแยกดินแดนปาเลสไตน์ (UN Partition Plan) ซึ่งสหประชาชาติได้มีมติออกมาเมื่อปี 1947 อันเป็นแผนที่จะแบ่งดินแดนของชาวปาเลสไตน์ออกเป็น 3 ส่วนคือ เป็นของชาวยิวส่วนหนึ่ง เป็นของปาเลสไตน์ส่วนหนึ่ง
อีกส่วนสุดท้ายคือเยรูซาเล็ม ซึ่งจะไม่ถูกมอบให้ใคร แต่จะอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยประชาคมระหว่างประเทศ อันเนื่องจากสถานพิเศษของดินแดนแห่งนี้ที่มีศาสนสถานสำคัญของ 3 ศาสนา คือ ยูดาห์ คริสเตียน และอิสลาม (Abrahamic religions)
แต่ไม่ทันที่ข้อมติของสหประชาชาติข้างต้นจะถูกนำไปใช้ กองทัพของยิวไซออนิสต์ก็รุกคืบเข้าไปยึดดินแดนตะวันตกของเยรูซาเล็ม จากนั้นจึงประกาศให้ครึ่งหนึ่งของเยรูเล็มทางด้านตะวันตกเป็นส่วนหนึ่งของรัฐยิว
 
ด้วยเหตุนี้เวลาเราพูดถึงปัญหาเยรูซาเล็มในปัจจุบัน มันก็คือเยรูซาเล็มตะวันออก
หากมองจากแง่มุมนี้ เมื่ออิสราเอลได้เยรูซาเล็มตะวันตกไปแล้ว เยรูเล็มตะวันออกก็ควรที่จะเป็นของปาเลสไตน์ โดยภายใต้กระบวนการสันติภาพนับจากปี 1993 หลายฝ่ายก็เข้าใจตรงกันไปในทิศทางนี้คือ เยรูซาเล็มตะวันออกจะเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต
 
อย่างไรก็ตาม หลังสงครามอาหรับ-อิสราเอลครั้งที่ 3 หรือสงคราม 6 วันในปี 1967 อิสราเอลได้รุกเข้าไปยึดครองดินแดนเยรูซาเล็มตะวันออก ซึ่งขณะนั้นดินแดนส่วนนี้อยู่ภายใต้การดูแลจัดการโดยประเทศจอร์แดน
ไม่เฉพาะเท่านั้น อิสราเอลยังเพิ่มเติมกฎหมายให้ขยายครอบคลุมเพื่อผนวกเยรูซาเล็มตะวันออกให้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐอิสราเอล ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสหประชาชาติได้ออกมติ 242 และ 338 มาก่อนหน้านี้ให้อิสราเอลต้องคืนดินแดนที่อิสราเอลยึดมาได้หลังสงคราม 6 วันให้แก่เจ้าของเดิม
อิสราเอลไม่สนใจมติของสหประชาชาติ ยิ่งกว่านั้นในปี 1980 รัฐสภาอิสราเอลได้ผ่านกฎหมายที่เรียกว่า “Jerusalem Law” ที่ระบุว่า เยรูซาเล็มทั้งหมดคือเมืองหลวงของอิสราเอล
นับจากนั้นมา อิสราเอลจึงเดินสายล็อบบี้ให้ประชาคมโลกยอมรับสถานะของเยรูซาเล็มว่าเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยมีใครเห็นด้วย
เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะทันทีที่รัฐสภาอิสราเอลผ่านกฎหมายที่เรียกว่า “Jerusalem Law” ดังกล่าวออกมา คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ก็ได้มีมติที่ 478 ของปี 1980 ประกาศให้กฎหมายเยรูซาเล็มที่ผ่านโดยรัฐสภาของอิสราเอลเป็นโมฆะ
ด้วยเหตุนี้ การผนวกเอาเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นส่วนหนึ่งของรัฐอิสราเอลจึงเป็นเรื่องผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะกฎหมายและมติของสหประชาชาติทั้งหมดได้อธิบายไปในแนวทางเดียวกันว่า ดินแดนส่วนนี้คือ “Occupied Territory” ที่อิสราเอลไม่มีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนเหล่านี้ นอกเสียจากรอวันส่งมอบคืนให้เจ้าของดินแดนที่แท้จริงครับ
ทุกวันนี้ ไม่มีใครยอมรับเยรูซาเล็มว่าเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ยกเว้นแต่สหรัฐฯและรัสเซีย
ที่แตกต่างคือในขณะที่สหรัฐฯ ยอมรับให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลทั้งหมด แต่รัสเซียกลับยอมรับว่าเยรูซาเล็มตะวันตกเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และเยรูซาเล็มตะวันออกควรเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจากผศ.ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา