Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องของปราชญ์
•
ติดตาม
11 พ.ค. 2021 เวลา 00:14 • ข่าว
เยรูซาเล็มกำลังลุกเป็นไฟ 🔥🔥
ควันไฟในบริเวณมัสญิดอัลอักศอ
เมื่อวันจันทร์ (10 พ.ค. 64) เป็นวันครบรอบ 54 การยึดครองปาเลสไตน์เพิ่มเติมโดยอิสราเอลหลังชนะสงคราม 6 วันในปีค.ศ.1967
เดิมทีชาวยิวที่เป็น nationalists ตั้งใจจะเดินขบวนเฉลิมฉลองในเยรูซาเล็ม ซึ่งเส้นทางที่จะใช้ทำกิจกรรมนั้นจะผ่านบริเวณ Al-Aqsa Mosqe ศาสนสถานที่มีความสำคัญอันดับ 3 ของโลกมุสลิม ทว่าทางการอิสราเอลก็สั่งระงับการเดินขบวนในที่สุดเพราะเกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลายเนื่องจากมีการปะทะกันหลายรอบแล้วในช่วง 1 เดือนนี้ (
https://twitter.com/i/status/1391857554754621445
)
อย่างไรก็ตามในวันจันทร์เจ้าหน้าที่อิสราเอลบุกเข้าไปยิงแก็สน้ำตาและระเบิดแสงใส่ชาวมุสลิมที่กำลังจะออกจากมัสญิดอัลอักศอหลังเสร็จสิ้นจากการละหมาดทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และหลายคนยังคงติดค้างอยู่ในอาคารมัสญิดไม่สามารถไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้
เจ้าหน้าที่อิสราเอลบุกเข้าบริเวณมัสญิดเป็นรอบที่ 3 ในวันจันทร์
ก่อนหน้านี้เพียง 1 วันก็มีกรณีบุกเข้าไปยิงกระสุนยาง แก็สน้ำตาและระเบิดแสงใส่ชาวมุสลิมขณะที่ละหมาดด้วย
ผู้สื่อข่าวของ al jazeera รายงานจากเมือง Ramallah ในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองว่า "สถานการณ์ตอนนี้ยังตึงเครียด มีผู้บาดเจ็บกว่า 300 คนที่องค์กรจันทร์เสี้ยวแดงของปาเลสไตน์กำลังดูแลอยู่ในหลายเมืองของเวสต์แบงก์ รวมถึง Nablus, Bethlehem และ Ramallah"
และว่า "หากการถล่มทางอากาศยังเกิดขึ้นในฉนวนกาซ่า เราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าสถานการณ์จะยกระดับขึ้นอีก"
ขณะที่ขบวนการ Hamas ซึ่งปกครองฉนวนกาซ่าได้ยื่นคำขาดให้อิสราเอลถอนทหารและตำรวจออกจากศาสนสถานภายใน 18:00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อถึงเส้นตายหะมาสจึงยิงจรวดเข้าไปในอิสราเอล 7 ลูก ทำให้อิสราเอลตอบโต้กลับอย่างรุนแรงใส่หลายพื้นที่ในกาซ่า
การตอบโต้ของอิสราเอลใส่ฉนวนกาซ่า
กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่าการโจมตีของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตในวันจันทร์แล้วอย่างน้อย 20 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4 ราย และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 65 คนในฉนวนกาซ่า
ในวันนี้จะมีการประชุมวาระเร่งด่วนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติโดยคำร้องขอของตูนีเซียเพื่อหารือถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปาเลสไตน์และอิสราเอล
เยรูซาเล็มคือพื้นที่สำคัญของโลก
เยรูซาเล็ม (มุสลิมเรียกว่า อัล-กุดส์) ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ทั้งโลก โดยเฉพาะในหมู่ผู้ศรัทธาในศาสนาสากลแบบเอกเทวนิยม ไม่ว่าจะเป็นศาสนายูดาห์ คริสเตียน หรือ อิสลาม ซึ่งมีจำนวนประชากรรวมกันไม่ต่ำกว่า 3,700 ล้านคนทั่วโลก หรือคิดเป็นประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก
แผนที่เยรูซาเล็ม
ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนา เมืองนี้จึงมีความสำคัญทั้งด้านการเมืองและประวัติศาสตร์ของโลกตลอดมา อันเป็นบ่อเกิดของสันติภาพและความขัดแย้ง ขึ้นอยู่กับบริบทแวดล้อมและสถานการณ์ในแต่ละยุคแต่ละสมัย
ในมิติความขัดแย้งนั้น ประเด็นหลักมักวนเวียนอยู่ที่ข้อถกเถียงว่า ศาสนาใดใกล้ชิดเกี่ยวพันกับดินแดนเยรูซาเล็มมากกว่ากัน จนเป็นที่มาของการอ้างสิทธิครอบครองเมืองนี้ของแต่ละฝ่าย กลายเป็นความขัดแย้งเรื้อรัง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์-อิสราเอลเรื่อยมานับตั้งแต่เริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 20 ปีก่อน
ขณะที่ชาวมุสลิมทั่วโลกต่างให้การยอมรับความสำคัญของศาสนายูดาห์และคริสเตียน ซึ่งมีประวัติศาสตร์เกี่ยวโยงใกล้ชิดกับนครเยรูซาเล็ม แต่ก็ย้ำว่า สถานที่แห่งนี้ก็มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับศาสนาอิสลามด้วยเช่นกัน
และเยรูซาเล็มมิได้มีความผูกมัดทางจิตวิญญาณต่อชาวปาเลสไตน์หรือชาวอาหรับเท่านั้น แต่ดินแดนแห่งนี้คือ ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมทั่วโลกอีกด้วยเพราะนอกจากมัสยิดฮารอมในนครมักกะฮ์และมัสยิดนะบะวีย์ในมะดีนะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบียแล้ว มัสยิดอัล-อักศอในเยรูซาเล็ม ถือเป็นมัสยิดที่มีความสำคัญมากที่สุดเป็นลำดับ 3 ของศาสนาอิสลาม อีกทั้งอัล-อักซอยังถือเป็น "กิบลัต" แรกในประวัติศาสตร์อิสลาม หรือชุมทิศแรกที่มุสลิมหันหน้าไปยามละหมาดและขอพรต่อพระเจ้า ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นนครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในเวลาต่อมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
Al-Aqsa compound
นอกจากนี้แล้ว มัสยิดอัล-อักศอยังเป็นศาสนสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์อิสลามเนื่องจากมัสยิดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ศาสดามุฮัมมัดได้ละหมาดก่อนที่จะถูกนำตัวขึ้นสู่ชั้นฟ้าเบื้องสูงในเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า “อิสรออ์และมิอ์รอจญ์”
แต่สำหรับชาวยิวแล้ว เยรูซาเล็มคือที่ตั้งของ The Temple Mount หรือพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสร้างโดยศาสดาโซโลมอน หรือที่มุสลิมรู้จักในนามศาสดาสุไลมาน (ปกครองระหว่าง 971-931 ก่อนคริสต์ศักราช) แต่พระวิหารยุคแรกนี้ก็ถูกทำลายโดยพวกบาบิโลนเมื่อ 587 ก่อนคริสต์ศักราช
จากนั้นก็มีการสร้างมหาวิหารยุคที่ 2 ขึ้นในสมัยกษัตริย์ไซรัสมหาราชและดาไรอุส
อีก 500 ปีต่อมาพระวิหารที่ 2 (Second Temple) ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์โดยกษัตริย์แฮรอดมหาราช จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “พระวิหารแฮรอด”
แต่สุดท้ายพระวิหารแห่งใหม่นี้ก็ถูกทำลายโดยพวกโรมันในปี ค.ศ.70 เหลือแต่ซากกำแพงเก่าที่ไม่ได้ถูกทำลาย ซึ่งเป็นที่มาของ "กำแพงร้องไห้" ที่อยู่ทางตะวันตก หรือ “Western Wall”
นับจากนั้นเป็นต้นมา ผู้นับถือศาสนายูดาห์นิกายออร์โธด็อกซ์ ก็ตั้งหน้ารอคอยการสร้างพระวิหารยุคที่ 3 ในเยรูซาเล็ม พร้อมกับการรอคอยการปรากฏตัวของเมสไซยาห์ของชาวยิว (Jewish Messianism) ก่อนที่พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายโลก
ปัญหาก็คือ ตามความเชื่อของชาวยิวกลุ่มนี้ หากจะฟื้นฟูมหาวิหารยุคที่ 3 ขึ้นมาจริงๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ต้องรื้อถอนมัสยิดอัล-อักซอและโดมทองแห่งศิลา (Dome of the Rock) ของชาวมุสลิมเสียก่อน เพราะมัสยิดเหล่านี้ก่อสร้างอยู่บนเนินเขาที่ชาวยิวเชื่อว่าเป็น "The Temple Mount"
พูดอีกอย่างคือ ชาวยิวอ้างว่าข้างใต้ศาสนสถานสำคัญของชาวมุสลิมในเยรูซาเล็มคือซากมหาวิหารโซโลมอนนั่นเอง
นี่แหละครับคือสาเหตุหลักที่ทำให้เยรูซาเล็มกลายเป็นเมืองแห่งความวุ่นวายอย่างที่เราเห็นกันอยู่ในสื่อทุกวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางคนถึงกับฟันธงว่า เยรูซาเล็มอาจเป็นระเบิดเวลาสำหรับสงครามใหญ่ที่กำลังคืบคลานเข้ามาในไม่ช้าไม่นานก็เป็นได้
ผศ.ดร.ศราวุฒิ อารีย์ เขียนไว้เมื่อ 4 พฤศจิกายน 2557 หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
1 บันทึก
1
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เขียนจากข่าว
1
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย