15 พ.ค. 2021 เวลา 04:53 • ท่องเที่ยว
เขาปลาร้า
การเผชิญหน้ากับความกลัว
Chapter 2
ธรรมชาติหลอกหลอน
ภูติผี สัตว์ป่า หรือ แค่ความกลัว
จาก chapter 1 "ไต่ลงสู่ความมืด" ใครยังไม่ได้อ่าน ผมแนะนำให้อ่านก่อนครับเหตุการณ์มันต่อเนื่องกัน
เราปีนออกจากการสำรวจถ้ำลึกลับที่มีซากฟัน ปริศนา แล้วก็เก็บข้าวของแบกสัมภาระทั้งหมดขึ้นบ่า เดินเท้าต่อไปยังยอดเขา เพื่อไปทำอาหารและพักค้างแรมกันในค่ำคืนนี้
เขาปลาร้า วันหยุดสิ้นปี 2544
ใช้เวลาไม่นาน ประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงยอดเขา จุดนี้เรียกว่าถ้ำประทุน ที่มีกำแพงหน้าผาขนาดใหญ่ โอบล้อมลานดินตรงกลางไว้ เป็นจุดที่มีภาพเขียนฝาผนังสมัยโบราณ บอกเล่าเรื่องราวของการดำรงค์ชีวิตในยุคก่อนประวัติศาสตร์
แต่วันนั้นผมไม่ได้เก็บภาพมาฝาก เพราะจุดประสงค์เราไม่ใช่สิ่งนั้น อีกอย่างกล้องฟิล์มสมัยก่อน มันเก็บภาพได้แค่ 36 ภาพถ้าผมจำไม่ผิด จะถ่ายอะไรทีก็คิดแล้วคิดอีก อันไหนไม่ได้อยู่ในความสนใจก็คงต้องข้าม ๆ ไป
แต่ใครอยากรู้ว่าภาพเขียนฝาผนังเป็นแบบไหน ผมมี link จาก sanook.com มาให้ดูครับ
นอกเรื่องไปหน่อย มาต่อกันดีกว่า
เราสำรวจหาจุดกางเต็นท์ จนได้พื้นที่พอเหมาะราบเรียบไม่มีหินทิ่มหลัง จากนั้นก็แยกย้ายกันไปเก็บท่อนไม้แห้ง ๆ มาก่อไฟทำอาหาร ซึ่งก็หนีไม่พ้นอาหารระดับมิชลินสตาร์อย่าง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และข้าวกับปลากระป๋อง
ในสมัยโน้นย้อนไป 20 ปี อุปกรณ์แคมป์ปิ้งไม่ได้หรูเลิศอลังการเหมือนยุค5G ยังคงเป็นเต้็นท์ปักสมอ กับแผ่นรองนอนที่แข็งแกร่งดุจหินผา จะนอนหลับได้ก็ต้องอาศัยความอ่อนล้าขั้นสุด แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าการได้นั่งสนทนากันข้ามคืน ของเพื่อนฝูงในช่วงวัยที่สังขารยังอดนอนได้อยู่
ตั้งแคมป์ทำอาหารเย็น กันบนยอดเขา วันหยุดสิ้นปี 2544
บรรยากาศยามเย็น พร้อมวิว 180 องศาบนยอดเขาสูง กับการทำอาหารแบบง่าย ๆ ด้วยวิชาลูกเสือกับหม้อสนาม พร้อมจิบเครื่องดื่มมอลต์สกัดร้อน ๆ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้
เรานั่งมองกองไฟลุกโชน กำลังเผาหม้อสนาม กันจนแสงจากพระอาทิตย์ค่อย ๆ ดับลงทีละนิด แล้วความมืดก็ปกคลุมไปทั่วผืนป่า
เพียงระยะเวลาไม่กี่นาที บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปอย่างสุดขั้ว ความเงียบสงัดแห่งรัตติกาลภายใต้การโอบล้อมของผาหินสูงใหญ่ ขับไล่ความรู้สึกสบายในยามเย็น ให้กระเจิดกระเจิงหนีหายไป แล้วเชื้อเชิญความวังเวงชวนขนลุกเข้ามแเทนที่ทุกอนู
ระยะมองเห็นนั้นเพียงแค่รัศมีไม่เกิน 5 เมตรรอบกองไฟ เรื่องราวของสัตว์ร้ายอย่างหมีป่า ที่ได้ยินมาก่อนหน้าเริ่มดังชัดขึ้นในหัวสมอง
บทสนทนาระหว่างเพื่อนฝูงเปลี่ยนไป เป็นการวางแผนค้างคืนให้ปลอดภัย ด้วยการจัดเวรยามเฝ้าระวัง
แต่ถึงแม้ว่าบรรยากาศจะน่ากลัว จนเราแทบไม่กล้าเดินออกจากระยะแสงไฟ แต่ก็ไม่วายได้ขุดเอาเรื่องผีสางนางไม้มาเล่าให้ยิ่งเกิดวังเวงหนักข้อขึ้นไปหลายเท่าตัว
ดูเหมือนผืนป่าจะรับรู้ และต้องการขยี้ต่อมความหวาดหวั่นในใจ เสียงหินหล่นจากหน้าผาดังขึ้นเป็นระยะตลอดทั้งคืน ยังความระแวงแห่งสัตว์ป่าที่อาจย่างกรายเข้ามาโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว
แม้เพียงแสงไฟส่องอ่อน ๆ กระทบหน้าผาให้เกิดเงาตะคุ่มตะคุ่ม ก็พาจิตใจคิดไปถึงเรื่องราวทั้งลี้ลับ เหนือธรรมชาติ และสัตว์ร้าย จนการแบ่งเวรยามนั่นกลายเป็น ตื่น 2 คน นอน 1 คน ผลัดละ 2 ชั่วโมง เอาเข้าจริงก็แทบไม่มีใครได้นอน
บรรยากาศถ้ำประทุนยามค่ำคืน
🌙 เวลาล่วงเลยมาจนถึงประมาณตีสองกว่า ถึงคราวที่ ต้น จะได้พักผ่อนบ้าง (ถ้าใครไม่ได้อ่าน chapter 1 มา ทริปนี้ เรามากัน 3 คน มี ผม พี่ชาย และเพื่อนชื่อ ต้น) อาจจะเพราะดึกมากและความเหนื่อยล้า ทำให้เขาหลับได้เหมือนปิดสวิตช์
ผมกับพี่ชายนั่งเฝ้ายาม และคอยเติมกองไฟไม่ให้มันดับ แต่ว่าเรื่องราวการสนทนาไม่เหลืออะไรให้ขุดขึ้นมาคุยได้อีก คงไว้แต่ความเงียบสงัดกับเสียงแตกของไม้ที่ไหม้ไฟ และเสียงหินที่หล่นจากผาเป็นระยะซึ่งดูเหมือนว่าเราจะคุ้นเคยกับมันไปแล้ว...
🔥ท่ามกลางเวรยามสะลึมสะลือ จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ต้องมาตื่นตัวอีกครั้งกับเสียงประหลาดที่ดังมาจากทั่วสารทิศ เดาได้เลยว่ามันเป็นเสียงคำรามกึ่งครวญครางของสัตว์ป่า ที่มีขนาดตัวไม่เล็กไปกว่าชายกำยำคนนึง
ไฟฉายทุกกระบอก ถูกส่องกันอย่างกระจัดกระจาย เพื่อตามหาที่มาของเสียง มืออีกข้างถือท่อนไม้ที่ปลายอีกด้านไหม้ไฟ พร้อมสู้หากถึงจุดคับขัน
😨 ความตื่นเต้นหวาดกลัวส่งผลให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อีกไม่กี่ชั่วโมงฟ้าก็จะสว่างแล้วเราก็จะลงจากเขา แต่ไม่คิดว่าสัตว์ร้ายที่ชาวบ้านร่ำลือกัน กำลังจะปรากฏตัวให้เห็นเอาตอนนี้
เสียงนั้นดังใกล้เข้ามา แต่เราก็ยังหาตัวไม่พบ ผมตัดสินใจเดินไปที่เต้นท์เพื่อไปปลุกไอ้ต้น ขึ้นมาเตรียมพร้อมรับมือ
แล้วทันทีที่รูดซิปเต็นท์ถือเป็นจุดพีค ทุกอย่างก็กระจ่างแจ่มชัด เสียคำรามของสัตว์ป่า กลับกลายเป็นเสียงลำคอมีปัญหาของคนที่หลับสนิท
การกรนของไอ้ต้นสะท้อนกับหินผาหินด้านหลังเกิดเสียงกึกก้องกัมปนาท เยี่ยงสัตว์ร้ายพร้อมเข้าจู่โจม พวกเราโล่งใจบวกความแค้นเคือง จึงปลุกไอ้ต้นขึ้นมาด่าบนความงัวเงีย แล้วก็ปล่อยมันกลับไปนอนต่อ
1
🌄ไม่นานก็เช้า แสงอาทิตย์ตกกระทบภูเขาลูกถัดไป ปรากฏภาพที่สวยงามแปลกตา เสียดายที่ศักยภาพของกล้องกับฝีมือถ่ายรูปที่ห่วยแตก ไม่สามารถจะเก็บความงดงามนั้นมาได้
บรรยากาศยามเช้า ณ ถ้าประทุน
กับวิวหลักล้านเพิ่มมูลค่าให้กับกาแฟ 3 in 1 ราวกับร้านหรูในเมือง เรานั่งจิบกาแฟ ชมวิวที่ธรรมชาติรังสรรค์มาให้ พร้อมกับอาหารเช้าง่าย ๆ ก่อนเก็บข้าวของกับขยะมูลฝอยและดับกองไฟให้สนิท เหลือทิ้งไว้แค่รอยเท้ากับความระทึกขวัญของค่ำคืนที่ยาวนาน
เรื่องของจิตใจเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด การรับรู้ข้อมูลเพียงเสี้ยวหนึ่งของความจริง แล้วปล่อยให้จิตปรุงแต่งไปต่าง ๆ นานา โดยไม่ยอมพิสูจน์ทราบให้เห็นแน่ชัด บางครั้งอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ต่อชีวิต
การจะผ่านเรื่องราวน่าหวาดหวั่นต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สติกับเหตุผลถือเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้เราผ่านเรื่องพวกนั้นไปได้อย่างง่ายดายและไม่ผิดพลาด...
"ขอสติจงสถิตย์อยู่กับท่าน" ฮ่าฮ่าฮ่า สตาร์ วอร์ส ซะงั้น
จบล่ะครับ
เขียนโดย โจน ทะยาน ตะลุย
ติดตามลัดเลาะได้อีก 1 ช่องทาง
โฆษณา